คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 94 (ข)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 174 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อทำเป็นหนังสือ ห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ศาลไม่รับฟังพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงเนื้อหา
สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือผู้เช่าซื้อซึ่งทำสัญญาในนามตนเองจะนำสืบพยานบุคคลว่า ทำสัญญาในฐานะผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทจำกัดมิได้ เพราะเป็นการนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ซึ่งกฎหมายห้ามมิให้ศาลยอมรับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อทำเป็นหนังสือตามกฎหมาย ห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ศาลไม่รับฟังพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงเนื้อหา
สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ. ผู้เช่าซื้อซึ่งทำสัญญาในนามตนเองจะนำสืบพยานบุคคลว่า ทำสัญญาในฐานะผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทจำกัดมิได้. เพราะเป็นการนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ซึ่งกฎหมายห้ามมิให้ศาลยอมรับฟัง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายต้องทำเป็นหนังสือ สัญญาไม่สมบูรณ์จนกว่าจะทำหนังสือสัญญา การวางมัดจำผูกพันเฉพาะระยะเวลาที่กำหนด
เอกสารมีว่า".......ได้รับเงินวางมัดจำค่าที่ดิน .....เป็นเงิน 5,000 บาท ..... เพื่อทำสัญญาซื้อขายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2504 (ในระยะนี้ข้าพเจ้าจะทำการขายให้ใครไม่ได้) ขายในราคาไร่ 35,000 บาท....." โจทก์อ้างว่าเอกสารนี้เป็นสัญญาจะซื้อขาย กำหนดไปจดทะเบียนทำการซื้อขายตามกฎหมายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2504 จำเลยสู้ว่า เอกสารนี้เป็นเพียงใบรับเงินค่ามัดจำ คำว่า เพื่อทำสัญญาซื้อขายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2504 หมายถึงการทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองอีกชั้นหนึ่ง โดยโจทก์จะต้องผ่อนชำระราคาที่ดินล่วงหน้า ได้มีการพูดจากันก่อนทำเอกสารนี้แล้วว่า ในการที่จะทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองในวันที่กำหนดนั้น จะต้องมีรายละเอียดตามที่พูดกันไว้ ดังนี้ ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการโต้เถียงความหมายของถ้อยคำในเอกสารว่า คู่ความอีกฝ่ายคือโจทก์ตีความหมายผิด จำเลยย่อมนำสืบแสดงถึงพฤติการณ์และข้อตกลงเพื่อเป็นเหตุผลแสดงความหมายแห่งถ้อยคำในเอกสารได้ไม่เป็นการสืบข้อความเพิ่มเติมในเอกสาร
แม้วิธีที่จะทำสัญญาจะซื้อขายกัน กฎหมายกำหนดไว้หลายวิธีก็ตาม เมื่อคู่สัญญากำหนดจะทำกันโดยวิธีทำเป็นหนังสือสัญญาให้มีข้อตกลงทุกข้อตามที่พูดกัน ก็ต้องเป็นไปตามเจตนาของคู่สัญญา จะนำเอาวิธีอื่นเช่นการวางเงินมัดจำมาวินิจฉัยว่าเป็นข้อตกลงจะซื้อขายกันแล้วโดยบริบูรณ์หาได้ไม่
การวางเงินมัดจำซึ่งกำหนดไว้ว่าจะต้องทำสัญญาจะซื้อขายเป็นหนังสือขึ้นอีกฉบับหนึ่งในวันที่กำหนด (ตามเอกสารดังกล่าวในวรรคต้น) นั้น ผูกพันต่อกันเพียงถึงวันที่กำหนดไว้ว่าจะทำหนังสือสัญญาขึ้นใหม่เท่านั้น และผูกพันเท่าที่มีข้อความในวงเล็บกำกับไว้ว่า"ในระยะนี้ข้าพเจ้าจะทำการขายให้ใครไม่ได้" ซึ่งแปลความหมายได้ว่า ถ้าพ้นระยะนี้และไม่มีการทำหนังสือสัญญาขึ้นตามที่กำหนดกันไว้จึงขายให้คนอื่นได้
คู่กรณีพูดกันว่า ข้อสัญญาจะต้องตกลงกันโดยทำเป็นหนังสือ จึงถือว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือ และการที่ได้ทำความเข้าใจกันไว้โดยพูดกันว่าโจทก์จะต้องชำระเงินในวันทำหนังสือสัญญาจะซื้อขาย และต้องชำระราคาล่วงหน้างวดที่ 2 ในวันอื่นต่อไปนั้น ก็หาเป็นการผูกพันไม่ จนกว่าข้อตกลงเช่นว่านี้จะได้ทำเป็นหนังสือขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ การวางมัดจำ และผลของการผิดสัญญา
