คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
วิรัตน์ ลัทธิวงศกร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 554 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท: สิทธิเจ้าของยังไม่สมบูรณ์หากมิได้เข้าทำประโยชน์ การครอบครองก่อนย่อมไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
นับจากวันที่โจทก์ร่วมซื้อที่ดินพิพาทจากกรมที่ดินโจทก์ร่วมคงมีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทเท่านั้นเมื่อโจทก์ร่วมยังมิได้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทกรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมเข้าไปยึดถือที่ดินพิพาทโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแต่อย่างใดปรากฎว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อนทั้งจำเลยที่1ได้แสดงความเป็นเจ้าของโดยทำเป็นหนังสือคัดค้านการนำที่ดินพิพาทไปออกน.ส.3และขายให้แก่ผู้อื่นดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้งสองที่เข้าไปถากถางทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทที่ยุติตามที่ศาลแรงงานกลางกำหนดแล้วไม่อาจยกขึ้นอุทธรณ์อีกได้ และการฟ้องเรียกเงินยืมทดรองจ่ายตามสัญญาจ้าง
ในการกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนั้นทนายจำเลยได้มาศาลและลงชื่อรับรองความถูกต้องไว้โดยมิได้ติดใจโต้แย้งในขณะนั้นหรือในระยะเวลาต่อมาตามที่กฎหมายกำหนดขอให้กำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวเพิ่มเติมแต่ประการใดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงเป็นยุติตามที่ศาลแรงงานกลางกำหนดจำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกขึ้นอุทธรณ์ว่ากล่าวอีกและปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ว่าพ.เป็นเพียงพนักงานของโจทก์มิใช่กรรมการดำเนินการของโจทก์ที่จะมีอำนาจดำเนินการแทนโจทก์นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ปรากฏในคำให้การของจำเลยจึงไม่อาจตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีได้ดังนี้ปัญหาที่จำเลยอาศัยอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องต่อไปอีกว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นจึงเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนอกประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ฟ้องโจทก์ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยในฐานะลูกจ้างได้ยืมเงินทดรองจ่ายอันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานของนายจ้างคือโจทก์แม้หักใช้ไม่ครบก็เป็นการเรียกหนี้เงินที่จำเลยยืมไปคืนตามความผูกพันซึ่งเกิดจากสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์และจำเลยอันมีกำหนดอายุความ10ปีฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมและมิใช่เรื่องละเมิดหรือลาภมิควรได้คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทที่ยุติตามคำสั่งศาล และอายุความของหนี้จากสัญญาจ้าง
ในการกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนั้น ทนายจำเลยได้มาศาลและลงชื่อรับรองความถูกต้องไว้ โดยมิได้ติดใจโต้แย้งในขณะนั้นหรือในระยะเวลาต่อมาตามที่กฎหมายกำหนดขอให้กำหนดประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวเพิ่มเติมแต่ประการใด ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงเป็นยุติตามที่ศาลแรงงานกลางกำหนด จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกขึ้นอุทธรณ์ว่ากล่าวอีก และปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์ว่า พ.เป็นเพียงพนักงานของโจทก์ มิใช่กรรมการดำเนินการของโจทก์ที่จะมีอำนาจดำเนินการแทนโจทก์นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ปรากฏในคำให้การของจำเลย จึงไม่อาจตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีได้ ดังนี้ ปัญหาที่จำเลยอาศัยอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องต่อไปอีกว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จึงเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฟ้องโจทก์ระบุชัดแจ้งว่าจำเลยในฐานะลูกจ้างได้ยืมเงินทดรองจ่ายอันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานของนายจ้างคือโจทก์ แม้หักใช้ไม่ครบก็เป็นการเรียกหนี้เงินที่จำเลยยืมไปคืนตามความผูกพันซึ่งเกิดจากสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์และจำเลยอันมีกำหนดอายุความ 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และมิใช่เรื่องละเมิดหรือลาภมิควรได้ คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจากภยันตรายใกล้จะถึง แม้ผู้ถูกทำร้ายจะยังไม่เสียชีวิต
