คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิเทพ ศิริพากย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 538 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5281/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และรบกวนสัญญาณวิทยุ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดฐานทำ มี และใช้โทรศัพท์มือถืออันเป็นเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคมฯ มาตรา 23 และความผิดฐานจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมตามมาตรา 26 มีองค์ประกอบความผิดที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ความผิดตามมาตรา 23 นั้นเป็นความผิดเพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตส่วนความผิดตามมาตรา 26เป็นความผิดเพราะจำเลยจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคม ซึ่งความผิดฐานนี้แม้จำเลยจะมีเครื่องรับวิทยุคมนาคมโดยได้รับหรือไม่ได้รับอนุญาตก็ตาม หากจำเลยจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามมาตรา 26 ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 23 กระทงหนึ่ง และการที่จำเลยลักลอบปรับคลื่นวิทยุคมนาคมของโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุคคลอื่นและของจำเลยเองรวม 3 เครื่องอันเป็นความผิดตามมาตรา 26 แม้การที่จำเลยลักลอบปรับคลื่นวิทยุคมนาคมและนำออกให้ประชาชนเช่าบริการสาธารณะดังกล่าวจะกระทำในเวลาเดียวกันแต่ก็เป็นการกระทำที่สามารถแยกจากกันเป็นราย ๆ ไปได้ ตามจำนวนโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จำเลยลักลอบปรับคลื่นและนำออกให้ประชาชนเช่าบริการสาธารณะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 3 กระทง ไม่ใช่เป็นความผิดเพียงกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5248/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจร
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจร จำคุก 6 เดือนโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุก 3 ปี โดยพิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษ ส่วนบทลงโทษคงลงโทษฐานรับของโจรตามเดิม เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานรับของโจร และศาลอุทธรณ์ไม่ควรเพิ่มโทษจำคุกจำเลย 3 ปี เป็นการโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานและการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4504/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการต่อสู้คดี การให้การที่ไม่ชัดเจน และสิทธิในการคิดดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน
คำให้การของจำเลยที่ว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่และ อ. จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่จำเลยไม่รับรอง เพราะหนังสือรับรองออกมาก่อนฟ้องถึง 7 เดือนนั้นจำเลยไม่ได้ให้เหตุแห่งการปฏิเสธ โดยชัดแจ้งว่าหนังสือรับรองออกมาก่อนฟ้อง 7 เดือน เหตุใดจึงทำให้โจทก์ไม่เป็นนิติบุคคลและ อ. ไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ในประเด็นดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยในประเด็นนี้มาก็ตาม ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อต่อสู้ของจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องนั้นชอบแล้ว
เดิมจำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี มีสิทธิเพียงร้อยละ 7.5 ต่อปี แต่กลับฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยเพราะเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ แม้ปัญหานี้จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่จำเลยก็มิได้อ้างเหตุผลว่าดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวอย่างไร ทั้งโจทก์เป็นสถาบันการเงิน การกำหนดอัตราดอกเบี้ยของโจทก์ตกอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติดอกเบี้ยให้กู้ยืมของสถาบันการเงินฯ ไม่ใช่ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ แต่จำเลยก็มิได้แสดงเหตุผลเช่นกันว่าโจทก์ปฏิบัติผิดต่อกฎหมายดังกล่าวนี้อย่างไร ฎีกาของจำเลยในส่วนนี้ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4330/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องไล่เบี้ยตั๋วแลกเงิน: พิจารณาฐานะผู้ฟ้องและลักษณะหนี้
การที่โจทก์ในฐานะผู้จ่ายหรือผู้รับรองตั๋วแลกเงินได้ใช้เงินให้แก่ผู้รับเงินตามตั๋วแล้วฟ้องไล่เบี้ยเอาจากผู้ออกตั๋วแลกเงินนั้น ไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 หาใช่มีอายุความ3 ปี ตามมาตรา 1001 ไม่ เมื่อตั๋วแลกเงินฉบับสุดท้ายที่จำเลยที่ 1เป็นผู้ออกนับแต่วันครบกำหนดสั่งจ่ายถึงวันฟ้องยังไม่พ้น 10 ปีฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3114/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้นอกศาลของผู้ค้ำประกัน: ศาลไม่ไต่สวนคำร้องที่อ้างการชำระหนี้เพื่อยกฟ้อง
ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 อ้างในคำร้องว่าจำเลยที่ 4แจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 2และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6จึงพ้นความรับผิดไปนั้น เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการชำระหนี้นอกศาลและเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ตามคำคัดค้านของจำเลยที่ 2 และที่ 3 แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 และที่ 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3114/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้นอกศาลของผู้ค้ำประกันและการยกฟ้องคดี การไต่สวนข้อเท็จจริงนอกประเด็นข้อพิพาท
จำเลยทั้งหกให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งหกเสร็จสิ้น ในวันนัดอ่าน คำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ไม่คัดค้าน แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 แถลงคัดค้านว่าทำให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 เสียเปรียบและยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระเงินให้แก่โจทก์ 10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้ค้ำประกันรับผิดร่วมกันในวงเงิน 400,000 บาท หากจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ชำระเงินให้โจทก์ 10,000,000 บาท จริง จำเลยที่ 2 และที่ 3 ย่อมพ้นความรับผิดไปด้วย ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ 10,000,000 บาท ก่อนวันที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษา เป็นการกล่าวอ้างว่ามีการชำระหนี้นอกศาลและเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวมาให้ศาลไต่สวนเพื่อวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ได้ ทั้งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ตามคำคัดค้านของจำเลยที 2 และที่ 3 แล้ว ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2997-2998/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลอกลวงค้าประเวณีเป็นกรรมต่างกัน ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่จำเลยมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายแต่ละบุคคลไปทำงานค้าประเวณี เป็นเจตนาที่กระทำต่อแต่ละบุคคลไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2958/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ในความผิดยาเสพติด: สิทธิของภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส
ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ร้องทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนจำเลยประกอบอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถและซ่อมเครื่องเสียงที่บ้าน ผู้ร้องอ้างว่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางให้จำเลยเพื่อใช้รับส่งลูกไปโรงเรียนซึ่งโดยสภาพของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นรถขนาดใหญ่ไม่เหมาะที่ผู้ร้องจะใช้งานแสดงว่าผู้ร้องมอบรถจักรยานยนต์ให้จำเลยใช้ในลักษณะเป็นเจ้าของ ประกอบกับจำเลยมีพฤติกรรมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมาก่อนแต่เพิ่งถูกจับกุมในคดีนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ร้องจะไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งริบรถจักรยานยนต์นั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ ทำให้ศาลชอบที่จะไม่รับอุทธรณ์ หรือพิพากษายกอุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาโดยขาดนัด จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์โดยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ซึ่งเป็นความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ในชั้นตรวจอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสียโดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์ส่งผลต่อการพิจารณาคดี ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ ปรากฏว่าจำเลยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 229 เช่นนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยด้วย โดยพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ จึงมิชอบ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยฎีกาของโจทก์ และพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของโจทก์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
of 54