พบผลลัพธ์ทั้งหมด 447 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8485/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายได้จากสวนยางหลังเจ้ามรดกเสียชีวิตไม่ใช่ส่วนแบ่งมรดก แต่เป็นดอกผลของทรัพย์สิน
รายได้จากการกรีดยางที่ได้มาหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว มิใช่ทรัพย์ที่มีอยู่ก่อนหรือในขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม จึงมิใช่มรดก แต่เป็นดอกผลของที่ดินทรัพย์มรดกตกได้แก่เจ้าของที่ดินตามสัดส่วนแห่งความเป็นเจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336และ 1360 โจทก์ทราบดีว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้นำน้ำยางไปจำหน่ายหารายได้ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนขอแบ่งที่ดินทรัพย์มรดกและศาลฎีกาได้พิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยแบ่งที่ดินแก่โจทก์โดยที่ดินดังกล่าวเป็นสวนยางพารามีรายได้จากการกรีดยางตั้งแต่ขณะโจทก์ฟ้องคดี ก่อนซึ่งจำเลยได้เอาไว้เป็นประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวโจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบรายได้จากการกรีดยางดังกล่าวแก่โจทก์เสียในคราวเดียวกัน แต่กลับมาฟ้องเรียกร้องเป็นคดีนี้ จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8156/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: การประเมินราคาที่ดินที่เหลืออยู่หลังเวนคืน และสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์
ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนบางส่วนทำให้ส่วนที่เหลือจากการเวนคืนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนเป็นที่ดินผืนใหญ่กว่า 20 ไร่ และ 50 ไร่สามารถใช้ประโยชน์แยกเป็นเอกเทศต่างหากจากกันได้ แต่ละส่วนมีด้านหนึ่งกว้างประมาณ 160 เมตร อยู่ติดทางคู่ขนานของทางหลวงพิเศษซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้เจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ติดทางคู่ขนานและประชาชนโดยทั่วไปได้ใช้ทางคู่ขนานนี้สัญจรไปมาได้สะดวกยิ่งขึ้น แม้ที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนจะอยู่ใกล้กับทางต่างระดับ แต่ก็อยู่ติดทางคู่ขนานที่เกือบเป็นทางตรง จึงสามารถเข้าสู่และออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งสามที่เหลือจากการเวนคืนโดยใช้ทางคู่ขนานนี้ได้การคมนาคมเข้าสู่และออกจากที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนจะสะดวกกว่าเดิมมาก สภาพและที่ตั้งของที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากเดิมมากเช่นนี้ย่อมทำให้ที่ดินดังกล่าวมีราคาสูงขึ้นจากเดิมมากเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากราคาประเมินฯ ที่ปรับสูงขึ้นจากเดิมมาก กล่าวคือ บางส่วนจากตารางวาละ 800 บาท เป็น 10,000 บาท บางส่วนจากตารางวาละ2,500 บาท เป็น 4,500 บาท บางส่วนจากตารางวาละ 800 บาทเป็น 1,500 บาท ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนเนื้อที่ 17 ไร่ 3 งาน73.2 ตารางวา ส่วนที่ดินที่เหลือจากการเวนคืนเนื้อที่ 81 ไร่ 2 งาน94.8 ตารางวา เทียบอัตราส่วนกันแล้วประมาณ 1 ต่อ 4.5 ดังนั้นแม้หากที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนมีราคาสูงขึ้นจากเดิมเล็กน้อยเพียง 1 ใน 4.5 ที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนก็จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเงินค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนเสียอีกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพิ่มเงินค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์เป็นตารางวาละ 1,875 บาท โดยไม่นำเอาราคาที่สูงขึ้นของที่ดินของโจทก์ที่เหลือจากการเวนคืนมาหักออกจากเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนนับว่าเป็นประโยชน์แก่โจทก์อยู่แล้ว หากเพิ่มเงินค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนแก่โจทก์อีกก็จะไม่เป็นธรรมแก่สังคม
โจทก์มิได้อุทธรณ์เรียกเงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากการขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินทำสวนส้มต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ มาตรา 25 วรรคหนึ่งการอุทธรณ์เป็นขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนที่ไม่พอใจในจำนวนเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯกำหนดจะต้องทำก่อนคดีมาสู่ศาล ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีอำนาจฟ้องเมื่อโจทก์เพิ่งเรียกร้องเงินค่าทดแทนในส่วนนี้มาพร้อมกับคำฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนที่ดิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนจากการขาดประโยชน์ในการใช้ที่ดินทำสวนส้ม
โจทก์มิได้อุทธรณ์เรียกเงินค่าทดแทนอันเนื่องมาจากการขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินทำสวนส้มต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ มาตรา 25 วรรคหนึ่งการอุทธรณ์เป็นขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนที่ไม่พอใจในจำนวนเงินค่าทดแทนที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นฯกำหนดจะต้องทำก่อนคดีมาสู่ศาล ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีอำนาจฟ้องเมื่อโจทก์เพิ่งเรียกร้องเงินค่าทดแทนในส่วนนี้มาพร้อมกับคำฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนที่ดิน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าทดแทนจากการขาดประโยชน์ในการใช้ที่ดินทำสวนส้ม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7864/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.อบต.ถือเป็นที่สุด ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
คำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลพ.ศ. 2482 มาตรา 25 หรือมาตรา 58 ประกอบพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2542 มาตรา 25 วรรคหนึ่ง ย่อมเป็นที่สุด คู่ความไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้ การที่ผู้ร้องอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาและสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7819/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้ไม่ได้เจรจาโดยตรง ก็ถือเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่าย
ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และที่ 3 มาจากบ้านด้วยกันและนำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาด้วย แม้จำเลยที่ 3 จะมิได้ร่วมเจรจาในการซื้อขายกับสายลับและผู้ล่อซื้อ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 และได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ผู้ล่อซื้อ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำตาม ป.อ. มาตรา 83
