คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 226

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 196 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซื้อขายที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญาต้องยกขึ้นกล่าวอ้างตั้งแต่แรก
การที่ผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้ซื้อยังค้างชำระแก่จำเลยแทนผู้ซื้อดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ(โดยตรง) จึงไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย(ผู้ขาย) อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกให้ใช้เงิน(ที่ชำระแทนผู้ซื้อ)
เมื่อฟ้องตั้งรูปคดีว่าเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลย และมิได้โต้แย้งว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่มาจากบุคคลอื่น แต่ในชั้นฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เป็นการนอกประเด็น เพราะมิได้กล่าวไว้ในฟ้อง และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิเรียกร้องของผู้รับช่วงสิทธิจากสัญญาประกันภัย ไม่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
ฟ้องบรรยายว่ารถของจำเลยชนรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยจากโจทก์เสียหาย โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาเรียกร้องจากจำเลยต่อไปดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อยู่ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อจำเลย โจทก์ย่อมใช้สิทธิในนามของตนเองได้ตาม ม.880,226 หาใช่เป็นเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องอันต้องหาเป็นหนังสือตาม ม.306 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัย: โจทก์มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รับช่วงสิทธิ ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารมอบสิทธิ
ฟ้องบรรยายว่ารถของจำเลยชนรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยจากโจทก์เสียหาย โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาเรียกร้องจากจำเลยต่อไป ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อยู่ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อจำเลย โจทก์ย่อมใช้สิทธิในนามของตนเองได้ตาม มาตรา 880,226 หาใช่เป็นเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องอันต้องทำเป็นหนังสือตาม มาตรา 306 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1118/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัย: สิทธิฟ้องของผู้รับประกัน
ฟ้องบรรยายว่ารถของจำเลยชนรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยจากโจทก์เสียหาย โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว โจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาเรียกร้องจากจำเลยต่อไป ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อยู่ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อจำเลย โจทก์ย่อมใช้สิทธิในนามของตนเองได้ตาม มาตรา 880,226 หาใช่เป็นเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องอันต้องทำเป็นหนังสือตาม มาตรา 306 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าทำศพตามข้อบังคับสมาคม ผู้จัดการศพมีสิทธิได้รับเงิน แม้ไม่ใช่ทายาท
กรรมการของสมคมณาปนกิจสั่งจ่ายเงินค่าทำศพให้แก่ทายาทของผู้ตายไปโดยฝ่ายืนข้อบังคับของสมาคมที่ว่าให้จ่ายเงินให้ผู้จัดการอันสมควรของสมาชิกผู้วายชนม์ ผู้จัดการศพของผู้วายชนม์จึงมาฟ้องสมาคมเรียกเงินค่าทำศพ จนศาลพิพากษาให้สมาคมรับผิดจ่ายเงินค่าทำศพแก่ผุ้จัดการศพของผู้วายชนม์ไปแล้ว สมาคมย่อมมีสิทธิฟ้องกรรมการที่เกี่ยวข้องในการสั่งจ่ายเงินค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของผู้วายชนม์ไปแล้ว สมาคมย่อมมีสิทธิฟ้องกรรมการที่เกี่ยวข้องในการสั่งจ่ายเงินค่าทำศพดังกล่าวแก่ทายาทไปและฟ้องผู้รับเงิน หรือทายาทของผู้รับเงืนให้ร่วมกัน รับผิดคืนเงินที่รับไปแก่สมาคมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการและผู้รับเงินค่าทำศพที่ขัดต่อข้อบังคับสมาคม
กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสั่งจ่ายเงินค่าทำศพให้แก่ทายาทของผู้ตายไป โดยฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมที่ว่าให้จ่ายเงินให้ผู้จัดการอันสมควรของสมาชิกผู้วายชนม์ ผู้จัดการศพของผู้วายชนม์จึงมาฟ้องสมาคมเรียกเงินค่าทำศพจนศาลพิพากษาให้สมาคมรับผิดจ่ายเงินค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของผู้วายชนม์ไปแล้ว สมาคมย่อมมีสิทธิฟ้องกรรมการที่เกี่ยวข้องในการสั่งจ่ายเงินค่าทำศพดังกล่าวแก่ทายาทไป และฟ้องผู้รับเงิน หรือทายาทของผู้รับเงินให้ร่วมกันรับผิดคืนเงินที่รับไปแก่สมาคมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานแม้มีการยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจตามเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรม
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพะยาน โดยเห็นว่าไม่ได้ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วัน ฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแสดงเหตุผลต่าง ๆ ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานของคนต่อไปนั้น ถือได้ว่าเป็นการ
โต้แย้งคำสั่งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 (2) แล้ว.
