คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1055 (3)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2565

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญหลังเลิกกิจการ: ศาลมีอำนาจสั่งชำระบัญชีได้แม้โจทก์มิได้ขอ
โจทก์และจำเลยทั้งสามตกลงเข้าหุ้นส่วนกันเพื่อจัดงานแสดงดนตรี เมื่องานแสดงดนตรีดังกล่าวได้จัดขึ้นและเสร็จสิ้นลงแล้ว ห้างหุ้นส่วนสามัญจึงเลิกกันเพราะเสร็จการนั้นแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 1055 (3) เมื่อยังไม่ได้มีการชำระบัญชีของห้าง และไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินของห้างโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดคืนรวมถึงส่วนแบ่งกำไร แต่จำเลยทั้งสามโต้แย้งว่าการจัดงานแสดงดนตรีดังกล่าวขาดทุน กรณีจึงมีข้อโต้แย้งเรื่องผลประกอบการของห้างหุ้นส่วนซึ่งต้องจัดให้มีการชำระบัญชีก่อนเพื่อให้ทราบว่าห้างหุ้นส่วนมีผลประกอบการขาดทุนจริงหรือไม่ และมีทรัพย์สินคงเหลือเพียงใด แม้โจทก์จะไม่ได้มีคำขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีมาด้วย แต่การบรรยายฟ้องของโจทก์ย่อมเห็นความประสงค์ของโจทก์ได้ว่าต้องการให้มีการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนด้วยแล้ว ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาให้มีการชำระบัญชีและตั้งผู้ชำระบัญชีไปเสียทีเดียวได้ โดยไม่จำต้องให้โจทก์กลับไปฟ้องเป็นคดีใหม่อีกการตั้งโจทก์หรือจำเลยทั้งสามเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกันย่อมเล็งเห็นได้ว่าจะเกิดปัญหาการไม่ร่วมมือกันในการชำระบัญชี เป็นอุปสรรคแก่การชำระบัญชีและไม่เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจึงชอบด้วยเหตุผลแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15130/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนซื้อขายที่ดิน, การแบ่งกำไร, เงินทดรองจ่าย, การชำระบัญชี, สิทธิเรียกร้อง
โจทก์และจำเลยเข้าเป็นหุ้นส่วนกันซื้อที่ดินทั้งสองแปลงมาเพื่อขายเอากำไรแบ่งกัน โดยนำเงินที่ลงหุ้นกันจำนวน 2,110,000 บาท และเงินส่วนตัวโจทก์อีก 600,000 บาท มาชำระค่าที่ดินเพิ่มเติม เช่นนี้ เงินจำนวน 600,000 บาท จึงเป็นเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายแทนห้างหุ้นส่วนสามัญไปก่อน หาใช่เป็นเงินที่โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมอันจะต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือไม่
การเข้าหุ้นซื้อที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์และจำเลยมาเพื่อขายนั้น เป็นการเข้าหุ้นกันเฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดเพียงอย่างเดียว เมื่อขายที่ดินทั้งสองแปลงได้แล้ว การเป็นหุ้นส่วนระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเลิกกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1055 (3) และหลังจากขายที่ดินแล้วจำเลยได้แบ่งกำไรจากการขายที่ดินให้แก่โจทก์จำนวน 1,500,000 บาท และมีการทำบัญชีไว้ แสดงว่าโจทก์และจำเลยได้มีการคิดบัญชีกันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทรัพย์สินในระหว่างหุ้นส่วนหรือหนี้สินใดที่จะต้องจัดการกันอีก ถือได้ว่ามีการตกลงกันให้การจัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1061 หาใช่ต้องจัดให้มีการชำระบัญชีเสมอไปไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินกำไรและเงินทดรองจ่ายแทนห้างหุ้นส่วนสามัญจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3885/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกันหลังงานเสร็จ การชำระบัญชีต้องทำก่อนฟ้องเรียกค่าเสียหาย
โจทก์และจำเลยทำสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญรับจ้างก่อสร้างอาคารเรียนในวิทยาลัยสารพัดช่าง เมื่อจำเลยก่อสร้างอาคารเรียนดังกล่าวเสร็จและได้รับเงินค่าจ้างครบถ้วนแล้ว ห้างหุ้นส่วนสามัญย่อมเลิกกันเพราะเสร็จการนั้นแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1055(3) แม้หลังจากจำเลยได้รับเงินค่าจ้างงวดแรกจำเลยยินยอมคืนเงินลงทุนให้แก่โจทก์แล้วก็ตาม แต่โจทก์และจำเลยยังโต้เถียงกันเรื่องจำนวนผู้เป็นหุ้นส่วน จำนวนเงินที่โจทก์ลงทุนไป จำนวนหนี้ที่ค้างชำระแก่บุคคลภายนอก ค่าตอบแทนและค่าผลประโยชน์ที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ และผลกำไร ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นการตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน แม้คดีนี้โจทก์จะมิได้ฟ้องแบ่งปันกำไรแต่โจทก์ฟ้องเรียกค่าแทนและค่าผลประโยชน์จากจำเลยอันเกี่ยวเนื่องกับสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญระหว่างโจทก์กับจำเลย จึงต้องจัดให้มีการชำระบัญชีก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 วรรคหนึ่ง เพื่อให้ทราบว่าห้างหุ้นส่วนสามัญมีหนี้สินเพียงใด โดยโจทก์จะต้องร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีก่อนเมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนเมื่อสิ้นสุดวัตถุประสงค์และการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีโดยศาล
