พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและการบังคับคดี: การโอนที่ดินตามสัญญาไม่ต้องขอออกหมายบังคับคดี
คำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลยความว่า จำเลยจะไปโอนที่ดินใส่ชื่อ โจทก์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาภายใน 7 วันนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้า จำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ ก็ให้ถือคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ดังนั้นเมื่อครบกำหนด 7 วันและจำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์ก็อาจจะดำเนินการไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ มิใช่กรณีที่จะต้องมาขอออกหมายบังคับคดีเพื่อไปยึดที่ดินอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2603/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: การโอนที่ดินและการบังคับคดี
คำพิพากษาตามยอมระหว่างโจทก์จำเลยความว่า จำเลยจะไปโอนที่ดินใส่ชื่อโจทก์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาภายใน 7วันนับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้าจำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ ก็ให้ถือคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ดังนั้นเมื่อครบกำหนด 7 วันและจำเลยไม่ไปโอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์ก็อาจจะดำเนินการไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ มิใช่กรณีที่จะต้องมาขอออกหมายบังคับคดีเพื่อไปยึดที่ดินอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการประมูลทำนาและการยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ค่าประมูล
โจทก์จำเลยพิพาทโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่นา ในระหว่างคดีโจทก์ประมูลการทำนาพิพาทได้ โดยจะวางเงินจำนวนหนึ่งต่อศาลเป็นรายปีโจทก์วางเงินสำหรับการทำนาปี 2524 แล้ว ต่อมาปี 2525 โจทก์ยื่นคำแถลงขอยกเลิกการประมูล จำเลยแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งว่าฝ่ายจำเลยไม่ยินยอมจะกระทำไม่ได้ ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุด โจทก์ต้องปฏิบัติตาม เมื่อโจทก์ไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด จำเลยชอบที่จะขอให้บังคับตามคำสั่งนั้นได้ ประกอบกับคดีได้ความว่าโจทก์ได้เข้าไถคราดทำนาหว่านข้าวในที่พิพาทแล้วด้วยโดยมิได้วางเงินค่าประมูลทำนา ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินตามจำนวนที่ตกลงประมูลกันมาวางศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลทำนาและการบังคับตามสัญญา หากไม่ปฏิบัติตามสัญญาประมูล ศาลมีอำนาจบังคับยึดทรัพย์ได้
โจทก์จำเลยพิพาทโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่นาในระหว่างคดีโจทก์ประมูลการทำนาพิพาทได้โดยจะวางเงินจำนวนหนึ่งต่อศาลเป็นรายปีโจทก์วางเงินสำหรับการทำนาปี2524แล้วต่อมาปี2525โจทก์ยื่นคำแถลงขอยกเลิกการประมูลจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นสั่งว่าฝ่ายจำเลยไม่ยินยอมจะกระทำไม่ได้ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโจทก์ต้องปฏิบัติตามเมื่อโจทก์ไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดจำเลยชอบที่จะขอให้บังคับตามคำสั่งนั้นได้ประนอมกับคดีได้ความว่าโจทก์ได้เข้าไถคราดทำนาหว่านข้าวในที่พิพาทแล้วด้วยโดยมิได้วางเงินค่าประมูลทำนาศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินตามจำนวนที่ตกลงประมูลกันมาวางศาลได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการประมูลทำนา หากผู้ประมูลไม่ปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์จำเลยพิพาทโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่นาในระหว่างคดีโจทก์ประมูลการทำนาพิพาทได้โดยจะวางเงินจำนวนหนึ่งต่อศาลเป็นรายปีโจทก์วางเงินสำหรับการทำนาปี2524แล้วต่อมาปี2525โจทก์ยื่นคำแถลงขอยกเลิกการประมูลจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นสั่งว่าฝ่ายจำเลยไม่ยินยอมจะกระทำไม่ได้ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโจทก์ต้องปฏิบัติตามเมื่อโจทก์ไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดจำเลยชอบที่จะขอให้บังคับตามคำสั่งนั้นได้ประกอบกับคดีได้ความว่าโจทก์ได้เข้าไถคราดทำนาหว่านข้าวในที่พิพาทแล้วด้วยโดยมิได้วางเงินค่าประมูลทำนาศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินตามจำนวนที่ตกลงประมูลกันมาวางศาลได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275, 276 นั้น ศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้.
สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2518 เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2)
สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2518 เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของข้าราชการ/ลูกจ้าง ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286(2)
โจทก์ยื่นคำขอฝ่ายเดียวขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดทรัพย์ซึ่งจำเลยจะได้รับจากนายจ้างของจำเลยหากศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา286ศาลย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้ สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักเป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา286(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดี: เบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา275,276นั้นศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้. สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการพ.ศ.2518เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา286(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีภายใน 10 ปี: การยึดทรัพย์เกินกำหนดเวลา และประเด็นการชำระหนี้ที่ศาลสั่งงดสืบพยาน
การร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว และจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามขั้นตอนดังกล่าวส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์เมื่อใดนั้นเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 เกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว สำหรับประเด็นที่ว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่นั้น ในวันนัดพร้อมตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16มิถุนายน 2526 โจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 4 แถลงร่วมกัน ว่า "กรณีนี้ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอให้ เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์กรณีพิพาทเมื่อวันที่17 มกราคม 2526 แต่เจ้าพนักงานได้ทำการยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2526 และคู่กรณีขอให้ศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าว" ศาลมีคำสั่งว่า "ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้นัดฟังคำสั่งกรณีนี้ ในวันที่ 27 มิถุนายน 2526 เวลา 10 นาฬิกา" แม้คำแถลงของจำเลย ที่ 2 และที่ 4 จะยังไม่ชัดแจ้งว่า จำเลยที่2 และที่ 4 ได้สละประเด็นดังกล่าว แต่คำสั่งศาลที่ว่าคดีพอวินิจฉัยได้ และนัดฟังคำสั่งเป็นการสั่งงดสืบพยาน อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จำเลยที่ 2และที่ 4 มีโอกาสโต้แย้งคำสั่งแต่ไม่ได้โต้แย้งไว้จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฎีกา เพราะถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1938/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบังคับและการออกหมายบังคับคดี ศาลต้องมีคำบังคับก่อนออกหมายบังคับคดีได้
ศาลพิพากษาตามยอมและมีคำสั่งท้ายคำพิพากษาเพียงว่าบังคับคดีตามยอม เท่านั้นยังถือไม่ได้ว่าศาลได้มี คำบังคับแล้วและที่ศาลมีคำสั่งว่าบังคับคดีใน 30 วัน นั้นหมายความว่าให้มีคำบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความภายใน 30 วัน ตามที่บัญญัติไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 และมาตรา273 เสียก่อนมิใช่เป็นคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรคแรกศาลจะออกหมายบังคับคดีให้ทันทีได้ต่อเมื่อเห็นว่าคำบังคับ ได้ส่งให้แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา ได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญแล้วและระยะเวลาที่ศาล ได้กำหนดไว้เพื่อปฏิบัติตามคำบังคับนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว ด้วยเมื่อปรากฏว่าการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ ดังกล่าวคู่ความฝ่ายซึ่งถูกบังคับคดีย่อมขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยกหมายบังคับคดีเสียได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคแรก