พบผลลัพธ์ทั้งหมด 328 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7217/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลจากประกันภัยรถยนต์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 880
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เป็นสัญญาที่โจทก์ผู้รับประกันภัยตกลงใช้ค่าสินไหมทดแทน ค่ารักษาพยาบาล ในกรณีที่วินาศภัยเกิดขึ้นโดยคุ้มครองผู้โดยสารในวงเงินคุ้มครองคนละ 50,000 บาท ต่อคนต่ออุบัติเหตุหนึ่งครั้ง มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี เมื่อโจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนอันเป็นค่ารักษาพยาบาลให้แก่ บ. ผู้โดยสารในรถที่เกิดอุบัติภัยซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไปเป็นเงิน 34,466 บาท ไปแล้ว โจทก์จึงเข้ารับช่วงสิทธิ บ. ฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 880
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7206/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินค่าเสียหายจากการละเมิดลิขสิทธิ์: พิจารณาผลกำไรที่สูญเสียไป ไม่ใช่ราคาขายรวมต้นทุน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยการทำซ้ำ โฆษณาและนำออกจำหน่ายเพื่อการค้าซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ และขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายทางการค้า จึงเท่ากับโจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายนั้นประกอบด้วยการทำซ้ำและการนำออกจำหน่ายเพื่อการค้าดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแต่เพียงในปัญหาว่าการกระทำซ้ำของจำเลยต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายหรือไม่ จึงยังไม่ถูกต้อง ต้องวินิจฉัยด้วยว่าการที่จำเลยนำออกจำหน่ายเพื่อการค้าซึ่งเทปเพลงของกลางทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายทางการค้าหรือไม่
ความเสียหายจากการขาดรายได้ที่โจทก์จะได้รับเมื่อจำเลยกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการนำเทปเพลงที่มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์โจทก์ออกจำหน่าย ย่อมเป็นความเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียโอกาสที่จะได้รับผลกำไรจากการนำงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนออกจำหน่ายเท่านั้น หาใช่ความเสียหายที่คิดคำนวณจากราคาจำหน่ายเทปเพลงแต่ละม้วนซึ่งได้รวมต้นทุนการผลิตเอาไว้ด้วยแต่อย่างใดไม่
ความเสียหายจากการขาดรายได้ที่โจทก์จะได้รับเมื่อจำเลยกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการนำเทปเพลงที่มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์โจทก์ออกจำหน่าย ย่อมเป็นความเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียโอกาสที่จะได้รับผลกำไรจากการนำงานอันมีลิขสิทธิ์ของตนออกจำหน่ายเท่านั้น หาใช่ความเสียหายที่คิดคำนวณจากราคาจำหน่ายเทปเพลงแต่ละม้วนซึ่งได้รวมต้นทุนการผลิตเอาไว้ด้วยแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7115/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดกเรือยนต์ของกลาง ผู้ร้องมีสิทธิขอคืนได้หากไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิด
ตามสำเนาทะเบียนบ้านปรากฏชื่อนาย ด. เป็นหัวหน้าครอบครัว นาง จ. เป็นภรรยา ส่วนผู้ร้องเป็นบุตรของนาย ด. กับนาง จ. สำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวเป็นเอกสารมหาชนที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นจึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบหักล้างให้เห็นว่าข้อความตามที่ได้ระบุไว้นั้นไม่ถูกต้อง จึงรับฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นบุตรของนาย ด.