จำเลยที่ 3 ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบดูก่อน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาตกลงซื้อขาย หาใช่เป็นการส่งมอบให้อันเนื่องมาจากการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางเสร็จสิ้นแล้วไม่ ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยทั้งสามยังมิได้กำหนดจำนวนและราคาของเมทแอมเฟตามีนที่ตกลงซื้อขายกันให้เป็นที่แน่นอน การซื้อขายยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ จำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เท่านั้น
จำเลยที่ 3 ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางแก่เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบดูก่อน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาตกลงซื้อขาย หาใช่เป็นการส่งมอบให้อันเนื่องมาจากการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางเสร็จสิ้นแล้วไม่ ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยทั้งสามยังมิได้กำหนดจำนวนและราคาของเมทแอมเฟตามีนที่ตกลงซื้อขายกันให้เป็นที่แน่นอน การซื้อขายยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ จำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7819/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามจำหน่ายยาเสพติด การแบ่งหน้าที่กระทำผิด และการส่งมอบเพื่อเจรจาซื้อขาย
จำเลยที่ 1 และที่ 3 มาด้วยกันและนำเมทแอมเฟตามีนมาด้วย แม้จะมิได้ร่วมเจรจาในการซื้อขายกับสายลับและผู้ซื้อ แต่จำเลยที่ 3ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 และส่งมอบเมทแอมเฟตามีนอันเป็นส่วนหนึ่งในการติดต่อเจรจาเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ล่อซื้อ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83เมื่อจำเลยที่ 3 ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนแก่เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้ตรวจสอบดูก่อน มิใช่เป็นการส่งมอบสิ่งของอันเนื่องมาจากการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยทั้งสามยังมิได้กำหนดจำนวนและราคาที่จะตกลงซื้อขายกันเป็นที่แน่นอนการซื้อขายจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ จึงมีความผิดเพียงพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7752/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม เหตุโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง โดยแยกพิจารณาโทษแต่ละกระทงเป็นเกณฑ์ ที่จำเลยฎีกาว่า การตรวจค้นบ้านจำเลยไม่มีหมายค้นเพราะไม่ใช่การกระทำความผิดซึ่งหน้าเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปเคาะประตูบ้านจำเลย แล้วภริยาจำเลยออกไปเปิดประตูในขณะนั้นจำเลยยังนอนอยู่ยังไม่ตื่นไม่มีการล่อซื้อ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าค้นโดยพลการ กระทำผิดกฎหมายในการตรวจค้นนั้นเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7752/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนและลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี โดยการโต้เถียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตรวจค้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน คู่ความต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และที่จำเลยฎีกาว่า การตรวจค้นบ้านจำเลยไม่มีหมายค้นเพราะไม่ใช่การกระทำความผิดซึ่งหน้าเนื่องจากเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปเคาะประตูบ้านจำเลยแล้วภริยาจำเลยออกไปเปิดประตู ในขณะนั้นจำเลยยังนอนอยู่ยังไม่ตื่น ไม่มีการล่อซื้อแต่อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจเข้าค้นโดยพลการกระทำผิดกฎหมายในการตรวจค้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7722/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและการรวมโทษกระทงอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลย 2 กระทง กระทงแรกจำคุกตลอดชีวิต กระทงที่สองจำคุก 1 ปี เมื่อความผิดกระทงแรกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่จำต้องนำโทษกระทงอื่นมาลงอีก แต่ตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) บัญญัติตอนท้ายไว้ความว่า เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งหมายความว่า หากกระทงหนึ่งกระทงใดมีโทษที่จะลงแก่จำเลยจริง ๆ เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ศาลลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น ความผิดกระทงแรกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อลดโทษให้จำเลยแล้ว คงลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะนำเอาโทษจำคุกในความผิดกระทงที่สองมารวมอีกได้ ซึ่งเมื่อรวมกับโทษกระทงที่สองหลังจากลดโทษให้จำเลยจำคุก 8 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 33 ปี 12 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7664/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำชำเราเด็กหญิงที่มิได้รับอนุญาตสมรส และเจตนาในการกระทำความผิดต่างกรรมกัน
การกระทำที่จะทำให้ผู้กระทำผิดได้รับการยกเว้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสุดท้าย จะต้องเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กหญิงนั้นยินยอมและต่อมาภายหลังศาลอนุญาตให้ชายหญิงนั้นสมรสกัน คดีนี้ แม้ว่าภายหลังการกระทำผิดจำเลยกับผู้เสียหายจะจดทะเบียนสมรสกัน แต่จำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมและศาลก็มิได้อนุญาตให้จำเลยและผู้เสียหายสมรสกัน การกระทำของจำเลยจึงไม่ได้รับยกเว้นโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7531/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายกับการจำหน่ายเป็นความผิดต่างกรรมกัน
การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีลักษณะของการกระทำแตกต่างกันเป็นการกระทำต่างขั้นตอนกันสามารถแยกการกระทำแต่ละอย่างต่างหากจากกันได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 1 ก็มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกระทงหนึ่งแล้วครั้นจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไปบางส่วนให้แก่ผู้มีชื่อ จำเลยที่ 1มีความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอีกกระทงหนึ่ง
ปัญหาว่าการที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน303 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายไป 3 เม็ดเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน หรือการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้จำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในชั้นอุทธรณ์แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยที่ 1 จึงยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225
ปัญหาว่าการที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน303 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายไป 3 เม็ดเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน หรือการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้จำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในชั้นอุทธรณ์แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยที่ 1 จึงยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225