ผู้ตายเป็นคนขาดศีลธรรมมักมากในกามชอบเอาเปรียบผู้หญิงเห็นผู้หญิงเป็นเครื่องบำเรอความสุขของตนจนภริยาทนต่อการถูกทุบตีไม่ไหวต้องหนีไปอยู่ที่อื่นแสดงให้เห็นว่าผู้ตายเป็นคนชอบทำอะไรตามใจตัวเองจำเลยเป็นหญิงมีอายุมากแล้วคงไม่กล้าเข้าทำร้ายผู้ตายที่หนุ่มแน่นและแข็งแรงกว่าวันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยอยู่บ้านคนเดียวจะบังคับเอาเงินจากจำเลยให้ได้เมื่อเห็นจำเลยจะต่อสู้จึงชักมีดออกมาจะทำร้ายจำเลยจึงถูกจำเลยฟันเอาก่อนแต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดลุกขึ้นจะทำร้ายจำเลยอีกพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและใกล้จะถึงจำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันชีวิตของตนเองได้โดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อในภาวะเช่นจำเลยย่อมไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะฟันกี่ครั้งจึงจะหยุดยั้งผู้ตายได้ฉะนั้นการที่จำเลยฟันผู้ตายที่ใบหน้าและศีรษะหลายครั้งจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานครอบครองยาเสพติด: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยเป็นเจ้าของเฮโรอีน
บริเวณที่ตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางเป็นที่นั่งพักผ่อนของผู้ต้องขังทั่วไปและขณะที่ตรวจค้นก็มีผู้ต้องขังทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียงประมาณ100คนโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยเอาเฮโรอีนของกลางไปซ่อนไว้ในที่ค้นพบทั้งไม่มีคนเห็นว่าจำเลยได้ขายเฮโรอีนให้ภ. คำซัดทอดของภ. เป็นพยานบอกเล่าสำหรับธนบัตรจำนวน472บาทกับยาชนิดแคปซูล39เม็ดและใบเลื่อยตัดเหล็ก1ใบที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อที่ตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางนั้นก็มีผู้ต้องขังอื่นอีก2คนแสดงตนเป็นเจ้าของส่วนใบเลื่อยกับยาแคปซูลก็ไม่ปรากฎว่าเป็นของจำเลยการที่พยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยเป็นผู้นำตรวจค้นและรับว่าเสื้อยืด3ตัวที่วางทับขวดซึ่งมีเฮโรอีนซ่อนอยู่เป็นของตนซึ่งหากจำเลยเป็นคนเอาเฮโรอีนไปซ่อนไว้ตรงนั้นก็คงไม่กล้าพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นใต้กองเสื้อนั้นน่าจะพาไปตรวจค้นยังจุดอื่นทั้งเสื้อที่กองอยู่ก็ไม่มีชื่อจำเลยติดอยู่หากจำเลยซ่อนเฮโรอีนไว้และถูกจับได้ก็สามารถปฏิเสธได้ว่ามิใช่เสื้อของจำเลยแต่เมื่อจำเลยยอมรับว่าเป็นเสื้อของตนโดยดีแสดงว่ามีความบริสุทธิ์ใจและไม่รู้ว่ามีคนเอาเฮโรอีนไปซ่อนไว้ใต้เสื้อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังว่าเฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำทรัพย์นายจ้างไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ศาลรับฟังได้แม้รายละเอียดไม่ชัดเจนในคำสั่งเลิกจ้าง
การนำทรัพย์ของนายจ้างไปใช้โดยปราศจากสิทธิโดยชอบเป็นการกระทำที่มุ่งแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเป็นการทุจริตอยู่ในตัวจึงอยู่ในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ คำให้การจำเลยได้ให้การถึงข้อเท็จจริงที่ละเอียดเพิ่มเติมจากคำสั่งเลิกจ้างว่าโจทก์ได้กระทำการใดที่เป็นการทุจริตเป็นการขยายความตามคำสั่งเลิกจ้างให้สามารถเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นโดยมิได้มีส่วนใดขัดหรือแตกต่างจากคำสั่งเลิกจ้างแต่ประการใดจำเลยย่อมมีสิทธิโดยชอบที่จะสืบพยานตามข้อเท็จจริงที่ได้ให้การไว้และศาลแรงงานย่อมรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวได้โดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำทรัพย์นายจ้างไปใช้โดยมิชอบถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ และจำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อพิสูจน์
การนำทรัพย์ของนายจ้างไปใช้โดยปราศจากสิทธิโดยชอบเป็นการกระทำที่มุ่งแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเป็นการทุจริตอยู่ในตัว จึงอยู่ในประเด็นที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่
คำให้การจำเลยได้ให้การถึงข้อเท็จจริงที่ละเอียดเพิ่มเติมจากคำสั่งเลิกจ้างว่า โจทก์ได้กระทำการใดที่เป็นการทุจริต เป็นการขยายความตามคำสั่งเลิกจ้างให้สามารถเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้น โดยมิได้มีส่วนใดขัดหรือแตกต่างจากคำสั่งเลิกจ้างแต่ประการใด จำเลยย่อมมีสิทธิโดยชอบที่จะสืบพยานตามข้อเท็จจริงที่ได้ให้การไว้ และศาลแรงงานย่อมรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวได้โดยชอบ
of 56