เมื่อนาย ด. ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรของนาย ด. อันมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม จึงเป็นทายาทผู้หนึ่งที่มีสิทธิได้รับมรดกเรือยนต์ของกลาง แม้จะปรากฏว่านาย ด. มีบุตรอื่นอีกหลายคน ก็ต้องถือว่าผู้ร้องมีสิทธิรับมรดกร่วมเป็นเจ้าของเรือยนต์ของกลางด้วยผู้หนึ่ง ดังนั้น ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนเรือยนต์ของกลางได้
เมื่อจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดโดยนำเรือประมงเข้าไปจับปลาในเขตหวงห้าม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเรือประมงที่ใช้ในการกระทำความผิดมิได้เป็นของจำเลยทั้งสองแต่เป็นของผู้ร้องและผู้ร้องก็มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้คืนเรือของกลางได้
เมื่อนาย ด. ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรของนาย ด. อันมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม จึงเป็นทายาทผู้หนึ่งที่มีสิทธิได้รับมรดกเรือยนต์ของกลาง แม้จะปรากฏว่านาย ด. มีบุตรอื่นอีกหลายคน ก็ต้องถือว่าผู้ร้องมีสิทธิรับมรดกร่วมเป็นเจ้าของเรือยนต์ของกลางด้วยผู้หนึ่ง ดังนั้น ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนเรือยนต์ของกลางได้
เมื่อจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดโดยนำเรือประมงเข้าไปจับปลาในเขตหวงห้าม แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเรือประมงที่ใช้ในการกระทำความผิดมิได้เป็นของจำเลยทั้งสองแต่เป็นของผู้ร้องและผู้ร้องก็มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าว ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้คืนเรือของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6705/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาหลังการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และการรอการลงโทษเนื่องจากความผิดและพยายามชดใช้หนี้
การที่จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นแต่เพียงทำให้จำเลยหมดโอกาสที่จะผ่อนชำระหนี้เพื่อบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดของจำเลยอีกต่อไปเท่านั้นการพิจารณาความผิดทางอาญาของจำเลยยังดำเนินต่อไปได้ ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนจำเลยที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เหมือนอย่างในคดีแพ่ง ดังนั้นกระบวนพิจารณาคดีอาญาที่ศาลล่างทั้งสองกระทำต่อมาภายหลังจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6551/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขนส่งทางทะเล: ความรับผิดชอบต่อสินค้าเสียหายและการพิสูจน์การออกใบตราส่ง
โจทก์ตกลงว่าจ้างให้จำเลยดำเนินการส่งทุเรียนสดจากประเทศไทยไปยังเมืองเกาซุงประเทศไต้หวัน โดยทางเรือ จำเลยได้ติดต่อจองระวางเรือ ทำพิธีการศุลกากรและตกลงให้ผู้มีชื่อเป็นผู้ขนส่งทุเรียนไปให้ผู้ซื้อ ที่ประเทศไต้หวัน โดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาทเริ่มตั้งแต่จัดหารถลากตู้คอนเทนเนอร์ไปรับทุเรียนพิพาท ที่จังหวัดจันทบุรี และนำไปส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง จำเลยได้ออกใบตราส่งและรับเงินค่าบริการ ตามใบตราส่ง มีข้อความระบุว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งได้รับสินค้าไว้ถูกต้องแล้วและจำเลยได้เรียกเก็บเงินค่าระวางขนส่ง ค่าเช่า ตู้คอนเทนเนอร์และค่าธรรมเนียมอื่นจากโจทก์ไปแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาท และตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ. 2534 ใบตราส่ง หมายความว่า เอกสารที่ผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งของเป็นหลักฐาน แห่งสัญญารับขนของทางทะเล เมื่อจำเลยเป็นผู้ออกใบตราส่ง จำเลยจึงปฏิเสธว่าจำเลยไม่ใช่ผู้ขนส่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6551/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ขนส่งทางทะเล: การออกใบตราส่งถือเป็นการรับขนส่ง และความรับผิดต่อสินค้าเสียหายจากอุณหภูมิไม่เหมาะสม
โจทก์ตกลงว่าจ้างให้จำเลยดำเนินการส่งทุเรียนสดพันธุ์จาก ประเทศไทยไปยังเมืองเกาซุงประเทศไต้หวันโดยทางเรือ จำเลยได้ติดต่อจองระวางเรือ ทำพิธีการศุลกากรและตกลงให้ผู้มีชื่อเป็นผู้ขนส่งทุเรียนพิพาทดังกล่าวไปให้ผู้ซื้อที่ประเทศไต้หวัน โจทก์ตกลงว่าจ้างโดยจำเลยเป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาทเริ่มตั้งแต่จัดหารถลากตู้คอนเทนเนอร์ไปรับทุเรียนพิพาทที่จังหวัดจันทบุรี และนำไปส่งที่เรือแหลมฉบัง จำเลยได้ออกใบตราส่ง และรับเงินค่าบริการไปแล้วตามใบตราส่ง มีข้อความระบุว่า บริษัทจำเลยซึ่งเป็นบริษัทขนส่งได้รับสินค้าไว้ถูกต้อง แล้วและจำเลยได้เรียกเก็บเงินค่าระวางขนส่งค่าเช่าตู้คอนเทนเนอร์และค่าธรรมเนียมอื่นจากโจทก์ไปแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาทและตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการรับขนส่งของทางทะเลพ.ศ. 2534 ใบตราส่งหมายความว่าเอกสารที่ผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งของเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเล เมื่อจำเลยเป็นผู้ออกใบตราส่งจำเลยจึงปฏิเสธว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนในการติดต่อรับขนส่งไม่ใช่ผู้ขนส่งไม่ได้