เอกสารมีว่า ".....ได้รับเงินวางมัดจำค่าที่ดิน.....เป็นเงิน 5,000 บาท.....เพื่อทำสัญญาซื้อขาย ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2504(ในระยะนี้ข้าพเจ้าจะทำการขายให้ใครไม่ได้) ขายในราคาไร่ 35,000 บาท....." โจทก์อ้างว่าเอกสารนี้เป็นสัญญาจะซื้อขาย กำหนดไปจดทะเบียนทำการซื้อขายตามกฎหมายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2504 จำเลยสู้ว่า เอกสารนี้เป็นเพียงใบรับเงินค่ามัดจำคำว่า เพื่อทำสัญญาซื้อขายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2504 หมายถึงการทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองอีกชั้นหนึ่ง โดย โจทก์จะต้องผ่อนชำระราคาที่ดินล่วงหน้า ได้มีการพูดจากันก่อนทำเอกสารนี้แล้วว่า ในการที่จะทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองในวันที่กำหนดนั้น จะต้องมีรายละเอียดตามที่พูดกันไว้ ดังนี้ ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการโต้เถียงความหมายของถ้อยคำในเอกสารว่า คู่ความอีกฝ่ายคือโจทก์ตีความหมายผิด จำเลยย่อมนำสืบแสดงถึงพฤติการณ์และข้อตกลงเพื่อเป็นเหตุผลแสดงความหมายแห่งถ้อยคำในเอกสารได้ ไม่เป็นการสืบข้อความเพิ่มเติมในเอกสาร
แม้วิธีที่จะทำสัญญาจะซื้อขายกัน กฎหมายกำหนดไว้หลายวิธีก็ตาม เมื่อคู่สัญญากำหนดจะทำกันโดยวิธีทำเป็นหนังสือสัญญาให้มีข้อตกลงทุกข้อตามที่พูดกัน ก็ต้องเป็นไปตามเจตนาของคู่สัญญา จะนำเอาวิธีอื่นเช่นการวางเงินมัดจำมาวินิจฉัยว่าเป็นข้อตกลงจะซื้อขายกันแล้วโดยบริบูรณ์หาได้ไม่
การวางเงินมัดจำซึ่งกำหนดไว้ว่าจะต้องทำสัญญาจะซื้อขายเป็นหนังสือขึ้นอีกฉบับหนึ่งในวันที่กำหนด (ตามเอกสารดังกล่าวในวรรคต้น) นั้น ผูกพันต่อกันเพียงถึงวันที่กำหนดไว้ว่าจะทำหนังสือสัญญาขึ้นใหม่เท่านั้น และผูกพันเท่าที่มีข้อความในวงเล็บกำกับไว้ว่า "ในระยะนี้ข้าพเจ้าจะทำการขายให้ใครไม่ได้" ซึ่งแปลความหมายได้ว่า ถ้าพ้นระยะนี้และไม่มีการทำหนังสือสัญญาขึ้นตามที่กำหนดกันไว้ จึงขายให้คนอื่นได้
คู่กรณีพูดกันว่า ข้อสัญญาจะต้องตกลงกันโดยทำเป็นหนังสือจึงถือว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือ และการที่ได้ทำความเข้าใจกันไว้โดยพูดกันว่าโจทก์จะต้องชำระเงินในวันทำหนังสือสัญญาจะซื้อขาย และต้องชำระราคาล่วงหน้างวดที่ 2ในวันอื่นต่อไปนั้น ก็หาเป็นการผูกพันไม่ จนกว่าข้อตกลงเช่นว่านี้จะได้ทำเป็นหนังสือขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อ และการนำสืบเปลี่ยนแปลงสัญญา, หน้าที่ผู้ให้เช่าในการดูแลทรัพย์สิน
เมื่อสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าให้จำเลยออกเงินทดรองค่าซ่อมรถที่จำเลยเช่าซื้อมาจากโจทก์แทนโจทก์ไปก่อนเช่นนี้ จำเลยจะนำสืบถึงข้อตกลงนี้ซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในสัญญาที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือไม่ได้เป็นการสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ประเภทโดยสารรับจ้าง จำเลยต่อสู้ว่า ได้มอบเงินให้โจทก์ไปต่อใบอนุญาตแล้วโจทก์ไม่ต่อให้จึงไม่อาจใช้รถออกวิ่งรับคนโดยสารได้ตามวัตถุประสงค์ที่เช่าซื้อกันมา ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าโจทก์จะต้องต่อใบอนุญาตรถยนต์ให้จำเลยจำเลยก็นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้นได้ ไม่ใช่เรื่องนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อและการนำสืบแก้ไขสัญญา, หน้าที่ผู้ให้เช่าในการดูแลทรัพย์สิน
เมื่อสัญญาเช่าซื่อไม่มีข้อความว่าให้จำเลยออกเงินทดรองค่าซ่อมรถที่จำเลยเช่าซื้อมาจากโจทก์แทนโจทก์ไปก่อน เช่นนี้ จำเลยจะนำสืบถึงข้อตกลงนี้ซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในสัญญาที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือไม่ได้ เป็นการสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์ประเภทโดยสารรับจ้างจำเลยต่อสู้ว่า ได้มอบเงินให้โจทก์ไปต่อใบอนุญาตแล้วโจทก์ไม่ต่อให้ จึงไม่อาจใช้รถออกวิ่งรับคนโดยรับสารได้ตามวัตถุประสงค์ที่เช่าซื้อกันมา ดังนี้ แม้ในสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อความว่าโจทก์จะต้องต่อใบอนุญาตรถยนต์ให้จำเลย จำเลยก็นำสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้นได้ ไม่ใช่เรื่องนำสืบเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง สัญญาที่ระบุที่ดินรวมห้องแถวถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
เมื่อสัญญาซื้อขายที่ดินตอนต้นระบุถึงที่ดินซึ่งมีห้องแถวรวมอยู่ด้วย แม้ตอนต่อมาจะเขียนสัญญาซื้อขายใช้คำแต่เพียงว่า ผู้ขายยอมขายที่ดิน ผู้ซื้อยอมรับซื้อที่ดินโดยไม่มีข้อความเพิ่มเติมว่า "พร้อมกับห้องแถวด้วย" ก็ต้องหมายความว่า เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง คือห้องแถวพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินและเป็นส่วนควบของที่ดิน
เมื่อสัญญาซื้อขายแสดงว่า ยอมขายห้องแถวด้วย โดยไม่มีข้อตกลงพิเศษว่า ให้ห้องแถวคงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โจทก์ซึ่งเป็นผู้ขายไม่มีสิทธินำสืบว่าต้องการขายแต่ที่ดิน ไม่ขายห้องแถว เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเพิ่มเติมจากสัญญาค้ำประกันและการยึดโฉนดที่ไม่เข้าข่ายจำนอง
เจ้าหนี้เงินกู้จะนำพยานบุคคลมาสืบว่ามีข้อตกลงว่าผู้ค้ำประกันยอมให้เจ้าหนี้ยึดโฉนดที่นาไว้เป็นประกันหนี้นั้นอีกได้แม้ข้อตกลงนั้นจะไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมเอกสารสัญญาค้ำประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) เพราะข้อตกลงนั้นเป็นสัญญาซึ่งตกลงต่างหากจากสัญญาค้ำประกัน และไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
การที่ผู้ค้ำประกันตกลงให้เจ้าหนี้เงินกู้ยึดโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนดังกล่าวนั้นไม่เข้าลักษณะจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323-1324/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าโดยการตกลงกันใหม่เป็นลายลักษณ์อักษร และการนำสืบหลักฐานใบรับเงินค่าเช่าเพื่อพิสูจน์ข้อตกลง
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยเช่าโรงสี 3 ปี กำหนดค่าเช่าไว้เดือนละ 3,000 บาทจำเลยอ้างว่าโจทก์จำเลยตกลงกันไว้ว่า ชั้นแรกคิดค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท แต่ต่อไปโจทก์จะลดให้เป็นเดือนละ 2,000 บาท และ 1,000 บาทตามลำดับ แล้วจำเลยนำสืบใบรับเงินค่าเช่าอันแสดงว่าในระยะหลังๆ นี้โจทก์เก็บค่าเช่าเพียงเดือนละ 2,000 บาท และ 1,000 บาท ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยนำสืบว่าคู่สัญญาตกลงทำสัญญากันใหม่เป็นหนังสือแก้ไขหนังสือสัญญาเช่าเดิมเฉพาะเรื่องอัตราค่าเช่าอย่างเดียวจำเลยจึงนำพยานบุคคลมาสืบอธิบายถึงที่มาของใบรับเงินนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323-1324/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญายังผลได้ แม้ไม่มีเอกสารแก้ไข หากมีหลักฐานการชำระค่าเช่าตามอัตราใหม่
โจทก์ทำหนังสือสัญญาให้จำเลยเช่าโรงสี 3 ปี กำหนดค่าเช่าไว้เดือนละ 3,000 บาท จำเลยอ้างว่าโจทก์จำเลยตกลงกันไว้ว่า ชั้นแรกคิดค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท แต่ต่อไปโจทก์จะยกให้เป็นเดือนละ 2,000 บาท และ 1,000 บาท ตามลำดับ แล้วจำเลยนำสืบใบรับเงินค่าเช่าอันแสดงว่าในระยะหลัง ๆ นี้โจทก์เก็บค่าเช่าเพียงเดือนละ 2,000 บาท และ 1,000 บาท ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยนำสืบว่าคู่สัญญาตกลงทำสัญญากันใหม่เป็นหนังสือแก้ไขหนังสือสัญญาเช่าเดิม เฉพาะเรื่องอัตราค่าเช่าอย่างเดียว จำเลยจึงนำพยานบุคคลมาสืบอธิบายถึงที่มาของใบรับเงินนี้ได้
of 18