จำเลยที่ 1 จ่ายเงินส่วนแบ่งให้แก่โจทก์ไม่ครบตามสิทธิในส่วนจำนวนค่าหุ้นที่โจทก์ยังมีอยู่ เมื่อหุ้นส่วนมีวัตถุประสงค์เพื่อกิจการที่จะนำเอาที่ดินที่ซื้อมาขายเอากำไรแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อมีการขายที่ดินที่จัดซื้อไปแล้วหุ้นส่วนสามัญดังกล่าวย่อมเลิกกันตามนัยแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 1055 (3) กรณีมีเหตุที่จะให้โจทก์เรียกให้จำเลยที่ 1 ในฐานเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและจำเลยที่ 2 ผู้ดำเนินการให้มีการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนนำเงินที่ขายได้มาแบ่งให้แก่โจทก์ผู้เป็นหุ้นส่วนได้
ตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 1061 ได้บัญญัติถึงกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจตกลงกันได้ในเรื่องการชำระบัญชี กฎหมายจึงได้บัญญัติให้มีการตกลงกันดังกล่าว
โจทก์ขอให้จำเลยทำการชำระบัญชี เนื่องจากได้มีการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของผู้เป็นหุ้นส่วนเสร็จสิ้นกันไปแล้ว ห้างหุ้นส่วนจึงเป็นอันเลิกกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1055 (3) เมื่อโจทก์ขอให้ชำระบัญชีจำเลยไม่ยอมชำระบัญชี แสดงว่าหุ้นส่วนไม่สามารถตกลงกันได้อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โจทก์จึงชอบที่จะนำคดีมาสู่ศาลขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีต่อไปได้ อันเป็นกรณีที่โจทก์ต้องใช้สิทธิทางศาล มิใช่เป็นเรื่องที่จะต้องให้หุ้นส่วนร่วมกันจัดตั้งผู้ชำระบัญชีโดยคะแนนเสียงข้างมากเสนอไป
ในกรณีที่จะต้องแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีโดยคำสั่งของศาลแล้วศาลย่อมมีอำนาจที่จะแต่งตั้งตัวผู้ชำระบัญชีโดยมีคำสั่งแต่งตั้งได้เองตามที่เห็นสมควรแม้คู่กรณีจะเสนอผู้ใดมาโดยเฉพาะก็ตาม แต่เมื่อศาลเห็นว่าเป็นบุคคลที่ไม่สมควรที่จะได้รับการแต่งตั้ง ศาลอาจแต่งตั้งบุคคลอื่นได้ ที่ศาลอุทธรณ์ให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีนั้น ศาลฎีกาสมควรกล่าวไว้เสียให้ชัดแจ้งว่าจะต้องตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สมัครใจจะเป็นผู้ชำระบัญชี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนสามัญทำไม้เลิกกันเมื่อคิดบัญชีเสร็จสิ้น การฟ้องคดีไม่ถูกต้องหากเสนอเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้เพื่อค้าขายเอากำไรแบ่งปันกันโดยตกลงกันว่าทำไม้เสร็จเมื่อใดก็มีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกัน ลักษณะของหุ้นส่วนเช่นว่านี้ย่อมเป็นหุ้นส่วนสามัญชนิดที่สัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้นแล้ว หุ้นส่วนรายนั้นก็ย่อมเลิกกันไปในตัว ดังความที่บัญญัติไว้ในมาตรา1055(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อทำไม้รายใดเสร็จไปแล้ว หุ้นส่วนในการทำไม้รายนั้นก็ย่อมเลิกกันและมีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกันตามที่ตกลงกันไว้เป็นเฉพาะรายๆ ไป
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้งๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้วก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมาและไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีหุ้นส่วนหลังเลิกสัญญา แม้มีคดีความค้างอยู่ ไม่ถือว่าใช้สิทธิไม่สุจริต
เมื่อหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ตกลงกันในเรื่องชำระบัญชี ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งย่อมฟ้องขอให้ศาลตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีได้.
แม้หุ้นส่วนเลิกกันมานานแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุขัดขวางที่จะร้องขอให้มีการชำระบัญชี
การฟ้องขอชำระบัญชีหุ้นส่วน แม้จะเพื่อฟ้องคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นหนี้ที่ปรากฎจากการชำระบัญชี ก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีหุ้นส่วนหลังเลิกห้าง - สิทธิการฟ้องร้อง
เมื่อหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ตกลงกันในเรื่องชำระบัญชีผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งย่อมฟ้องขอให้ศาลตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีได้
แม้หุ้นส่วนเลิกกันมานานแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุขัดขวางที่จะร้องขอให้มีการชำระบัญชี
การฟ้องขอชำระบัญชีหุ้นส่วน แม้จะเพื่อฟ้องคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นหนี้ที่ปรากฏจากการชำระบัญชี ก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต