พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549-1550/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดยักยอกทรัพย์ มาตรา 354 ต้องแสดงว่าผู้กระทำความผิดกระทำในฐานะผู้มีอาชีพที่ไว้วางใจ
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 จะต้องได้ความว่าผู้กระทำการยักยอกได้กระทำลงในฐานเป็นผู้มีอาชีพและธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน มิใช่เป็นเรื่องความไว้วางใจกันเองระหว่างผู้เสียหายกับผู้กระทำความผิด
ฟ้องโจทก์เพียงแต่บรรยายอาชีพของจำเลยว่ารับราชการเป็นทหารอากาศเป็นอาชีพที่ไว้วางใจของประชาชน เป็นฟ้องที่ไม่แสดงให้เห็นว่ากิจการที่โจทก์มอบหมายให้จำเลยไปจัดการนั้นเกี่ยวข้องกับอาชีพรับราชการเป็นทหารอากาศของจำเลยอย่างไรพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจที่กล่าวในฟ้อง แต่กลับเข้าใจได้ว่าโจทก์มอบหมายให้จำเลยดำเนินการตามฟ้องเพราะมีความไว้วางใจกันเองโดยไม่เกี่ยวกับอาชีพหรือธุรกิจของจำเลยการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์บรรยายฟ้องนั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำลงในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
ฟ้องโจทก์เพียงแต่บรรยายอาชีพของจำเลยว่ารับราชการเป็นทหารอากาศเป็นอาชีพที่ไว้วางใจของประชาชน เป็นฟ้องที่ไม่แสดงให้เห็นว่ากิจการที่โจทก์มอบหมายให้จำเลยไปจัดการนั้นเกี่ยวข้องกับอาชีพรับราชการเป็นทหารอากาศของจำเลยอย่างไรพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจที่กล่าวในฟ้อง แต่กลับเข้าใจได้ว่าโจทก์มอบหมายให้จำเลยดำเนินการตามฟ้องเพราะมีความไว้วางใจกันเองโดยไม่เกี่ยวกับอาชีพหรือธุรกิจของจำเลยการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามที่โจทก์บรรยายฟ้องนั้น จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำลงในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การระบุรายละเอียดการกระทำความผิดที่เพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
บรรยายฟ้องว่า จำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการร้านสหกรณ์หัวหินจำกัดได้ครอบครองดูแลกิจการทั้งปวงและตัวเงินสดของร้านจำเลยได้เบียดบังยักยอกทรัพย์ (สินค้าต่าง ๆ) ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นเงิน50,500.25 บาท และยักยอกเงินสด 111,000 บาท ของร้านไป เป็นของจำเลยโดยทุจริต ดังนี้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาชำระบัญชีทุจริต: ความเคลือบคลุมของฟ้องและการพิจารณาทรัพย์สินเฉพาะ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกผู้ชำระบัญชีที่ตายไปแล้ว ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ของผู้ชำระบัญชีโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและจำเลยทั้งสามกับพวกดังกล่าวได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีเป็นประโยชน์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่ตายไปแล้วและบุคคลอื่นโดยเจตนาทุจริตอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของห้างซึ่งโจทก์และทายาทอื่นของนายซีมากาเดอร์มีส่วนอยู่ด้วย2 ประการ คือ
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม
ประการแรก จำเลยทั้งสามกับพวกได้แบ่งทรัพย์สินของห้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์กับหุ้นส่วนทั้งในและนอกประเทศที่มีมูลค่าเป็นเงิน 3,581,441 บาท 60สตางค์ให้โจทก์และทายาทอื่นเพียงบางรายการน้อยกว่า15 ส่วนใน 100 ส่วนตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิจะได้รับเห็นว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องแสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินของห้างมีอะไรบ้างทรัพย์สินของห้างเพียงบางรายการที่จำเลยกับพวกแบ่งให้น้อยกว่า15 ใน 100 ส่วน ตามที่บิดาโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้างโจทก์กับทายาทอื่นได้รับส่วนแบ่งไปแล้วเท่าใด ยังขาดอีกเท่าใดจำเลยทั้งสามกับพวกได้เบียดบังทรัพย์สินของห้างซึ่งอยู่ในระหว่างการชำระบัญชีรายการใดไปเป็นประโยชน์คำบรรยายฟ้องของโจทก์ในข้อนี้จึงเคลือบคลุม
ประการที่สอง สำหรับทรัพย์สินบางรายการ เช่น (1) หุ้นของบริษัท ร. ประเทศมาเลเซีย 12,140 หุ้น (2) บริษัท ม.ประเทศสิงค์โปร์ 3,500 หุ้น (3) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่11/5 ตรอกตำบีซาเนื้อที่ 33.3 ตารางวา (4) ที่ดินพร้อมอาคารเลขที่160 ถนนราชบพิตรเนื้อที่ 14 ตารางวา เป็นต้นจำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมแบ่งหุ้นและที่ดินดังกล่าวให้โจทก์และทายาทอื่นตามส่วนที่บิดาโจทก์มีสิทธิได้รับ 15ส่วนใน 100 ส่วนเห็นว่าแม้จะมีทรัพย์สินของห้างที่จำเลยกับพวกไม่ยอมแบ่งให้โจทก์และทายาทอื่นๆ มากกว่านี้แต่ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลก็ชอบที่จะลงโทษจำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการนี้ได้ คำบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับทรัพย์ 4 รายการดังกล่าวนี้ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการฟ้องร้องคดีอาญาของบริษัท และความผิดฐานปลอมเอกสาร ยักยอกทรัพย์
