คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สิงหะ สัตยธรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 167 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องคดี หากโจทก์ทราบว่าจะต้องแพ้คดี และมีเจตนาทำให้จำเลยเสียเปรียบ
การที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้โจทก์ถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา175วรรคสองหมายความว่าให้ศาลพิจารณาถึงความสุจริตของโจทก์ในการดำเนินกระบวนพิจารณาประกอบด้วยหากปรากฎต่อศาลว่าการที่โจทก์ขออนุญาตถอนฟ้องอาจทำให้เสียเปรียบในการดำเนินคดีศาลไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องได้คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเนื่องจากศาลชั้นต้นสั่งงดชี้สองสถานและนัดฟังคำพิพากษาโดยโจทก์แถลงรับข้อเท็จจริงว่าขณะทำสัญญาจะซื้อจะขายโจทก์ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาว่าคำฟ้องโจทก์เป็นการกล่าวอ้างถึงกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามมิให้กระทำการไว้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีเห็นได้ชัดว่าโจทก์รู้ดูว่าจะต้องแพ้คดีพฤติการณ์ขอถอนฟ้องคดีของโจทก์จึงมิได้เป็นไปโดยสุจริตซึ่งทำให้จำเลยเสียเปรียบการที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898-899/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาล ต้องเป็นเหตุที่ไม่อาจกระทำได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนด
คำว่า"เหตุสุดวิสัย"ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23หมายถึงเหตุที่ทำให้ศาลไม่สามารถมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาหรือคู่ความมีคำขอเช่นนั้นขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายให้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งได้ซึ่งเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่จะกระทำให้ได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่29กันยายน2538ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยหากจำเลยจะดำเนินคดีต่อไปให้วางค่าธรรมเนียมศาลภายใน10วันจำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งวันที่9ตุลาคม2538ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต่อมาวันที่16ตุลาคม2538จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ออกไปมีกำหนด10วันอ้างว่าไม่ทราบคำสั่งที่ศาลไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยถือว่าไม่ใช่เหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ที่จำเลยจะยกขึ้นมาอ้างเพื่อยื่นคำขอขยายระยะเวลาวางเงินภายหลังพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต้องมีเหตุพิเศษ การอ้างเหตุผลเรื่องวันหยุดและพนักงานลาพัก ไม่เพียงพอต่อการขยายเวลา
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์วันที่5มีนาคม2539โจทก์ยื่นคำร้องขอถ่ายคำเบิกความพยานและคำพิพากษาในวันรุ่งขึ้นศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตวันที่15เดือนเดียวกันวันที่4เมษายน2539โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์30วันโดยอ้างเหตุว่ายังไม่ได้รับเอกสารที่ขอถ่ายศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์วันที่23เดือนเดียวกันซึ่งเมื่อนับแต่วันพิพากษาถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ของระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้มีเวลาถึงประมาณ50วันโจทก์มีอาชีพเป็นทนายความสามารถทำอุทธรณ์ได้เองและยังแต่งตั้งทนายความอีกคนหากโจทก์หรือทนายโจทก์ตั้งใจจริงย่อมสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายในกำหนดทั้งรูปคดีไม่สลับซับซ้อนการที่โจทก์ปล่อยปละละเลยจนกระทั่งถึงวันครบกำหนดอุทธรณ์ที่ขยายให้แล้วจึงมายื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก10วันโดยอ้างเหตุว่านับแต่ต้นเดือนเมษายน2539มีวันหยุดราชการและวันหยุดตามประเพณีหลายวันพนักงานพิมพ์ดีดและพนักงานอื่นในสำนักงานของโจทก์ขอลาหยุดต่อเนื่องกันหลายวันทำให้คดีที่จะต้องเตรียมและจัดพิมพ์ค้างอยู่หลายคดีเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถทำอุทธรณ์ยื่นต่อศาลได้ภายในระยะเวลาดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างลอยๆแม้ไม่มีพนักงานพิมพ์ดีดพิมพ์อุทธรณ์ให้โจทก์ก็สามารถเขียนด้วยหมึกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา46วรรคสองกรณีของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: พยานหลักฐานสอดคล้อง การยินยอมไม่สมเหตุสมผล
