คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2477 ม. 8 ทวิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2546 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานบุกรุกเคหสถาน-กระทำอนาจาร: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้เสียหายไม่ได้กล่าวหาและเจ้าพนักงานตำรวจก็มิได้ตั้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยพนักงานสอบสวนเพิ่งมาแจ้งข้อหานี้หลังจากเกิดเหตุแล้วหลายเดือน แต่ไม่ได้สอบปากคำผู้เสียหายหรือตรวจยึดได้อาวุธปืนของกลางแต่อย่างใดคงมีเพียงกระสุนปืนที่ผู้เสียหายนำมามอบให้หลังเกิดเหตุแล้วหลายวัน ซึ่งตามบัญชีของกลางกลับระบุว่ากระสุนปืนดังกล่าวจำเลยที่ 2 นำมามอบให้ผู้เสียหายในวันเกิดเหตุอันแตกต่างจากที่ผู้เสียหายเบิกความไว้ ทำให้น่าสงสัยว่าจำเลยทั้งสองมีและพาอาวุธปืนมายังที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 1 ที่ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง และเมื่อเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 2 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยที่ 1 นำบันไดเหล็กแบบพับขาไปกางตั้งวางริมหน้าต่างชั้นบนบ้านผู้เสียหายและปีนไปเรียกผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายเปิดประตูออกมา จำเลยที่ 1 กอดอุ้มผู้เสียหายและกระทำอนาจารปลุกปล้ำผู้เสียหายที่บริเวณสนามหญ้าข้างหน้าบ้านพักผู้เสียหาย แม้สนามหญ้าดังกล่าวกับบ้านพักไม่มีรั้วล้อมรอบ และไม่มีเครื่องหมายแสดงให้ทราบว่าเป็นแนวเขตของบ้านพักก็ตาม แต่ก็เห็นได้ว่าบริเวณดังกล่าวอยู่ข้างหน้าบ้านพักซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข และกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายอันเป็นการกระทำต่อเนื่องไม่ขาดตอนกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบโจทก์คดีอาญา: การพิสูจน์การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อให้ศาลรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา คดีนี้แม้จะฟังได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายก็ตาม แต่โจทก์ต้องนำสืบให้ชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนและไม่มีใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะด้วย เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดจำเลยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีและใช้และพาติดตัวได้ตามกฎหมายทั้งมิได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะได้เลย และกรณีก็ไม่อาจฟังว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมายด้วย เพราะในชั้นพิจารณาโจทก์มิได้นำสืบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดของอาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด และก็ไม่ปรากฏในชั้นสอบสวนว่าจำเลยให้การปฏิเสธเกี่ยวกับข้อหาอาวุธปืนดังกล่าวอย่างไรจึงไม่มีข้อเท็จจริงให้รับฟังว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้และพาติดตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8881/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาครอบครองอาวุธปืน-การช่วยเหลือภรรยา-เหตุบรรเทาโทษ-รอการลงโทษ-การริบของกลาง
จำเลยแย่งอาวุธปืนจากผู้เสียหายมายิงผู้เสียหายในขณะเกิดเหตุวิวาทกัน แล้วก็ถูก ธ. แย่งอาวุธปืนคืนไปในขณะนั้น จึงต้องถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาครอบครองอาวุธปืนและพาอาวุธปืนไปตามทางสาธารณะ
ผู้เสียหายกับพวกซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนร่วมกันกลุ้มรุมทำร้าย พ. ซึ่งเป็นผู้หญิงแต่เพียงคนเดียวอย่างรุนแรงถึงขนาดล้มลุกคลุกคลานและในขณะ พ. กำลังตั้งครรภ์ด้วย การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีของ พ. เห็นและเข้าช่วยเหลือ พ. จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง สมควรลดโทษให้และตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย
ศาลล่างพิพากษาให้ริบเฉพาะอาวุธปืนของกลาง โดยมิได้ให้ริบปลอกกระสุนปืนของกลางตามฟ้องด้วย จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186(9) แม้คู่ความมิได้ฎีกาข้อนี้ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และการริบทรัพย์สินของกลางไม่เป็นการเพิ่มโทษจำเลย จึงไม่ต้องห้ามตามมาตรา 212ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้ริบปลอกกระสุนปืนของกลางได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์และมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามกฎหมาย
ความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิเกิดจากผู้กระทำผิดมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิดจึงอยู่ที่การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดในเรื่องการขออนุญาตมีและพาอาวุธปืนเป็นสำคัญ เมื่อผู้ใดฝ่าฝืนให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดและต้องรับโทษเป็นการเฉพาะตัวเจตนาของผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จึงเป็นคนละส่วนสามารถแยกออกจากเจตนากระทำความผิดฐานลักอาวุธปืนได้ชัดเจน แม้จะมีการกระทำเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ก็ถือว่าจำเลยกระทำผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8943/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนในเคหสถาน: ไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธในเมือง
การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวอยู่ในขณะกำลังยืนจัดเตรียมผักเพื่อจะขายบริเวณเพิงหน้าบ้านของตน ซึ่งถือว่าเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง และ 72 ทวิ วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5509/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการพกพาอาวุธในที่สาธารณะ ศาลจำกัดบทลงโทษเฉพาะข้อหาพกพา
จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนดังกล่าวไปใช้ยิงผู้ตาย และผู้เสียหายในทางสาธารณะแม้โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง แต่ตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยรับว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนมาก่อน ซึ่งมีพนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันและจำเลยก็ มิได้ถามค้านหรือนำสืบหักล้างแต่อย่างใด ย่อมฟังได้ว่า จำเลยมี อาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ข้อเท็จจริงยังไม่อาจฟังได้ด้วยว่าอาวุธปืนที่จำเลย มีโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอาวุธปืนที่ยังไม่ได้จดทะเบียนและ ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับตามที่โจทก์ฟ้อง จึงลงโทษ จำเลยฐานมีอาวุธปืนที่ไม่ได้จดทะเบียนไว้ในครอบครองไม่ได้ คงลงโทษได้ แต่เฉพาะข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น