พบผลลัพธ์ทั้งหมด 182 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7048/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาจัดหางานสำคัญ: การแยกความผิดฐานฉ้อโกงออกจากฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกโดยเจตนาทุจริต หลอกลวงประชาชน โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โฆษณาในหนังสือพิมพ์เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจหารายได้พิเศษร่วมงานกับบริษัทถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศ ผู้สมัครต้องเสียเงินค่าบริการจัดหางานให้จำเลยกับพวก อันเป็นความเท็จ จำเลยกับพวกไม่สามารถจัดให้ผู้สมัครทำงานตามที่โฆษณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่มีข้อความตอนใดยืนยันข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายตั้งแต่ต้น การที่จำเลยกับพวกไม่สามารถจัดให้ได้ทำงานมิได้หมายความเสมอไปว่า จำเลยมิได้มีเจตนาจัดหางานอันจะทำให้ขาดองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 8 วรรคหนึ่ง ลำพังเพียงคำฟ้องโจทก์ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7048/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงกับการจัดหางานต่างกรรมกัน การบรรยายฟ้องมีผลต่อการพิจารณาความผิดฐานจัดหางาน
ความผิดฐานฉ้อโกงกับความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานนั้น อาจเป็นความผิดต่างกรรมได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการบรรยายฟ้องของโจทก์ ถ้าคำฟ้องเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่มีเจตนาจัดหางาน การกระทำตามฟ้องย่อมไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ มาตรา 8,73
โจทก์บรรยายฟ้องแยกออกเป็นสองตอน ฟ้องข้อ (ก) บรรยายว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานโดยประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนทั่วไปเรียกรับเงินค่าบริการเป็นค่าตอบแทนการจัดหางานจากคนหางานและผู้เสียหายโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ส่วนข้อ (ข)โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกโดยเจตนาทุจริตหลอกลวงประชาชนโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จโฆษณาในหนังสือพิมพ์เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจหารายได้พิเศษเพื่อร่วมงานกับบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศอันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยกับพวกดังกล่าวนำผู้สมัครไปรวมกลุ่มพูดคุยที่ต่างจังหวัด โดยไม่ได้คัดตัวนักแสดงแต่อย่างใด และจำเลยกับพวกไม่สามารถจัดให้ผู้สมัครทำงานตามที่โฆษณาได้ข้อความตามข้อ (ข) ไม่มีข้อความใดเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้น การที่จำเลยกับพวกไม่สามารถจัดให้ได้ทำงาน มิได้หมายความเสมอไปว่าจะต้องเกิดจากเพราะมิได้มีเจตนาจัดหางานอันจะถือว่าไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ
โจทก์บรรยายฟ้องแยกออกเป็นสองตอน ฟ้องข้อ (ก) บรรยายว่าจำเลยกับพวกร่วมกันจัดหางานโดยประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนทั่วไปเรียกรับเงินค่าบริการเป็นค่าตอบแทนการจัดหางานจากคนหางานและผู้เสียหายโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง ส่วนข้อ (ข)โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกโดยเจตนาทุจริตหลอกลวงประชาชนโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จโฆษณาในหนังสือพิมพ์เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจหารายได้พิเศษเพื่อร่วมงานกับบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศอันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงแล้วจำเลยกับพวกดังกล่าวนำผู้สมัครไปรวมกลุ่มพูดคุยที่ต่างจังหวัด โดยไม่ได้คัดตัวนักแสดงแต่อย่างใด และจำเลยกับพวกไม่สามารถจัดให้ผู้สมัครทำงานตามที่โฆษณาได้ข้อความตามข้อ (ข) ไม่มีข้อความใดเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้น การที่จำเลยกับพวกไม่สามารถจัดให้ได้ทำงาน มิได้หมายความเสมอไปว่าจะต้องเกิดจากเพราะมิได้มีเจตนาจัดหางานอันจะถือว่าไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8844/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ของผู้ครอบครองทรัพย์สินที่ถูกใช้ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ. มาตรการปราบปรามยาเสพติด
พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 30 วรรคสาม บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านเป็นผู้มีหน้าที่พิสูจน์ว่าตนไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดและจะมีการนำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิด บทบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าผู้คัดค้านมีภาระการพิสูจน์ เมื่อผู้คัดค้านเบิกความแต่เพียงลอย ๆ ว่าจำเลยขอยืมรถยนต์ไปทำงาน ไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดแต่ไม่ปรากฏเหตุผลความจำเป็น พฤติการณ์ของจำเลยที่ค้ายาเสพติดผู้คัดค้านซึ่งเป็นภริยาควรจะต้องทราบเรื่องบ้าง พยานหลักฐานของผู้คัดค้านจึงยังไม่มีน้ำหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6906/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลไม่รับพยาน เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของทนายจำเลย และการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลา
จำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง ซึ่งหลังวันสืบพยานครั้งแรกเดือนเศษ โดยไม่ปรากฏว่าเหตุใดจึงเพิ่งมายื่นคำร้องทั้งที่ควรจะยื่นคำร้องในโอกาสแรกที่พึงกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในคดี จำเลยจะยกเรื่องทนายความของตนละทิ้งหน้าที่มาเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาไม่ได้ และจำเลยไม่อาจอ้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมอันเกิดจากความผิดพลาดของจำเลยเอง ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งต้องเสียเปรียบเพราะการดำเนินคดีต้องล่าช้าไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5825/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่ไม่สมบูรณ์และผลกระทบต่อการบังคับชำระหนี้
โจทก์กลัวว่าจำเลยจะไม่ชำระหนี้แก่ธนาคารจึงให้จำเลยทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้โดยไม่มีเจตนาที่จะกู้ยืมเงินกันจริง สัญญากู้ตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 154 จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินแก่โจทก์