จำเลยที่2และผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อนจำเลยทั้งสองชวนผู้เสียหายไปรับประทานอาหารด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกันเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาที่ผู้เสียหายจะเชื่อถือและไว้วางใจจำเลยที่2ไม่คิดว่าจะถูกจำเลยที่2พาไปข่มขืนกระทำชำเราเมื่อผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปจึงยังไม่รู้และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือและเมื่อไปถึงบริเวณทุ่งนาที่เปลี่ยวจำเลยที่2ทำร้ายร่างกายโดยตบหน้าผู้เสียหายและพูดขู่ว่าถ้าไม่ยอมให้ร่วมประเวณีก็จะพาเพื่อนอีก10คนมาร่วมกันข่มขืนผู้เสียหายจึงเกิดความกลัวไม่กล้าขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือและหากผู้เสียหายยินยอมจริงแล้วก็ไม่มีเหตุผลใดที่ทันทีที่พบบิดาผู้เสียหายผู้เสียหายก็เล่าเรื่องให้บิดาฟังและพาบิดาไปตามหาจำเลยที่2จนพบและแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่2จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากการผิดสัญญาเช่าเวลา: ศาลวินิจฉัยสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยตามสัญญาข้อกำหนดค่าเสียหายหรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตามสัญญาเช่าเวลาจัดรายการโฆษณาสินค้าและบริการธุรกิจทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ข้อ5ระบุว่าถ้าผู้เช่าเวลาค้างชำระค่าเช่าเวลาผู้ให้เช่าเวลามีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาได้ทันทีและผู้เช่าเวลายอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ให้เช่าเวลาเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าค่าเช่าเวลา2เดือนและข้อ15ระบุถ้าผู้เช่าเวลาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเวลาหรือเงินค่าใช้จ่ายอื่นใดไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดผู้เช่าเวลายอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15ต่อปีของเงินที่ค้างชำระให้แก่ผู้ให้เช่าเวลาจนครบถ้วนเห็นได้ว่าเงินค่าเสียหายตามสัญญาข้อ5เป็นเงินค่าเสียหายที่กำหนดขึ้นเมื่อมีการผิดสัญญาหาใช่เงินที่จำเลยที่1ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเวลาหรือเงินค่าใช้จ่ายอื่นใดตามสัญญาข้อ15โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15ต่อปีคงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5ต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา224เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีพยายามฆ่า ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนบ้านที่เกิดเหตุไม่ได้เปิดไฟฟ้าไว้ต้องอาศัยแสงสว่างของไฟฟ้าจากบ้านที่อยู่ใกล้เคียงแต่ไม่ปรากฏว่าสามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้ไกลเพียงใดสำหรับไฟฟ้าที่เปิดอยู่ที่ปั๊มน้ำมันก็อยู่ห่างออกไปถึง50เมตรไม่น่าจะมีความสว่างพอให้มองเห็นคนร้ายได้ชัดเมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วได้รีบวิ่งหลบหนีไปในทันที ผู้เสียหายย่อมไม่มีโอกาสได้สังเกตและจดจำหน้าคนร้ายได้ที่ผู้เสียหายได้เบิกความว่าระหว่างที่จำเลยวิ่งหลบหนีไปได้หันหน้ามามองผู้เสียหายจำได้ว่าเป็นจำเลยนั้นไม่น่าเชื่อและไม่สมเหตุผลผู้เสียหายเป็นคนพิการขาลีบเวลาเดินต้องใช้ไม้ค้ำยันเมื่อได้ยินเสียงปืนดังไม่น่าจะลุกได้ทันท่วงทีและเดินไปที่หน้าต่างได้ทันและมองเห็นจำเลยในขณะที่วิ่งหลบหนีหลังเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้ระบุตัวคนร้ายในทันทีทันใดพยานโจทก์นอกจากนี้ไม่ได้รู้เห็นจำเลยกระทำผิดเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมก็จับจำเลยตามคำบอกเล่าของผู้เสียหายไม่อาจฟังประกอบคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักขึ้นได้ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
of 17