คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชวลิต ธรรมฤชุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4198/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลล่าง และการรับสารภาพที่ไม่เข้าใจ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 24สิงหาคม 2539 เวลากลางคืนหลังเที่ยง และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง คดีต้องฟังตามคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลย กระทำผิดตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวในฟ้องจำเลยจะฎีกา โต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะไม่ใช่ข้อที่ ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่างต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (9) วรรคสาม ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้คู่ความ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเป็น ชาวต่างประเทศเปรู พูดภาษาสเปน ซึ่งในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏเพียงว่ามี ส. เป็นล่ามแปลคำให้การของจำเลยได้สาบานตัวแล้วเท่านั้น แต่หาได้มีการแปล เป็นภาษาสเปนให้จำเลยเข้าใจโดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 13 ไม่ อีกทั้งจำเลย ไม่เข้าใจความหมายในกฎหมายที่จำเลยลงลายมือรับสารภาพนั้น เท่ากับจำเลยโต้เถียงข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ให้การ รับสารภาพตามที่ล่ามแปลให้ฟัง โดยขอให้ศาลฎีการับฟังและ เชื่อถือข้อเท็จจริงตามที่จำเลยฎีกา ซึ่งล้วนเป็นการโต้เถียง ดุลพินิจในการรับฟังพยานของศาลอุทธรณ์อันเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว กรณีที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาแล้วศาลวินิจฉัยลงโทษจำเลยนั้นข้อฎีกาของจำเลยที่ว่า การสืบพยาน ปากผู้เสียหายไว้ก่อนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 237 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ย่อมเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย ที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย เพราะแม้ศาลฎีกา จะวินิจฉัยให้ตามฎีกาของจำเลยก็ไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป