พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5511-5512/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลซ้ำซ้อนเกิน 5 ปี และการประเมินภาษีการค้าเกิน 10 ปี หลังการยื่นแบบแสดงรายการ
เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกโจทก์ครั้งเดียวภายในกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้า และเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งประเมินให้โจทก์ชำระภาษีการค้าและภาษีเงินได้นิติบุคคลภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้าแล้ว โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์โจทก์ ถือว่าการเรียกตรวจสอบไต่สวนตามหมายเรียกดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว การที่เจ้าพนักงานประเมินมาแจ้งประเมินครั้งที่สองโดยมิได้ออกหมายเรียกมาไต่สวนใหม่ภายในกำหนด 5 ปีนั้นจึงเป็นการประเมินโดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องอ้างว่าเจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าเพิ่มไม่ถูกต้องเพราะโจทก์มิได้มีรายรับจากการค้าเพิ่มการที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าเพราะโจทก์มิใช่ผู้ประกอบการค้าในฐานะผู้ผลิตตามคำสั่งของกรมสรรพากร ที่ ป.4/2527จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้ในคำฟ้อง อันมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลภาษีอากรกลาง จึงต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรฯ มาตรา 24 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 โจทก์ลงลายรับเฉพาะจำนวนที่ได้รับจากลูกช่วงทำไม้หลังจากหักค่าจ้างออกแล้วเป็นการลงรายรับเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรเท่านั้นเจ้าพนักงานคิดคำนวณปริมาตรไม้แล้วปรับปรุงบัญชีรายรับของโจทก์ตามราคาที่ขายตามหลักฐานที่ตรวจสอบได้ไม่เป็นการคำนวณรายรับที่ไม่ถูกต้อง ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีพิพาทโจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้าโดยแสดงรายรับขาดไปเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของยอดรายรับของโจทก์ที่เจ้าพนักงานตรวจสอบได้ เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินภาษีการค้าของโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดยื่นแบบแสดงรายการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 88 ทวิ(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4010/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาการประเมินภาษีเงินได้และภาษีการค้า การประเมินเกินกำหนดเวลาเป็นโมฆะ
เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของโจทก์ ปี พ.ศ. 2516 ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินภายในเดือนมีนาคม 2517 ซึ่งเมื่อนับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ยื่นรายการจนถึงวันที่เจ้าพนักงานออกหมายเรียกแล้วเป็นเวลาเกินกว่า 5 ปี การออกหมายเรียกจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร การประเมินของเจ้าพนักงานจึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจศาลชอบที่จะเพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์ ปี พ.ศ. 2516เสียได้ ส่วนภาษีการค้าซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าเป็นรายเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามประมวลรัษฎากร มาตรา 84และ 85 ทวิ นั้นปรากฏว่า โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้าขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25 ของยอดรายรับที่แสดงในแบบแสดงรายการการค้าเจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจทำการประเมินได้ภายในกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการการค้าตามมาตรา88 ทวิ(2) การประเมินดังกล่าวจึงไม่เกินกำหนดเวลาตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาประเมินภาษีการค้า: นับจากวันยื่นแบบแสดงรายการ หรือวันปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน
ประมวลรัษฎากร มาตรา 88 ทวิ (2) ซึ่งกำหนดว่าการประเมินภาษีการค้าให้กระทำได้ภายในสิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการการค้า หมายความว่า ในกรณีที่มีกำหนดเวลาให้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าไว้หลายวันก็ให้นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลานั้น ส่วนในกรณีที่วันยื่นแบบแสดงรายการการค้าได้กำหนดไว้แน่นอนเป็นวันหนึ่งวันใดโดยเฉพาะเพียงวันเดียวแล้ว ก็ย่อมต้องถือว่าวันที่กำหนดไว้แน่นอนนั้นเป็นวันสุดท้าย การนับระยะเวลาจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ได้กำหนดไว้แน่นอนนั้น
ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีการค้าเรื่องกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการการค้าและการชำระภาษีการค้าของผู้นำเข้าที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นกำหนดให้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าทุกครั้งที่มีการยื่นใบขนสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและชำระภาษีในวันนำเข้าซึ่งเป็นเพียงวันเดียวที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วการนับระยะเวลาตามมาตรา 88 ทวิ (2) จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันยื่นแบบแสดงรายการการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว
ในกรณีที่ผู้มีเอกสารสิทธิทางการฑูต ซื้อสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บนซึ่งไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการการค้า แต่เปลี่ยนเป็นการยื่นบัญชีเล็ดเยอร์ใบประทวนของใช้ในบ้านเมืองแทนเมื่อจะปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ต้องถือว่าวันปล่อยของออกคือวันที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวแม้โจทก์จะเป็นผู้นำเข้าสินค้าพิพาทและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่เจ้าพนักงานประเมินแต่เจ้าพนักงานทำการประเมินและแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบเกินกว่า 10 ปีนับแต่วันปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนการประเมินดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วย มาตรา 88 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร.
ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีการค้าเรื่องกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการการค้าและการชำระภาษีการค้าของผู้นำเข้าที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นกำหนดให้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าทุกครั้งที่มีการยื่นใบขนสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและชำระภาษีในวันนำเข้าซึ่งเป็นเพียงวันเดียวที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วการนับระยะเวลาตามมาตรา 88 ทวิ (2) จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันยื่นแบบแสดงรายการการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว
ในกรณีที่ผู้มีเอกสารสิทธิทางการฑูต ซื้อสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บนซึ่งไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการการค้า แต่เปลี่ยนเป็นการยื่นบัญชีเล็ดเยอร์ใบประทวนของใช้ในบ้านเมืองแทนเมื่อจะปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ต้องถือว่าวันปล่อยของออกคือวันที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวแม้โจทก์จะเป็นผู้นำเข้าสินค้าพิพาทและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่เจ้าพนักงานประเมินแต่เจ้าพนักงานทำการประเมินและแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบเกินกว่า 10 ปีนับแต่วันปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนการประเมินดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วย มาตรา 88 ทวิ (2) แห่งประมวลรัษฎากร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4095/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีการค้าต้องนับระยะเวลาจากวันยื่นแบบแสดงรายการค้า หรือวันปล่อยของจากคลังสินค้าทัณฑ์บนตามประกาศกระทรวงการคลัง
ป. รัษฎากร มาตรา 88 ทวิ (2) ซึ่งกำหนดว่าการประเมินภาษีการค้าให้กระทำได้ภายในสิบปีนับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการการค้า หมายความว่า ในกรณีที่มีกำหนดเวลาให้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าไว้หลายวัน ก็ให้นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลานั้น ส่วนในกรณีที่วันยื่นแบบแสดงรายการการค้าได้กำหนดไว้แน่นอนเป็นวันหนึ่งวันใด โดยเฉพาะ เพียงวันเดียวแล้ว ก็ย่อมต้องถือว่าวันที่กำหนดไว้แน่นอนนั้นเป็นวันสุดท้าย การนับระยะเวลาจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่กำหนดไว้แน่นอนนั้น ประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีการค้า เรื่องกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการการค้า และการชำระภาษีการค้าของผู้นำเข้าที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น กำหนดให้ยื่นแบบแสดงรายการการค้าทุกครั้งที่มีการยื่นใบขนสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและชำระภาษีในวันนำเข้า ซึ่งเป็นเพียงวันเดียวที่กำหนดไว้แน่นอนแล้ว การนับระยะเวลาตามมาตรา 88 ทวิ (2) จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันยื่นแบบแสดงรายการการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว ในกรณีที่ผู้มีเอกสิทธิทางการทูตซื้อสินค้าจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ซึ่งไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการการค้า แต่เปลี่ยนเป็นการยื่นบัญชีเล็ดเยอร์ ใบประทวนของใช้ในบ้านเมืองแทนเมื่อจะปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ต้องถือว่าวันปล่อยของออกคือวันที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการการค้าตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว แม้โจทก์จะเป็นผู้นำเข้าสินค้าพิพาทและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่เจ้าพนักงานได้ประเมิน แต่เจ้าพนักงานทำการประเมินและแจ้งการประเมินให้โจทก์ทราบเกินกว่า 10 ปีนับแต่วันปล่อยของออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน การประเมินดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 88 ทวิ (2)แห่ง ป.รัษฎากร.