เมื่อจำเลยอ้างถึงสำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาสัญญาจำนอง สำเนาสัญญาค้ำประกัน และสำเนาสัญญากู้เงินถามค้านพยานโจทก์ โจทก์ก็มิได้คัดค้านสำเนาเอกสารนั้น ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานของจำเลยได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 (1)
เมื่อจำเลยอ้างถึงสำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาสัญญาจำนอง สำเนาสัญญาค้ำประกัน และสำเนาสัญญากู้เงินถามค้านพยานโจทก์ โจทก์ก็มิได้คัดค้านสำเนาเอกสารนั้น ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานของจำเลยได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5825/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงินที่ทำขึ้นเพื่อประกันหนี้เดิม ย่อมตกเป็นโมฆะ หากไม่มีเจตนาที่จะกู้ยืมเงินกันจริง
โจทก์กลัวว่าจำเลยจะไม่ชำระหนี้แก่ธนาคารจึงให้จำเลยทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้โดยไม่มีเจตนาที่จะกู้ยืมเงินกันจริง สัญญากู้ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 154 จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินแก่โจทก์
เมื่อจำเลยอ้างถึงสำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาสัญญาจำนอง สำเนาสัญญาค้ำประกัน และสำเนาสัญญากู้เงินถามค้านพยานโจทก์ โจทก์ก็มิได้คัดค้านสำเนาเอกสารนั้น ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1)
เมื่อจำเลยอ้างถึงสำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาสัญญาจำนอง สำเนาสัญญาค้ำประกัน และสำเนาสัญญากู้เงินถามค้านพยานโจทก์ โจทก์ก็มิได้คัดค้านสำเนาเอกสารนั้น ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5383/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมเพื่อย้ายภูมิลำเนา ก่อนการเลือกตั้งเทศบาล ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดโดยปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมของผู้เสียหาย 4 ราย รวม 4 ฉบับ ระยะเวลาที่จำเลยปลอมและใช้เอกสารปลอมอยู่ในช่วงก่อนกำหนดที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลใหม่ไม่มากนัก กับไม่น่าเชื่อว่าการที่จำเลยปลอมและใช้เอกสารปลอมในการย้ายภูมิลำเนาของผู้เสียหายทั้งสี่จะเป็นการกระทำเพื่อให้บุตรหลานของผู้เสียหายทั้งสี่ได้เข้าเรียนในโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาล ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงจำคุก 2 เดือน จึงนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอย่างมากแล้ว ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5370/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอตั้งผู้จัดการทรัพย์สินที่ถูกยึดในชั้นบังคับคดี ต้องยื่นในคดีเดิม ไม่ใช่คดีใหม่
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดบังคับคดีเพื่อนำรายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีไปมอบต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ภายในเวลาและกำหนดตามที่ศาลเห็นสมควร แทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 นั้นจะต้องดำเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดี โดยผู้ร้องชอบที่จะไปยื่นคำร้องต่อศาลในคดีซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา ไม่ใช่มา ยื่นคำร้องขอเพื่อดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5370/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอตั้งผู้จัดการทรัพย์สินที่ถูกยึด ต้องยื่นในชั้นบังคับคดี ไม่ใช่คดีใหม่
การร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดบังคับคดีเพื่อนำรายได้ประจำปีจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดีไปมอบต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ภายในเวลาและกำหนดตามที่ศาลเห็นสมควร แทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 307 นั้นจะต้องดำเนินกระบวนการในชั้นบังคับคดี โดยผู้ร้องชอบที่จะไปยื่นคำร้องต่อศาลในคดีซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา ไม่ใช่มายื่นคำร้องขอเพื่อดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5282/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การพิสูจน์เจตนาจำหน่ายและการลดโทษจากคำรับสารภาพ
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่งกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น แม้จำเลยที่ 3จะให้การรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยที่ 3 ผิดจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง เว้นแต่ของกลางจะมีจำนวนตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
ของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัมไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริง
พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาจำเลยทั้งสามว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเนื่องจากของกลางมีจำนวนมากแต่ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อ หรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม และตามทางนำสืบโจทก์รับฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรงและจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
เมื่อศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่าสมควรลดโทษให้จำเลยอีกหรือไม่
ของกลางในคดีนี้คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้หนัก 11.4 กรัมไม่ถึง 20 กรัม ไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความจริง
พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาจำเลยทั้งสามว่ามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเนื่องจากของกลางมีจำนวนมากแต่ไม่มีพฤติการณ์อื่นใดอีก เช่น มีการล่อซื้อ หรือมีพยานยืนยันว่าเคยซื้อหรือเคยล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสาม และตามทางนำสืบโจทก์รับฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองแม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกาเรื่องนี้ขึ้นมาโดยตรงและจำเลยที่ 3 ฎีกาแต่เฉพาะขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 สถานเบา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้
เมื่อศาลฎีกาจะต้องกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยว่าสมควรลดโทษให้จำเลยอีกหรือไม่