เมื่อ อ. เป็นผู้จัดการของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนิติบุคคลย่อมเป็นผู้เสียหายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4),5(3) ในอันที่จะดำเนินการร้องทุกข์หรือฟ้องร้องคดีอาญาด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นกระทำแทนได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 890/2503)
สำเนาใบเบิกพัสดุที่เป็นเอกสารคู่ฉบับที่ผู้ขอเบิกพัสดุนำมาขอเบิกและรับพัสดุไปจากจำเลยตามรายการที่ขอเบิกและมอบให้จำเลยเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานการที่จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนรายการของเพิ่มขึ้นนอกเหนือก็เพื่อใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นนี้เพื่อยักยอกเอาพัสดุของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในความดูแลรักษารับผิดชอบของจำเลยไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่นเป็นเพียงแต่การใช้เพื่ออำพรางความผิดของตนหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9) ไม่ สำเนาใบเบิกพัสดุจึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 มีลักษณะของการกระทำความผิดโดยเฉพาะและหนักเป็นกรณีพิเศษเมื่อโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 354 แล้ว ศาลจะลงโทษตามบทมาตรานี้ไม่ได้
การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นก็เพื่อใช้ในการยักยอกเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในคราวเดียวกันย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันแต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 แต่เมื่อจำเลยได้ทำปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ปลอมเพื่อใช้ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม 22 ครั้ง มีจำนวนถึง 22 ฉบับการกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
สำเนาใบเบิกพัสดุที่เป็นเอกสารคู่ฉบับที่ผู้ขอเบิกพัสดุนำมาขอเบิกและรับพัสดุไปจากจำเลยตามรายการที่ขอเบิกและมอบให้จำเลยเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานการที่จำเลยแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนรายการของเพิ่มขึ้นนอกเหนือก็เพื่อใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นนี้เพื่อยักยอกเอาพัสดุของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในความดูแลรักษารับผิดชอบของจำเลยไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่นเป็นเพียงแต่การใช้เพื่ออำพรางความผิดของตนหาใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา1(9) ไม่ สำเนาใบเบิกพัสดุจึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 มีลักษณะของการกระทำความผิดโดยเฉพาะและหนักเป็นกรณีพิเศษเมื่อโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 354 แล้ว ศาลจะลงโทษตามบทมาตรานี้ไม่ได้
การที่จำเลยปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ทำปลอมขึ้นก็เพื่อใช้ในการยักยอกเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในคราวเดียวกันย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกันแต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 แต่เมื่อจำเลยได้ทำปลอมเอกสารและใช้เอกสารที่ปลอมเพื่อใช้ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม 22 ครั้ง มีจำนวนถึง 22 ฉบับการกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดยักยอกทรัพย์: ลูกจ้างกลุ่มเกษตรกรไม่ใช่ผู้จัดการทรัพย์สินหรือผู้มีอาชีพที่ประชาชนไว้วางใจ
สมุห์บัญชีและพนักงานบัญชีของกลุ่มเกษตรกรไม่ใช่ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สิน หรือมีอาชีพธุรกิจที่ประชาชนไว้วางใจการยักยอกไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา353,354
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างประจำไม่ใช่เจ้าพนักงาน แม้มีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าราชพัสดุ ยักยอกทรัพย์เป็นความผิดต่อทรัพย์
จำเลยเป็นลูกจ้างประจำสังกัดกรมธนารักษ์เบิกเงินค่าจ้างในงบงานจัดทรัพย์สินของรัฐกรมธนารักษ์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน มีตำแหน่งเป็นพนักงานเก็บเงินที่มีผู้ชำระต่อราชพัสดุจังหวัดเท่านั้น จึงมิใช่เป็นข้าราชการที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามกฎหมาย คำสั่งจ้างจำเลยระบุเพียงว่าให้จ้างจำเลยเข้าเป็นลูกจ้างประจำสังกัดกรมธนารักษ์ มิได้อ้างว่าแต่งตั้งจำเลยโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายใดฉะนั้น แม้จำเลยจะมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าอาคารราชพัสดุก็มีฐานะเป็นเพียงลูกจ้าง หาใช่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายไม่