เหตุที่ทำให้สินค้าพิพาทเสียหายเป็นความผิดของจำเลยผู้ขนส่งและตามภาพถ่ายใบกำกับสินค้าเอกสารระบุว่า ทุเรียนพิพาทมีราคากิโลกรัมละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โจทก์และจำเลยไม่นำสืบว่าความจริงทุเรียนพิพาทมีราคาเท่าใด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดราคาทุเรียนพิพาทให้กิโลกรัมละ 20 บาทจึงเหมาะสมแล้ว
เหตุที่ทำให้สินค้าพิพาทเสียหายเป็นความผิดของจำเลยผู้ขนส่งและตามภาพถ่ายใบกำกับสินค้าเอกสารระบุว่า ทุเรียนพิพาทมีราคากิโลกรัมละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โจทก์และจำเลยไม่นำสืบว่าความจริงทุเรียนพิพาทมีราคาเท่าใด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดราคาทุเรียนพิพาทให้กิโลกรัมละ 20 บาทจึงเหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6506/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก: การเข้าไปในบ้านเพื่อพบภรรยาและบุตรหลังคลอด ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปบ้านของผู้เสียหายที่ 1 เพราะต้องการจะไปหา ส. ซึ่งเป็นภริยาและบุตรของจำเลยซึ่งเพิ่งคลอดจาก ส. แม้ ม. จะห้ามไม่ให้เข้าบ้านโดยอ้างว่าส. ไม่อยู่จำเลยก็ไม่ยอมฟังเพราะจำเลยไม่เชื่อว่า ส. จะไม่อยู่ในบ้านดังกล่าวการที่จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายที่ 1 จึงมีเหตุอันสมควรเพื่อต้องการไปหาภริยาและบุตรของจำเลย จำเลยไม่มีเจตนาบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5607/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลย
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 1(11) "คู่ความ" หมายความรวมถึงบุคคลผู้มีสิทธิกระทำการแทนบุคคลนั้น ๆ ตามกฎหมายหรือในฐานะทนายความฝ่ายจำเลยมีทนายความเป็นผู้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและจำเลยเป็นผู้แต่งทนายความ โดยให้ทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลยรวมทั้งการประนีประนอมยอมความได้ด้วย การที่ทนายความได้สละข้อต่อสู้และทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำของคู่ความคือจำเลยด้วย จำเลยจะยื่นคำร้องต่อศาลว่าทนายจำเลยไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยจำเลยไม่ทราบนั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5607/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลย แม้จำเลยอ้างไม่ทราบ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11)"คู่ความ" หมายความรวมถึงบุคคลผู้มีสิทธิกระทำการแทนบุคคลนั้น ๆ ตามกฎหมายหรือในฐานะทนายความฝ่ายจำเลยมีทนายความเป็นผู้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและจำเลยเป็นผู้แต่งทนายความ โดยให้ทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลยรวมทั้งการประนีประนอมยอมความได้ด้วย การที่ทนายความได้สละข้อต่อสู้และทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำของคู่ความคือจำเลยด้วย จำเลยจะยื่นคำร้องต่อศาลว่าทนายจำเลยไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยจำเลยไม่ทราบนั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5554/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษสามเท่าสำหรับข้าราชการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด: การตีความบทบัญญัติและหลักกฎหมายที่ใช้
จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอีเฟดรีน อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2จำนวน 40,000 เม็ด น้ำหนักสุทธิรวม 3,584 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์หนักรวม45.2 กรัม อันเป็นจำนวนเกินปริมาณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันขายอีเฟดรีนดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อ โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวข้องเป็นตัวการในการขายวัตถุออกฤทธิ์ครั้งนี้ โดยมีจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นตัวการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ในกรณีที่ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10 บัญญัติให้ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น หมายถึงอัตราโทษที่กฎหมายกำหนด บทบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นบทกำหนดโทษ หาใช่เป็นบทเพิ่มโทษไม่การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาความผิดฐานร่วมกันขายอีเฟดรีนและให้เพิ่มโทษเป็นสามเท่าตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 10จึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องเป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา6 (7 ทวิ), 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง, 89, 106 ทวิ, 116 พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา10 ป.อ.มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งแต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันขายอีเฟดรีนตาม ป.อ.มาตรา 90