พบผลลัพธ์ทั้งหมด 667 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5319/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิติดตามเอาคืนทรัพย์สิน: กรณีจำเลยเคยเช่าแล้วสัญญาหมดอายุ โจทก์มีสิทธิฟ้อง
ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยเช่าบ้านพิพาทของโจทก์เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันไว้ แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องต่อมาว่า สัญญาเช่าบ้านพิพาทที่จำเลยมีต่อโจทก์ได้ครบกำหนดแล้ว และโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทอีกต่อไป การบรรยายฟ้องของโจทก์ในลักษณะนี้เป็นการบรรยายท้าวความย้อนให้จำเลยเข้าใจว่า เหตุที่จำเลยมีสิทธิเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทของโจทก์ในเบื้องแรกก็เนื่องมาจากโจทก์เคยให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทเป็นเวลา 3 ปี มาก่อนเท่านั้น เมื่อสัญญาเช่าบ้านระหว่างโจทก์กับจำเลยครบกำหนดแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวต่อไป คำฟ้องโจทก์มิใช่คำฟ้องขอให้บังคับคดีตามสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ จึงมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 538 แห่ง ป.พ.พ. โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่: แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ โจทก์ฟ้องได้โดยอาศัยสิทธิเจ้าของทรัพย์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าเมื่อประมาณเดือนมกราคม2528จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์มีกำหนด3ปีโดยมิได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือกันไว้ก็ตามแต่ตามเนื้อหาแห่งคำฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่าหากแต่เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336เท่านั้นส่วนที่บรรยายถึงเรื่องที่จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ก็เป็นเรื่องที่โจทก์เพียงแต่ท้าวความให้เห็นว่าในเบื้องต้นจำเลยเข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่าแต่หลังจากสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนด3ปีแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในบ้านพิพาทอีกต่อไปการฟ้องคดีดังกล่าวมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา538ฉะนั้นแม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยโจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่: แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ โจทก์มีสิทธิไล่จำเลยออกจากบ้านได้ หากจำเลยสิ้นสิทธิครอบครอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2528 จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์มีกำหนด 3 ปี โดยมิได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือกันไว้ก็ตาม แต่ตามเนื้อหาแห่งคำฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่าหากแต่เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 เท่านั้น ส่วนที่บรรยายถึงเรื่องที่จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ก็เป็นเรื่องที่โจทก์เพียงแต่ท้าวความให้เห็นว่าในเบื้องต้นจำเลยเข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่า แต่หลังจากสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนด3 ปีแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในบ้านพิพาทอีกต่อไปการฟ้องคดีดังกล่าวมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 538 ฉะนั้นแม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยโจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคืนทรัพย์สินตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 ไม่ต้องมีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ และสำเนาทะเบียนบ้านไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าบ้านพิพาทจากโจทก์มีกำหนด 3 ปี โดยมิได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ แต่ตามเนื้อหาแห่งคำฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่า หากแต่เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 เท่านั้น การฟ้องคดีจึงมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา 538 แห่งป.พ.พ. ฉะนั้นแม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยเป็นสำคัญโจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
สำเนาทะเบียนบ้านมิใช่เอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทโดยตรง เป็นแต่เพียงหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ที่ระบุว่าบ้านพิพาทมีคนอยู่กี่คน แต่ละคนมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบของทางราชการเท่านั้น การที่จำเลยมีชื่อในสำเนาทะเบียนบ้านเพียงอย่างเดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท
สำเนาทะเบียนบ้านมิใช่เอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทโดยตรง เป็นแต่เพียงหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์ที่ระบุว่าบ้านพิพาทมีคนอยู่กี่คน แต่ละคนมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบของทางราชการเท่านั้น การที่จำเลยมีชื่อในสำเนาทะเบียนบ้านเพียงอย่างเดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3590/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีและการบังคับตามฟ้องแย้ง ความชอบด้วยกฎหมายของการจดทะเบียนเช่าช่วง
การท้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลที่คู่ความตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะมิได้มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลเพื่อจะก่อเปลี่ยนแปลงโอนสงวนหรือระงับซึ่งสิทธิตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา112เดิมจึงไม่เป็นนิติกรรมที่โจทก์ที่2ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองฟ้องคดีต่อศาลแทนโจทก์ที่1ซึ่งเป็นผู้เยาว์จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลตามมาตรา1574เสียก่อน เมื่อโจทก์แพ้คดีตามคำท้าจำเลยที่1ย่อมบังคับตามฟ้องแย้งได้โดยไม่ต้องพิจารณาว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องแย้งเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าหรือไม่เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้าและไม่ถือว่าอยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538แต่เมื่อจำเลยที่1เป็นผู้ฟ้องแย้งและจำเลยที่2เป็นเพียงผู้อาศัยการพิพากษาให้โจทก์ทั้งสองไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่จำเลยที่2เป็นเรื่องนอกเหนือไปจากคำขอตามฟ้องแย้งจึงไม่ชอบและปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีไม่ใช่การผูกนิติสัมพันธ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 112 ไม่ต้องได้รับอนุญาตตามมาตรา 1574
