พบผลลัพธ์ทั้งหมด 667 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิม แม้ศาลสูงจะพิพากษากลับ ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด
ผู้เช่าถูกผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่ และไม่ได้รับการทุเลาการบังคับ ผู้เช่าจึงต้องออกจากห้องเช่าไป ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง กลับปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้เอาห้องเช่านั้นไปให้ผู้อื่นเช่าอยู่ต่อไปเสียแล้ว ดังนี้เมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้เช่าคนเดิมก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับคดีให้ผู้ให้เช่าและคนเช่าใหม่คืนห้องเช่าแก่ตนได้
และการที่ผู้เช่าต้องออกจากห้องเช่า ก็เป็นไปโดยคำบังคับของศาลตามคำพิพากษาซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีคำพิพากษาของศาลสูงกว่าเปลี่ยนแปลงฉะนั้นแม้ภายหลังศาลสูงจะพิพากษากลับว่ายังขับไล่ผู้เช่าไม่ได้ ผู้ให้เช่าก็ไม่ต้องรับผิด
และการที่ผู้เช่าต้องออกจากห้องเช่า ก็เป็นไปโดยคำบังคับของศาลตามคำพิพากษาซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีคำพิพากษาของศาลสูงกว่าเปลี่ยนแปลงฉะนั้นแม้ภายหลังศาลสูงจะพิพากษากลับว่ายังขับไล่ผู้เช่าไม่ได้ ผู้ให้เช่าก็ไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสวนผสมการปลูกพืช: สิทธิการเช่าเมื่อปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์จำเลยตกลงกัน ให้จำเลยเช่าสวนของโจทก์มีกำหนด 6 ปีโดยจำเลยมีหน้าที่ปลูกส้มเขียวหวานลงในสวนของโจทก์ดังนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่ง ซึ่งมิใช่สัญญาเช่าตามธรรมดาฉะนั้นเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อสัญญา คือได้ปลูกส้มเขียวหวานลงแล้วจำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะได้เช่าสวนต่อไปตามข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้
จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องขอให้โจทก์จัดการจดทะเบียนการเช่าให้จำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 172/2488
จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องขอให้โจทก์จัดการจดทะเบียนการเช่าให้จำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 172/2488
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบอำนาจตัวแทนในการทำสัญญาเช่า ไม่เป็นการแก้ไขเอกสารสัญญา และการให้สัตยาบันไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ
บุตรเอาที่ดินของบิดามารดาไปให้ผู้อื่นเช่า โดยทำสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือลงชื่อบุตรเป็นผู้ให้เช่าแล้ว นำสืบว่าที่ทำสัญญาให้เช่ารายนี้ ก็โดยได้อำนาจมาจากบิดามารดา การสืบดังกล่าวนี้มิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารสัญญาเช่าแต่อย่างใด
การที่ตัวการให้สัตยาบันการกระทำของตัวแทนตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 823 นั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่
การที่ตัวการให้สัตยาบันการกระทำของตัวแทนตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 823 นั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนในการทำสัญญาเช่า และการให้สัตยาบันของตัวการ
บุตรเอาที่ดินของบิดามารดาไปให้ผู้อื่นเช่าโดยทำสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือลงชื่อบุตรเป็นผู้ให้เช่าแล้วนำสืบว่าที่ทำสัญญาให้เช่าที่รายนี้ ก็โดยได้อำนาจมาจากบิดามารดาการสืบดังกล่าวนี้มิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสารสัญญาเช่าแต่อย่างใด
การที่ตัวการให้สัตยาบันการกระทำของตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 นั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่
การที่ตัวการให้สัตยาบันการกระทำของตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 นั้น หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าที่ตกลงกันได้, หลักฐานค่าเช่าจากคำให้การ, และอำนาจฟ้องแทนบุตร
ผู้เช่าเคยฟ้องผู้ให้เช่าหาว่าผู้ให้เช่านี้ขึ้นค่าเช่าผิดกฎหมายแต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การขึ้นค่าเช่าเป็นด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้หาเป็นการผิดกฎหมายไม่ และปรากฎในคำให้การของผู้เช่าในคดีนั้นว่า ผู้เช่าได้ให้ค่าเช่าแก่ฝ่ายผู้ให้เช่าไปตามที่เรียกร้องแล้ว ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าคำให้การของผู้เช่าในคดีดังกล่าว เป็นหลักฐาน เป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อผู้เช่าตามที่กฎหมายต้องการแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมใช้เป็นหลักฐานฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้ให้เช่าได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานค่าเช่าจากคำให้การเดิม & อำนาจฟ้องแทนบุตร