เงินที่จำเลยยักยอกไปเป็นเงินที่จำเลยเก็บจากผู้เช่าอาคารราชพัสดุแล้ว ยังมิได้ส่งต่อทางราชการ จำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินนั้น และต้องส่งมอบให้แก่ทางราชการเงินที่จำเลยรับไว้จึงเป็นของราชการกรมธนารักษ์ไม่ใช่เป็นของประชาชนผู้ชำระค่าเช่าแต่ละราย เพราะกรมธนารักษ์ต้องรับผลในการกระทำของจำเลยในอันที่จะไปเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าให้ชำระอีกไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ครอบครองและควบคุมดูแลที่ราชพัสดุแทนกรมธนารักษ์จึงเป็นผู้เสียหาย
สารสำคัญตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไป เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไปจริงก็เป็นอันตรงกับคำฟ้องแล้ว ส่วนที่ตามฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้น แม้ตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือฟ้องไม่สมบูรณ์
เงินที่จำเลยยักยอกไปเป็นเงินที่จำเลยเก็บจากผู้เช่าอาคารราชพัสดุแล้ว ยังมิได้ส่งต่อทางราชการ จำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินนั้น และต้องส่งมอบให้แก่ทางราชการเงินที่จำเลยรับไว้จึงเป็นของราชการกรมธนารักษ์ไม่ใช่เป็นของประชาชนผู้ชำระค่าเช่าแต่ละราย เพราะกรมธนารักษ์ต้องรับผลในการกระทำของจำเลยในอันที่จะไปเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่าให้ชำระอีกไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ครอบครองและควบคุมดูแลที่ราชพัสดุแทนกรมธนารักษ์จึงเป็นผู้เสียหาย
สารสำคัญตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไป เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยยักยอกเอาเงินไปจริงก็เป็นอันตรงกับคำฟ้องแล้ว ส่วนที่ตามฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้น แม้ตามทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เป็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือฟ้องไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสุกรผิดสัญญา ไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์
จำเลยมีอาชีพรับซื้อสุกรไปขายจำเลยได้รับสุกรจากโจทก์ไปเพื่อขาย โดยกำหนดราคาสุกรไว้ หากจำเลยขายสุกรได้สูงกว่าราคาที่กำหนดส่วนที่เกินตกเป็นของจำเลยและโจทก์ตกลงให้ค่าจ้างแก่จำเลยอีกร้อยละห้าของราคาสุกรด้วยจำเลยขายสุกรของโจทก์ได้เงินแล้วจำเลยขอผัดผ่อนยังไม่ส่งเงินค่าสุกรที่ขายได้ตามกำหนดที่นัดไว้โจทก์ก็ยอมให้จำเลยผัดไปหลายครั้งดังนี้ เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยมีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนแล้วได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของโจทก์และกระทำผิดหน้าที่อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความรับเงินแทนตัวความ: เงินที่รับโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความรับเงินแทนตัวความ: เงินที่รับโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์และอำนาจฟ้องในคดีอาญา ผู้จัดการมรดกมีอำนาจฟ้องได้หากความผิดเกิดขึ้นระหว่างที่ตนเป็นผู้จัดการมรดก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดฐานยักยอกระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม 2514 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2515 และโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ น. ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2514 นั้น แสดงว่าจำเลยได้กระทำความผิดระหว่างที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกอยู่ด้วย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ประกอบด้วยมาตรา 354
น. มิได้ยกที่ดินโฉนดพิพาทให้จำเลย จำเลยได้รับโฉนดพิพาทจาก น. ไว้ในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ น. และเมื่อ น. เพิกถอนการมอบอำนาจที่ให้จัดการทรัพย์สินแล้ว จำเลยก็ยังไม่คืนให้ ทั้ง ๆ ที่ น. และโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้ทวงถาม นอกจากนี้จำเลยยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดพิพาทอีกด้วย นั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเอาโฉนดพิพาทเป็นของตนโดยทุจริต อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 253/2488 การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้สั่งแสดงกรรมสิทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยประสงค์จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเท่านั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเอาตัวโฉนดที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นของตนโดยทุจริตด้วย
โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดในวันที่ 31 พฤษภาคม 2515 ซึ่งเป็นวันเวลาหลังจากที่ น. ได้ถอนอำนาจที่มอบให้จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินแล้ว ฉะนั้น ในวันที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิด จำเลยจึงมิใช่ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของ น. กรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 353 และ 354 แม้ น. จะถอนอำนาจที่มอบให้จำเลยจัดการแล้ว จำเลยก็ต้องมีหน้าที่มอบทรัพย์สินคืนเท่านั้น ไม่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของ น. อยู่ในวันเวลาที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิด
ศาลชั้นต้นมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ที่จะตรวจคำคู่ความใด ๆ ที่ยื่นไว้ต่อศาลว่าปิดแสตมป์บริบูรณ์หรือไม่ เมื่อเห็นว่าโจทก์ยังมิได้เสียค่าธรรมเนียมศาลสำหรับฟ้องในคดีส่วนแพ่งให้บริบูรณ์ ก็มีอำนาจสั่งให้เสียค่าธรรมเนียมศาล คือให้ปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ได้ และมาตรา 18 ก็มิได้บัญญัติว่าจะต้องสั่งเมื่อใด ฉะนั้น เมื่อศาลชั้นต้นตรวจพบก่อนมีคำพิพากษา จึงชอบที่จะสั่งให้โจทก์จัดการเสียค่าธรรมเนียมศาลให้บริบูรณ์ก่อนมีคำพิพากษาได้
จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา 354 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ เพราะจำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดนั้น ถือว่ามิได้ยกขึ้นมาว่าในศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นฎีกาได้ แต่เนื่องจากวินิจฉัยฎีกาโจทก์แล้วว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัยปัญหานี้ จึงไม่รับวินิจฉัยให้
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2518)
น. มิได้ยกที่ดินโฉนดพิพาทให้จำเลย จำเลยได้รับโฉนดพิพาทจาก น. ไว้ในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ น. และเมื่อ น. เพิกถอนการมอบอำนาจที่ให้จัดการทรัพย์สินแล้ว จำเลยก็ยังไม่คืนให้ ทั้ง ๆ ที่ น. และโจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้ทวงถาม นอกจากนี้จำเลยยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดพิพาทอีกด้วย นั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเอาโฉนดพิพาทเป็นของตนโดยทุจริต อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 253/2488 การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้สั่งแสดงกรรมสิทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยประสงค์จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินเท่านั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเอาตัวโฉนดที่ดินที่โจทก์ฟ้องเป็นของตนโดยทุจริตด้วย
โจทก์อ้างในคำฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดในวันที่ 31 พฤษภาคม 2515 ซึ่งเป็นวันเวลาหลังจากที่ น. ได้ถอนอำนาจที่มอบให้จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินแล้ว ฉะนั้น ในวันที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิด จำเลยจึงมิใช่ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของ น. กรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 353 และ 354 แม้ น. จะถอนอำนาจที่มอบให้จำเลยจัดการแล้ว จำเลยก็ต้องมีหน้าที่มอบทรัพย์สินคืนเท่านั้น ไม่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของ น. อยู่ในวันเวลาที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกระทำผิด
ศาลชั้นต้นมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ที่จะตรวจคำคู่ความใด ๆ ที่ยื่นไว้ต่อศาลว่าปิดแสตมป์บริบูรณ์หรือไม่ เมื่อเห็นว่าโจทก์ยังมิได้เสียค่าธรรมเนียมศาลสำหรับฟ้องในคดีส่วนแพ่งให้บริบูรณ์ ก็มีอำนาจสั่งให้เสียค่าธรรมเนียมศาล คือให้ปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ได้ และมาตรา 18 ก็มิได้บัญญัติว่าจะต้องสั่งเมื่อใด ฉะนั้น เมื่อศาลชั้นต้นตรวจพบก่อนมีคำพิพากษา จึงชอบที่จะสั่งให้โจทก์จัดการเสียค่าธรรมเนียมศาลให้บริบูรณ์ก่อนมีคำพิพากษาได้
จำเลยยื่นอุทธรณ์ว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ประกอบด้วยมาตรา 354 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ เพราะจำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดนั้น ถือว่ามิได้ยกขึ้นมาว่าในศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นฎีกาได้ แต่เนื่องจากวินิจฉัยฎีกาโจทก์แล้วว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัยปัญหานี้ จึงไม่รับวินิจฉัยให้
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2518)