การท้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลที่คู่ความตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะ มิได้มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 112 จึงไม่เป็นนิติกรรมที่อยู่ในบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ที่ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน
เมื่อคู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยให้ดูผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของโจทก์ที่ 2 ในเอกสารหนังสือยินยอมให้เช่าในอีกคดีหนึ่ง และปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า จำเลยที่ 1 ย่อมจะบังคับตามฟ้องแย้งแก่โจทก์ได้โดยไม่ต้องพิจารณาอีกว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องแย้งเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า โจทก์ทั้งสองจึงต้องไปจดทะเบียนการเช่าแก่จำเลยที่ 1 และกรณีไม่ถือว่าอยู่ในบังคับ ป.พ.พ.มาตรา 538
เมื่อคู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยให้ดูผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของโจทก์ที่ 2 ในเอกสารหนังสือยินยอมให้เช่าในอีกคดีหนึ่ง และปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า จำเลยที่ 1 ย่อมจะบังคับตามฟ้องแย้งแก่โจทก์ได้โดยไม่ต้องพิจารณาอีกว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องแย้งเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้า โจทก์ทั้งสองจึงต้องไปจดทะเบียนการเช่าแก่จำเลยที่ 1 และกรณีไม่ถือว่าอยู่ในบังคับ ป.พ.พ.มาตรา 538
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3582/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การท้าคดีและการบังคับตามฟ้องแย้ง กรณีผลตรวจลายมือชื่อเป็นผลผูกพัน และการจดทะเบียนเช่า
การท้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลที่คู่ความตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะมิได้มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลเพื่อจะก่อเปลี่ยนแปลงโอนสงวนหรือระงับซึ่งสิทธิตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา112จึงไม่เป็นนิติกรรมที่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1574ที่ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน เมื่อคู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยให้ดูผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของโจทก์ที่2ในเอกสารหนังสือยินยอมให้เช่าอีกคดีหนึ่งและปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้าจำเลยที่1ย่อมจะบังคับตามฟ้องแย้งแก่โจทก์ได้โดยไม่ต้องพิจารณาอีกว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องแย้งเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าหรือไม่เพราะเป็นเรื่องนอกเหนือคำท้าโจทก์ทั้งสองจึงต้องไปจดทะเบียนการเช่าแก่จำเลยที่1และกรณีไม่ถือว่าอยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132-2135/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อไม่ได้จดทะเบียน ทำให้ทายาทไม่ต้องรับผิดตามสัญญา
การอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควร โจทก์ทั้งสี่เช่าตึกแถวพิพาทจาก พ. มีกำหนด10ปีเมื่อครบกำหนดแล้วโจทก์ทั้งสี่ให้เงินตอบแทนแก่ พ. เพื่อขอทำสัญญาเช่าต่อไปอีก10ปีโดยไม่ปรากฏว่าก่อนหรือหลังจากที่ พ. ให้โจทก์ทั้งสี่เช่าได้มีการก่อสร้างหรือต่อเติมตึกแถวพิพาทเงินดังกล่าวจึงหาใช่เงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาทอันจะทำให้สัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับ พ. เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ โจทก์ทั้งสี่กับ พ. ทำหนังสือสัญญาเช่ามีกำหนด10ปีโดยนำไปยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วแต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่าเนื่องจาก พ. ถึงแก่กรรมก่อนการจดทะเบียนสิทธิการเช่าจึงยังไม่บริบูรณ์โจทก์ทั้งสี่จะอ้างระยะเวลาเช่า10ปีมายันแก่จำเลยในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของ พ. โดยจะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ทั้งสี่หาได้ไม่เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2132-2135/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่สมบูรณ์หากไม่จดทะเบียนตามกฎหมาย แม้จะมีการทำสัญญาและยื่นคำขอแล้ว
การอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์หรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควรเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นสมควรไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่สำนวนถอนอุทธรณ์ในคดีนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งไม่อนุญาตได้ โจทก์ทั้งสี่ได้เช่าตึกแถวพิพาทจากพ. มีกำหนดครั้งละ10ปีโดยไม่ปรากฏว่าก่อนหรือหลังจากที่พ. ให้โจทก์ทั้งสี่เช่าได้มีการก่อสร้างหรือต่อเติมตึกแถวพิพาทคงได้ความแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสี่ให้เงินตอบแทนแก่พ. เพื่อขอทำสัญญาเช่าต่อจากสัญญาเดิมไปอีก10ปีโดยโจทก์แต่ละคนชำระเงินคนละ100,000บาทดังนั้นเงินที่โจทก์ทั้งสี่อ้างว่าให้แก่พ. จึงหาใช่เงินช่วยก่อสร้างตึกแถวพิพาทอันจะทำให้สัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับพ. เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาไม่ โจทก์ทั้งสี่กับพ. เพียงแต่ทำหนังสือสัญญาเช่ามีกำหนด10ปีโดยนำไปยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วแต่ยังมิได้มีการจดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เนื่องจากส. ถึงแก่กรรมเสียก่อนการจดทะเบียนสิทธิการเช่ารายพิพาทนี้จึงยังไม่บริบูรณ์จนกว่าจะได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังนี้ข้อตกลงเช่ากันใหม่อีก10ปีจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538โจทก์ทั้งสี่จะอ้างระยะเวลาเช่า10ปีมาใช้ยันแก่จำเลยหาได้เพราะต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวเมื่อสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าซึ่งเป็นการเช่าธรรมดาอันมิใช่สัญญาต่างตอบแทนและสัญญาเช่าดังกล่าวก็ยังมิได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538โจทก์ทั้งสี่จะบังคับให้จำเลยในฐานะทายาทหรือผู้จัดการมรดกของพ. จดทะเบียนการเช่าให้แก่โจทก์ทั้งสี่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียน หากไม่จดทะเบียน สัญญาบังคับคดีได้เพียง 3 ปี
โจทก์ทำหนังสือ สัญญาเช่าอาคารพร้อมที่ดินกับจำเลยมีกำหนด8ปี6เดือน5วันตกลงกันว่าจะไป จดทะเบียนการเช่าต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนด6เดือนดังนี้โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนการเช่าตามที่ตกลงกันหาได้ไม่มิฉะนั้นจะเท่ากับว่ายอมให้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ระหว่างกันเองให้มีผลผูกพันเกินกว่าสามปีได้โดยไม่จำต้องให้มีการ จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่