จำเลยยื่นบัญชีระบบพยานช้าไปเพียววันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการ เพียงเท่านี้จะปรับ
ลงโทษถึงกับยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานทีเดียว เป็นการรุนแรงไป เมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบ ก็พอถือได้ว่ากรณีมี
เหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87(2).
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้น
แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตาม ก.ม.ก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณี
มีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยาน
หลักฐานของจำเลยได้ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87 (2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกเกิน 1 ปีและอายุความมรดก: สิทธิของผู้ซื้อจากทายาท
ทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ตายมาแต่ผู้เดียวเกิน1 ปี โดยทายาทอื่นมิได้เรียกร้องมรดกนั้นเสียภายในกำหนด 1 ปีทรัพย์มรดกนั้นย่อมตกเป็นของทายาทผู้ครอบครองและเมื่อทายาทผู้ครอบครองขายทรัพย์นั้นไปแก่บุคคลภายนอกบุคคลภายนอกก็ย่อมจะใช้สิทธิของทายาทผู้นั้นยกอายุความมรดกขึ้นต่อสู้ทายาทอื่นได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มรดกผสม: สิทธิทายาท, การจัดการทรัพย์สิน, เงินกู้, และการแบ่งมรดก
พ่อตาได้ยกครัวมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับลูกสาวลูกเขย จนลูกสาวตายลงแล้วได้ยกลูกสาวคนเล็กให้เป็นภริยาลูกเขยอีก ส่วนตนก็ยังคงอยู่ร่วมเป็นครัวเดียวกับลูกเขยต่อมาโดยไม่ขอแบ่งหรือฟ้องขอแบ่งมฤดกของลูกสาวคนแรกเกิน 1 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่าพ่อตาได้ทอดทิ้งไม่ฟ้องร้องว่ากล่าวขอแบ่งมรดกของลูกสาวคนแรกในอายุความล่วงเลยเกิน 1 ปี เพราะพฤตติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าพ่อตาได้เป็นเจ้าของในทรัพย์สินร่วมกับลูกเขยอยู่ด้วย
ทายาทด้วยกันบางคนขอให้ทนายความเข้ามาจัดการเกี่ยวข้องในเรื่องทรัพย์มรดกโดยลำพัง ถือว่าทนายนั้นไม่ใช่ผู้จัดการมรดกอันจะมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดการและปันมรดกแต่มีฐานะเพียงแต่เป็นผู้เข้ามาจัดการทรัพย์สิน แทนทายาทผู้ที่ขอให้เข้ามาจัดการเท่านั้น
ทายาทด้วยกันทำความตกลงกนเองให้ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินของกองมรดกเป็นของตนโดยเอาเงินเข้ากองมรดก จำนวนหนึ่ง ดังนี้เรียกว่าเป็นการประมูลระหว่างทายาท มิใช่เป็นการขายทรัพย์มรดกให้พ้นจากการเป็นทรัพย์มรดำไปได้ หากเป็นการแบ่งมรดกกันเองฉะนั้นที่ดินนั้นยังคงเป็นทรัพย์สินในกองมรดกอยู่ ส่วนเงินจำนวนหนึ่งที่ทายาทผู้นั้นชำระในการประมูลไม่กลายเป็นทรัพย์สินกองมรดกฉะนั้นถ้าในภายหลังเกิดมี การแบ่งที่ดินแปลงนี้กันใหม่ ทายาทผู้ชำระราคาในการประมูลไปแล้วย่อมมีสิทธิหักเงินจำนวนที่ชำระไปแล้วคืนได้
ถ้าได้มีการขายทรัพย์สินกองมรดกให้แก่บุคคลภายนอกแล้วและไม่ปรากฎว่ามีเหตุไม่สุจริตในการขาย ก็ควรต้องถือเอาจำนวนเงินที่ขายได้นั้นเป็นกองมรดกโดยหักค่าใช้จ่ายในการนั้น ๆ ออกได้
ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงมอบเงินให้กับชายเพื่อให้หาผลประโยชน์ให้ชายจึงเอาเงินนั้นไปให้คนอื่นกู้ ดังนี้หาใช่เป็นการตั้งชายเป็นตัวแทนไม่ กรณีดังนี้ชายต้องรับผิดคืนเงินนั้นให้หญิงโดยต้องถือว่า ชายเป็นผู้ให้กู้ย่อมมีสิทธิและความรับผิดต่อผู้กู้โดยตรง
เงินทีหญิงมอบให้ชายไว้นั้น ก็เท่ากับเงินฝากซึ่งผู้รับฝากจำต้องคืนให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 672
จำเลยให้การว่าสินสมรสไม่มีตามบัญชีท้ายฟ้องโจทก์ บางสิ่งก็ได้มาภายหลังที่ภรรยาตายแล้ว ซึ่งจำเลยนำสืบเวลาพิจารณาดังนี้ไม่เป็นการแสดงให้ชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในราย การใดจำเลยจะกล่าวเอาเองว่าจะนำสืบในเวลาพิจารณานั้นย่อมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มรดก, การแบ่งทรัพย์สิน, สิทธิในกองมรดก, การให้กู้, สัญญาประมูล
พ่อตาได้ยกครัวมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับลูกสาวลูกเขย จนลูกสาวตายลงแล้วได้ยกลูกสาวคนเล็กให้เป็นภริยาลูกเขยอีก ส่วนตนก็ยังคงอยู่ร่วม เป็นครัวเดียวกับลูกเขยต่อมา โดยไม่ขอแบ่ง หรือฟ้องขอแบ่งมรดกของลูกสาวคนแรกเกิน 1 ปี ก็ยังถือไม่ได้ว่า พ่อตาได้ทอดทิ้งไม่ฟ้องร้องว่ากล่าวขอแบ่งมรดก ของลูกสาวคนแรกในอายุความล่วงเลยเกิน 1 ปี เพราะพฤติการณ์ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าพ่อตาได้เป็นเจ้าของในทรัพย์สินร่วมกับลูกเขยอยู่ด้วย
ทายาทด้วยกันบางคนขอให้ทนายความเข้ามาจัดการเกี่ยวข้องในเรื่องทรัพย์มรดกโดยลำพัง ถือว่าทนายนั้นไม่ใช่ผู้จัดการมรดกอันจะมีอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีจัดการและปันมรดกแต่มีฐานะเพียงแต่เป็นผู้เข้ามาจัดการทรัพย์สิน แทนทายาทผู้ที่ขอให้เข้ามาจัดการเท่านั้น
ทายาทด้วยกันทำความตกลงกันเองให้ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินของกองมรดกเป็นของตนโดยให้เอาเงินเข้ากองมรดกจำนวนหนึ่ง ดังนี้เรียกว่าเป็นการประมูลระหว่างทายาท มิใช่เป็นการขายทรัพย์มรดกให้พ้นจากการเป็นทรัพย์มรดกไปได้ หากเป็นการแบ่งมรดกกันเอง ฉะนั้นที่ดินนั้นยังคงเป็นทรัพย์สินในกองมรดกอยู่ ส่วนเงินจำนวนหนึ่งที่ทายาทผู้นั้นชำระในการประมูล ไม่กลายเป็นทรัพย์สินกองมรดกฉะนั้นถ้าในภายหลังเกิดมีการแบ่งที่ดินแปลงนี้กันใหม่ ทายาทผู้ชำระราคาในการประมูลไปแล้ว ย่อมมีสิทธิหักเงินจำนวน ที่ชำระไปแล้วคืนได้
ถ้าได้มีการขายทรัพย์สินกองมรดกให้แก่บุคคลภายนอกแล้วและไม่ปรากฏว่ามีเหตุไม่สุจริตในการขาย ก็ควรต้องถือเอาจำนวนเงินที่ขายได้นั้นเป็นกองมรดกโดยหักค่าใช้จ่ายในการนั้นๆออกได้
ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส หญิงมอบเงินให้กับชาย เพื่อให้หาผลประโยชน์ให้ ชายจึงเอาเงินนั้นไปให้คนอื่นกู้ดังนี้ หาใช่เป็นการตั้งชายเป็นตัวแทนไม่ กรณีดังนี้ชายต้องรับผิดคืนเงินนั้นให้หญิงโดยต้องถือว่า ชายเป็นผู้ให้กู้ ย่อมมีสิทธิและความรับผิดต่อผู้กู้โดยตรง
เงินที่หญิงมอบให้ชายไว้นั้น ก็เท่ากับเงินฝากซึ่งผู้รับฝาก จำต้องคืนให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 672
จำเลยให้การว่า สินสมรสไม่มีตามบัญชีท้ายฟ้องโจทก์ บางสิ่งก็ได้มาภายหลังที่ภรรยาตายแล้ว ซึ่งจำเลยนำสืบเวลาพิจารณา ดังนี้ ไม่เป็นการแสดงให้ชัดแจ้งในคำให้การว่าจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ในรายการใด จำเลยจะกล่าวเอาเองว่าจะนำสืบในเวลาพิจารณานั้นย่อมไม่ได้
of 20