ผู้เช่าเคยฟ้องผู้ให้เช่าหาว่าผู้ให้เช่าขึ้นค่าเช่าผิดกฎหมายแต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การขึ้นค่าเช่าเป็นด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้หาเป็นการผิดกฎหมายไม่ และปรากฏในคำให้การของผู้เช่าในคดีนั้นว่า ผู้เช่าได้ให้ค่าเช่าแก่ฝ่ายผู้ให้เช่าไปตามที่เรียกร้องแล้ว ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าคำให้การของผู้เช่าในคดีดังกล่าว เป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อผู้เช่าตามที่กฎหมายต้องการแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมใช้เป็นหลักฐานฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้ให้เช่าได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่ามีหลักฐานเป็นหนังสือได้
เช่านากันด้วยปากเปล่าภายหลัง เกิดพิพาทกันถึงอำเภอปลัดอำเภอได้เปรียบเทียบและบันทึกการเปรียบเทียบไว้ว่าผู้เช่าได้เช่านาจากผู้ให้เช่าเป็นอัตราค่าเช่าเท่านั้นเท่านี้จริง แล้วผู้เช่าได้ลงชื่อไว้ในบันทึกการเปรียบเทียบนั้น ดังนี้ย่อมถือได้ว่าบันทึกการเปรียบเทียบนั้น เป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538แล้ว ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องผู้เช่าให้ชำระค่าเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่ออายุและการบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สิน
ทำหนังสือสัญญาเช่าตึกกำหนดเวลาเช่ากันไว้ 3 ปี แล้วมีข้อตกลงกันในข้อหนึ่งว่า "เมื่อสัญญาฉะบับนี้ ได้ครบ 3ปีแล้ว ผู้ให้เช่าและผู้เช่าจะทำสัญญาเช่าฉะบับใหม่ต่อไปอีกเป็นเวลากำหนด 3 ปี" ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมิใช่คำมั่นของผู้ให้เช่าฝ่ายเดียว แต่ผู้เช่าเองก็ยอมตกลงจะทำสัญญาเช่าตามกำหนดนั้นเหมือนกัน จึงเป็นข้อตกลงผูกพันกันทั้งสองฝ่ายว่า จะต้องทำสัญญาเช่ากันต่อไปอีก 3 ปี แต่เมื่อครบ 3 ปีแล้ว ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าต่อไปอีก ก็ต้องถือว่าผู้เช่าและผู้ให้เช่าได้ทำสัญญาต่อไปอีกไม่มีกำหนดเวลาตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 570 เมื่อเป็นเช่นนี้ให้เช่าย่อมบอกเลิกการเช่าได้ตามมาตรา 566 ผู้เช่าจะอ้างข้อตกลงในสัญญาดังกล่าวแล้วว่าสัญญาเช่าต่อมีกำหนด 3 ปี หาได้ไม่ เพราะสัญญาเช่าต่อที่มีกำหนด 3 ปี นั้น ยังมิได้เกิดมีขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสองฉบับ ผลผูกพันเมื่อมีการขายทรัพย์สินเช่า การที่เจ้าของใหม่ไม่ต้องผูกพันตามสัญญาเดิม
ทำสัญญาเช่าสวนกันมีกำหนด 8 ปี 6 เดือน โดยทำเป็นหนังสือ จดทะเบียนที่หอทะเบียนที่ดิน แล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่ากันอีก 1 ฉะบับ มีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันหมดกำหนดอายุสัญญาเช่าฉะบับแรก แต่สัญญาฉะบับที่ 2 นี้ทำกันทีอำเภอ ดังนี้ สัญญาเช่าฉะบับที่ 2 นี้ มีผลว่าถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ผู้ให้เช่าจะให้เช่าต่อไปอีก 2 ปี ฉะนั้นถ้าผู้ให้เช่าขายกรรมสิทธสวนนั้นไปเมื่อก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่าฉะบับแรก ผู้ให้เช่านั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะให้เช่าตามสัญญาเช่าต่อ ที่ทำล่วงหน้าให้ไว้แล้วนั้นได้ต่อไป เพราะได้ขายกรรมสิทธิไปเสียก่อนแล้ว ส่วนเจ้าของคนใหม่ก็ไม่มีภาระที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของเดิมทำล่วงหน้าไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อขายสวน: สิทธิในสัญญาเช่าระยะยาวเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าของ
ทำสัญญาเช่าสวนกันมีกำหนด 8 ปี 6 เดือน โดยทำเป็นหนังสือจดทะเบียนที่หอทะเบียนที่ดิน แล้วต่อมาได้ทำสัญญาเช่ากันอีก 1 ฉบับมีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันหมดกำหนดอายุสัญญาเช่าฉบับแรกแต่สัญญาฉบับที่ 2 นี้ทำกันที่อำเภอ ดังนี้สัญญาเช่าฉบับที่ 2 นี้มีผลว่าถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าเดิม ผู้ให้เช่าจะให้เช่าต่อไปอีก 2 ปี ฉะนั้นถ้าผู้ให้เช่าขายกรรมสิทธิ์สวนนั้นไปเมื่อก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่าฉบับแรก ผู้ให้เช่านั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะให้เช่าตามสัญญาเช่าต่อ ที่ทำล่วงหน้าให้ไว้แล้วนั้นได้ต่อไป เพราะได้ขายกรรมสิทธิ์ไปเสียก่อนแล้วส่วนเจ้าของคนใหม่ก็ไม่มีภาระที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่เจ้าของเดิมทำล่วงหน้าไว้