คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 538

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 667 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดคดีขับไล่: ผู้ให้เช่าไม่มีส่วนได้เสียในผลคดีระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของที่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากตึกพิพาทอ้างว่าอยู่โดยละเมิด จำเลยต่อสู้ว่าอยู่ในตึกพิพาท โดยเช่าจากผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ผู้ร้องได้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความร่วมกับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) อ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ดังนี้การที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยเพียงใด เป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยแม้จำเลยจะไปทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ร้องในภายหลัง ผลแห่งคดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ร้องอย่างใด จึงไม่ถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี และการที่บุคคลภายนอกจะเข้ามาเป็นคู่ความด้วยการร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) นั้นก็อยู่ในอำนาจศาลที่จะพิจารณาว่าคดีมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตหรือไม่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดคดีขับไล่: ผู้ร้องต้องมีส่วนได้เสียโดยตรงในผลแห่งคดีจึงจะได้รับการอนุญาต
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากตึกพิพาทอ้างว่าอยู่โดยละเมิด จำเลยต่อสู้ว่าอยู่ในตึกพิพาทโดยเช่าจากผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ผู้ร้องได้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความร่วมกับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) อ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี ดังนี้ การที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยเพียงใด เป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลย แม้จำเลยจะไปทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ร้องในภายหลัง ผลแห่งคดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ร้องอย่างใด จึงไม่ถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี และการที่บุคคลภายนอกจะเข้ามาเป็นคู่ความด้วยการร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(2) นั้น ก็อยู่ในอำนาจศาลที่จะพิจารณาว่าคดีมีเหตุผลสมควรที่จะอนุญาตหรือไม่ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ สิทธิการใช้ประโยชน์สิ้นสุดเมื่อเจ้าของบอกเลิก
เมื่อจำเลยมิได้อ้างสิทธิที่จะใช้ทรัพย์สินที่เช่าตามที่กฎหมายอื่นคุ้มครองขึ้นสู้คดี จึงต้องวินิจฉัยคดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะเช่าทรัพย์ และเมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็บังคับโจทก์ต้องให้จำเลยใช้ทรัพย์ที่เช่าไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย จำเลยสู้ว่าเช่าก็เท่ากับรับว่าจำเลยอยู่หรือใช้ทรัพย์นั้นโดยโจทก์ยินยอม เมื่อสัญญาเช่าไม่มีหรือบังคับไม่ได้ ก็ไม่มีข้อผูกพันที่ต้องยินยอม โจทก์จะไม่ยอมให้จำเลยใช้ทรัพย์ต่อไปก็ได้ เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไป จำเลยก็ไม่มีสิทธิอะไรที่จะอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ สิทธิการใช้ประโยชน์สิ้นสุดเมื่อเจ้าของบอกเลิก
เมื่อจำเลยมิได้อ้างสิทธิที่จะใช้ทรัพย์สินที่เช่าตามที่กฎหมายอื่นคุ้มครองขึ้นสู้คดี จึงต้องวินิจฉัยคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะเช่าทรัพย์ และเมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็บังคับโจทก์ต้องให้จำเลยใช้ทรัพย์ที่เช่าไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย จำเลยสู้ว่าเช่าก็เท่ากับรับว่าจำเลยอยู่หรือใช้ทรัพย์นั้นโดยโจทก์ยินยอม เมื่อสัญญาเช่าไม่มีหรือบังคับไม่ได้ ก็ไม่มีข้อผูกพันที่ต้องยินยอม โจทก์จะไม่ยอมให้จำเลยใช้ทรัพย์ต่อไปก็ได้ เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไป จำเลยก็ไม่มีสิทธิอะไรที่จะอยู่ในที่ดินของโจทก์ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเกินสามปีต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นบังคับได้แค่สามปี
การเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น แม้จะได้มีหนังสือเป็นหลักฐานแล้วก็ตาม แต่ถ้าตกลงเช่ากันมีกำหนดระยะเวลาเกินสามปีแล้ว จะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย ถ้าเพียงแต่ทำเป็นหนังสือ แต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วยแล้ว ไม่ว่าผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าจะอาศัยสิทธิสัญญาเช่ามาฟ้องให้บังคับการเช่าให้เกินสามปีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นบังคับได้แค่ 3 ปี
การเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น แม้จะได้มีหนังสือเป็นหลักฐานแล้วก็ตาม แต่ถ้าตกลงเช่ากันมีกำหนดระยะเวลาเกินสามปีแล้ว จะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย ถ้าเพียงแต่ทำเป็นหนังสือ แต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วยแล้ว ไม่ว่าผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า จะอาศัยสิทธิสัญญาเช่ามาฟ้องให้บังคับการเช่าให้เกินสามปีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์: การแก้ไขค่าเช่าและผลผูกพันตามสัญญา แม้ไม่ได้จดทะเบียน
การเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น กฎหมายมิได้บังคับว่า ถ้ามิได้ทำให้ถูกต้องตามมาตรา 538 การเช่าจะต้องเป็นโมฆะ กฎหมายบังคับแต่ว่า ถ้ามิได้ทำให้ถูกต้องตามมาตรา 538ก็จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้น มิได้เกี่ยวกับปัญหาที่ว่าจะเป็นสัญญาเช่าหรือไม่อย่างใด
การเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ แม้ผู้สุจริตก็จะดูหลักฐานแต่ทางทะเบียนอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องดูหลักฐานการเช่าที่เป็นหนังสือด้วย ฉะนั้น การทำสัญญาเพิ่มค่าเช่านั้น แม้การเช่าเดิมจะได้จดทะเบียนไว้ ก็อาจนับว่าเป็นหลักฐานการเช่าที่เป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด ซึ่งตามกฎหมายบัญญัติให้ฟ้องร้องบังคับได้สามปีด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์: การบังคับคดีและการเปลี่ยนแปลงสัญญา
การเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น กฎหมายมิได้บังคับว่า ถ้ามิได้ทำให้ถูกต้องตามมาตรา 538 การเช่าจะต้องเป็นโมฆะ กฎหมายบังคับแต่ว่า ถ้ามิได้ทำให้ถูกต้องตามมาตรา 538 ก็จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ เท่านั้น มิได้เกี่ยวกับปัญหาที่ว่าจะเป็นสัญญาเช่าหรือไม่อย่างใด
การเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ แม้ผู้สุจริตก็จะดูหลักฐานแต่ทางทะเบียนอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องดูหลักฐานการเช่าที่เป็นหนังสือด้วย ฉะนั้นการทำสัญญาเพิ่มค่าเช่านั้น แม้การเช่าเดิมจะได้จดทะเบียนไว้ ก็อาจนับว่าเป็นหลักฐานการเช่าที่เป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด ซึ่งตามกฎหมายบัญญัติให้ฟ้องร้องบังคับคดีได้สามปีด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ที่ดินเพื่อประกอบการค้าโดยไม่มีหลักฐานการเช่า ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทและเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ส่วนบริวารจำเลยนอกจากจะเลี้ยงหมู เป็ด ไก่ ยังตั้งโรงทำไอสครีมและโรงทำเต้าหู้ขาย จึงเป็นการใช้ที่พิพาทเพื่อประกอบการค้า หากจะฟังว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทด้วยการเช่า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
การเช่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงว่ายอมให้เช่า เมื่อไม่มีก็ต้องฟังตามโจทก์ว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ซึ่งมิใช่สิทธิในการเช่า เมื่อโจทก์บอกเลิกการอาศัยแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทได้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เคหะควบคุมตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่าฯ และสิทธิการเช่าหลังขายฝาก
จำเลยเช่าบ้านโจทก์อยู่อาศัยภายหลังที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 แล้วบ้านพิพาทจึงไม่เป็น "เคหะควบคุม" ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 ซึ่งบัญญัติว่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ นั้น หมายถึงการต่อสู้คดีด้วย
of 67