คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 276

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและเหตุผลสมควรในการงดบังคับคดี กรณีกรรมสิทธิ์พิพาทไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่าจำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่ เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้มีสิทธิไม่ชัดเจน: เหตุผลสมควรให้งดบังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่า จำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่ เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้ เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งงดบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มิใช่การขยายเวลาชำระหนี้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยผัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยยังไม่สั่งบังคับคดีทันทีเพราะมีเหตุอันสมควรนั้น เป็นการสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจกระทำได้เพราะเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามอำนาจแห่งดุลพินิจของศาลชั้นต้น หาใช่เป็นการขยายเวลาชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม อันเป็นผลให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการงดบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ใช่การขยายเวลาชำระหนี้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยผัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยยังไม่สั่งบังคับคดีทันทีเพราะมีเหตุอันสมควรนั้น เป็นการสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจกระทำได้ เพราะเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามอำนาจแห่งดุลพินิจของศาลชั้นต้น หาใช่เป็นการขยายเวลาชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม อันเป็นผลให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีสัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลไม่อาจบังคับคดีเมื่อทรัพย์ตามสัญญาถูกขายไปแล้ว
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลระบุว่าทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้โจทก์และทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้จำเลย ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยได้รับแบ่งไปเป็นส่วนของตนนี้มีสัญญายอมความอีกข้อหนึ่งบังคับไว้ว่า ทั้งโจทก์จำเลยจะต้องทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้นๆให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลย ต่อมาโจทก์เอาทรัพย์ส่วนแบ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีข้อผูกมัดให้โจทก์ต้องทำพินัยกรรมยกให้แก่บุตรนั้นไปขายให้แก่บุคคลอื่นเสียบางส่วน เช่นนี้จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถจะบังคับให้โจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ปฏิบัติตามคำบังคับที่จำเลยร้องขอให้จับขังโจทก์ได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ที่ศาลจะมีคำสั่งจับกุมและกักขังโจทก์ ผู้เป็นลูกหนี้ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อมีการขายทรัพย์ตามพินัยกรรม: ศาลไม่อาจบังคับคดีได้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลระบุว่าทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้โจทก์และทรัพย์ส่วนใดแบ่งให้จำเลย ทรัพย์ที่โจทก์จำเลยได้รับแบ่งไปเป็นส่วนของตนนี้มีสัญญายอมความอีกข้อหนึ่งบังคับไว้ว่า ทั้งโจทก์จำเลยจะต้องทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้น ๆ ให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลย ต่อมาโจทก์เอาทรัพย์ส่วนแบ่งตาม สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีข้อผูกมัดให้โจทก์ต้องทำพินัยกรรม ยกให้แก่บุตรนั้นไปขายให้แก่บุคคลอื่นเสียบางส่วน เช่นนี้จึงเป็นกรณี ที่ไม่สามารถจะบังคับให้โจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ปฏิบัติตามคำบังคับที่จำเลยร้องขอให้จับขังโจทก์ได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ที่ศาลจะมีคำสั่งจับกุมและกักขังโจทก์ ผู้เป็นลูกหนี้ให้ ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลคำพิพากษาต้องพิจารณาข้อวินิจฉัยทั้งหมด แม้ไม่ได้ระบุขับไล่ชัดเจน หากวินิจฉัยว่าอยู่โดยไม่มีสิทธิ ก็ย่อมมีหน้าที่ส่งมอบคืน
โจทก์ฟ้องเรื่องละเมิด ขับไล่ ขอให้จำเลยออกจากห้องพิพาท และส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้อง กับค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องและนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ แม้คำพิพากษาจะไม่ได้กล่าวโดยชัดแจ้งให้ขับไล่จำเลย หรือให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้แก่โจทก์ก็ตามแต่การแปลคำพิพากษาต้องพิเคราะห์เกี่ยวกับข้อวินิจฉัยในคำพิพากษา เมื่อคำพิพากษาได้วินิจฉัยว่าจำเลยอยู่ในห้องพิพาท โดยไม่มีสิทธิจะอ้างได้ และพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยจะส่งมอบห้องพิพาท จึงมีความหมายอยู่ในตัวว่า คำพิพากษามุ่งประสงค์ให้จำเลยออกจากห้องพิพาทและส่งมอบห้องพิพาทตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลคำพิพากษาต้องพิจารณาข้อวินิจฉัยทั้งหมด แม้ไม่ได้ระบุขับไล่โดยชัดแจ้ง หากพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายจนกว่าจะส่งมอบทรัพย์สิน ย่อมหมายถึงการสั่งให้ส่งมอบ
โจทก์ฟ้องเรื่องละเมิด ขับไล่ ขอให้จำเลยออกจากห้องพิพาท และส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้อง กับค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องและนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ แม้คำพิพากษาจะไม่ได้กล่าวโดยชัดแจ้งให้ขับไล่จำเลย หรือให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้แก่โจทก์ก็ตาม แต่การแปลคำพิพากษาต้องพิเคราะห์เกี่ยวกับข้อวินิจฉัยในคำพิพากษา เมื่อคำพิพากษาได้วินิจฉัยว่าจำเลยอยู่ในห้องพิพาทโดยไม่มีสิทธิ์จะอ้างได้ และพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยจะส่งมอบห้องพิพาท จึงมีความหมายอยู่ในตัวว่า คำพิพากษามุ่งประสงค์ให้จำเลยออกจากห้องพิพาทและส่งมอบห้องพิพากษาตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำบังคับคดีและการกำหนดวันมอบรถยนต์ตามคำพิพากษา
การที่ศาลได้ออกหมายบังคับคดี ตั้งหัวหน้ากองหมายเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดี จัดการยึดอายัดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือทำการอื่นใดโดยอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นเรื่องการดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำบังคับหรือหมายบังคับที่ศาลออกไปแล้ว ถ้าศาลนั้นเองมาพิจารณาเห็นว่าไม่ถูกต้อง ศาลนั้นย่อมออกคำสั่งแก้ไขให้เปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เป็นเรื่องที่ศาลสั่งแก้ไขคำบังคับ มิใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขคำบังคับคดี และขอบเขตความรับผิดของคู่ความในการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษา
การที่ศาลได้ออกหมายบังคับคดี ตั้งหัวหน้ากองหมายเป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการยึดอายัดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือทำการอื่นใดโดยอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย เป็นเรื่องการดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำบังคับหรือหมายบังคับที่ศาลออกไปแล้ว ถ้าศาลนั้นเองมาพิจารณาเห็นว่าไม่ถูกต้อง ศาลนั้นย่อมออกคำสั่งแก้ไขให้เปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา เป็นเรื่องที่ศาลสั่งแก้ไขคำบังคับ มิใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำพิพากษา
of 17