คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พันธาวุธ ปาณิกบุตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,881 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8404/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็คเลิกกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้สิทธิฟ้องอาญาของโจทก์ระงับ
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอาญาเห็นว่าโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้วทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการนำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8404/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็คเลิกกันหลังประนีประนอมยอมความ สิทธิฟ้องอาญาโจทก์ระงับตามกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอาญาเห็นว่าโจทก์และจำเลยได้ทำ สัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งและศาลได้พิพากษา ตามยอม คดีถึงที่สุดแล้วทำให้หนี้ที่จำเลยได้ออกเช็คเพื่อ ใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิด จากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธิของโจทก์ในการ นำคดีมาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ย่อมมีผลเท่ากับศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7844/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีหลังทนายโจทก์รับทราบวันนัดแล้ว ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีชอบด้วยกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์และทนายจำเลยมาศาลทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าผู้แทนโจทก์ติดธุระจำเป็นไม่อาจมาศาลได้ทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ตามวันว่างตรงกัน และทนายโจทก์ลงลายมือชื่อรับทราบรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นดังกล่าว ซึ่งเป็นกรณีที่ทนายโจทก์รับทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ที่ทนายโจทก์มีส่วนร่วมในการกำหนดโดยชอบแล้ว แต่เมื่อถึงวันนัดโจทก์รวมทั้งทนายโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดจึงเป็นกรณีที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตาม ป.วิ.พ.มาตรา 201 วรรคหนึ่ง บัญญัติบังคับให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จะยกเอากรณีที่ทนายโจทก์จดวันนัดผิดพลาดและในวันนัดดังกล่าวทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลอื่นขึ้นอ้างนั้นเป็นข้ออ้างที่ปราศจากเหตุผลให้รับฟัง จึงไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น
of 189