คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวัตร์ สุขเกษม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 319 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8308/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องอาญาหมดอายุ: จำหน่ายคดี ไม่ใช่ยกฟ้อง
เมื่อสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้ว ศาลควรจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ มิใช่พิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8308/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องอาญาตามเช็คระงับเมื่อมีการประนีประนอมยอมความและชดใช้หนี้ คดีควรจำหน่ายออกจากสารบบ
เมื่อสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไปแล้วศาลควรจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ มิใช่พิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8161/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลเปลี่ยนผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กเมื่อมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลง คำร้องขอพิจารณาได้แม้ไม่ใช่คดีมีข้อพิพาท
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1521ประกอบมาตรา 1566(5) ที่ให้อำนาจศาลเพื่อคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ของผู้เยาว์ในการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ใช้อำนาจปกครองมิได้กำหนดวิธีการที่คดีจะมาสู่ศาล แสดงว่าประสงค์จะให้คดีขึ้นสู่ศาลได้ทั้งการเสนอคดีโดยทำเป็นคำฟ้องอย่างคดีมีข้อพิพาทและทำเป็นคำร้องขอแบบคดีไม่มีข้อพิพาท ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นบิดาของเด็กหญิง ป. อ้างในคำร้องขอว่า ร. มารดาเด็กหญิง ป. ไม่สามารถเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กหญิงป. เนื่องจากมิได้ประกอบอาชีพ ประสงค์จะให้เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นผู้ร้องทั้งผู้ร้องรับราชการเป็นทหาร สามารถอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาและความอบอุ่นแก่เด็กหญิง ป. ได้ หากเป็นจริงย่อมถือได้ว่ามีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในภายหลังแล้ว ศาลจึงมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองได้โดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของเด็กหญิง ป. เป็นสำคัญหาใช่เป็นเรื่องไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ผู้ร้องจะต้องใช้สิทธิทางศาลไม่แม้ผู้ร้องสอดเสนอคดีโดยทำเป็นคำร้องขอศาลก็รับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8143/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้ายร่างกายหลายคน: พิจารณาแยกกรรมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตนาและพฤติการณ์
ขณะที่จำเลยเข้าฟันผู้เสียหายทั้งสองนั้น ก็มีพวกของผู้เสียหายยืนอยู่ต่างหากโดยไม่ได้นั่งรวมอยู่บนรถจักรยานยนต์กับผู้เสียหายทั้งสองเสร็จจากฟันผู้เสียหายทั้งสองแล้วจำเลยก็วิ่งหนีไปโดยไม่ได้เข้าทำร้ายพวกของผู้เสียหายทั้งสองทั้งที่ไม่ปรากฏผู้เข้าขัดขวาง แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่ามุ่งประสงค์จะทำร้ายเฉพาะผู้เสียหายทั้งสองเท่านั้น ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คนละคัน จำเลยฟันผู้เสียหายที่ 1 ก่อนแล้วจึงตรงเข้าฟันผู้เสียหายที่ 2 แสดงว่าในการฟันของจำเลยแต่ละครั้งความประสงค์และจุดมุ่งหมายในการฟันของจำเลยได้แยกออกจากกันว่าฟันครั้งใด จำเลยประสงค์จะฟันผู้เสียหายคนใด มิใช่ฟันในขณะที่มีการชุลมุนกัน เจตนาในการทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองขณะจำเลยลงมือกระทำความผิดจึงแยกออกจากกันได้ ความต้องการให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บแม้จะเกิดขึ้นในใจของจำเลยพร้อม ๆ กัน และต่อเนื่องกับ การลงมือกระทำความผิดก็มิใช่เจตนาในขณะที่จำเลยลงมือกระทำความผิดการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8143/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน: การทำร้ายร่างกายหลายคนในเหตุการณ์เดียวกัน
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225 จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ใช้มีดฟันทำร้ายพวกผู้เสียหายทั้งสองในลักษณะที่กระทำต่อเนื่องไปคราวเดียวกัน มีลักษณะของการทำร้ายโดยเจตนาทำร้ายผู้เสียหายทุกคนเพราะผู้เสียหายทั้งสองกับพวกอีกสองคนยืนรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน บังเอิญว่าผู้เสียหายทั้งสองยืนหันหลังให้จึงถูกทำร้าย ข้อเท็จจริงไม่อาจแบ่งแยกว่าจำเลยเจตนาทำร้ายหรือไม่ทำร้ายบุคคลใด จึงมีลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียวแม้จะกระทำหลายหนต่อหลายบุคคลก็อยู่ภายในเจตนาอันเดียวนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่า ขณะที่จำเลยเข้าฟันผู้เสียหายทั้งสอง พ.และ ค.พวกของผู้เสียหายทั้งสองยืนอยู่ต่างหาก มิได้นั่งรวมอยู่บนรถจักรยานยนต์กับผู้เสียหายทั้งสอง เสร็จจากฟันผู้เสียหายที่ 2 แล้ว จำเลยวิ่งหนีไป หาได้ปรากฏว่าจำเลยมุ่งเข้ากระทำต่อ พ.หรือ ค.ต่อไปอีกไม่ ทั้งที่ไม่ปรากฏผู้เข้าขัดขวาง แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่ามุ่งประสงค์จะทำร้ายเฉพาะผู้เสียหายทั้งสองเท่านั้น ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์คนละคัน จำเลยฟันผู้เสียหายที่ 1 ก่อน แล้วจึงตรงเข้าฟันผู้เสียหายที่ 2 แสดงว่าในการฟันของจำเลยแต่ละครั้งความประสงค์และจุดมุ่งหมายในการฟันของจำเลยได้แยกออกจากกันว่าการฟันครั้งใดจำเลยประสงค์จะฟันผู้เสียหายคนใด มิใช่ฟันในขณะที่มีการชุลมุนกัน เจตนาในการทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองขณะจำเลยลงมือกระทำความผิดจึงแยกออกจากกันได้ความต้องการให้ผู้เสียหายทั้งสองได้รับบาดเจ็บแม้จะเกิดขึ้นในใจของจำเลยพร้อม ๆ กัน และต่อเนื่องกับการลงมือกระทำความผิด ก็มิใช่เจตนาในขณะที่จำเลยลงมือกระทำความผิด การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8088/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขายทาวน์เฮาส์ใหม่จากความชำรุดบกพร่องก่อนเวลาอันสมควร
โจทก์ทั้งสามซื้อทาวน์เฮาส์หลังพิพาทมาในสภาพใหม่เพิ่งก่อสร้างเสร็จจากจำเลย และเข้าอยู่อาศัยใช้ประโยชน์ได้เพียง 6 เดือน ก็เกิดความชำรุดบกพร่องในส่วนสำคัญหลายรายการ จนไม่อาจใช้อยู่อาศัยได้อย่างปกติสุขหรือเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติต่อไปได้ เป็นการชำรุดบกพร่องก่อนเวลาอันสมควร จึงหาใช่เป็นเรื่องที่ความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นจากธรรมชาติของการใช้สอยไม่ จำเลยผู้ขายย่อมต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของทาวน์เฮ้าส์นั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 472

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8087/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า: พิจารณาความเหมาะสมของผู้เลี้ยงดู โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและประโยชน์สูงสุดของบุตร
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันและให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง เมื่อจำเลยเป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ยิ่งกว่าโจทก์ แม้มิได้ฟ้องแย้ง ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์หลังการหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8087/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการกำหนดผู้ใช้อำนาจปกครองเด็ก แม้จำเลยมิได้ฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขอหย่าจากจำเลยและขอให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียว เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยเป็นผู้เหมาะสมที่จะปกครองผู้เยาว์ยิ่งกว่าโจทก์ แม้จำเลยจะไม่ได้ฟ้องแย้งศาลก็มีอำนาจที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1520 วรรคหนึ่ง ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ฝ่ายเดียวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7846/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์: ข้อตกลงเพิ่มเติมเรื่องการสมรส และสิทธิของเจ้าหนี้ร่วม
การทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญมิฉะนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ เป็นกรณีมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง เมื่อตามสัญญาจะซื้อจะขายมิได้มีข้อตกลงเป็นเงื่อนไขว่า โจทก์และจำเลยร่วมจะต้องสมรสกันหากฝ่ายใดไม่ยอมสมรสอีกฝ่ายมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ การที่จำเลยและจำเลยร่วมนำสืบมีเงื่อนไขการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยร่วมในสัญญาจะซื้อจะขายเป็นการนำสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามมิให้นำสืบ ศาลไม่อาจรับฟังพยานบุคคลของจำเลยและจำเลยร่วมดังกล่าวได้
จำเลยตกลงจะขายที่ดินและเรือนพิพาทแก่โจทก์และจำเลยร่วมโจทก์และจำเลยร่วมมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ร่วม โจทก์แต่ผู้เดียวมีอำนาจฟ้องจำเลยให้โอนที่ดินและเรือนพิพาทแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7802/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาเกี่ยวกับอาวุธปืนของเยาวชน: การพิจารณาโทษและการแก้ไขบทมาตราโดยศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลย (ขณะกระทำความผิดอายุ 17 ปีเศษ)มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 83, 288, 289 (4) พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคสอง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง เรียงกระทงลงโทษตามป.อ. มาตรา 91 รวมลงโทษจำคุกจำเลย 13 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจนครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์แล้วให้ส่งตัวจำเลยไปจำคุกไว้ในเรือนจำ 5 ปี เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนรวมกับการลงโทษจำคุกทางอาญาต้องถือว่าศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 83 และมีความผิดในฐานพาอาวุธปืน ฯ ตาม ป.อ.มาตรา 371 อีกบทหนึ่ง แต่เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคสอง,72 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทหนักที่สุดตาม ป.อ.มาตรา 90 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นการแก้เฉพาะบทมิได้พิพากษาแก้โทษด้วย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลย ไม่เกิน 5 ปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534มาตรา 124
of 32