คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุเมธ ตังคจิวางกูร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7209/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอน น.ส.3ก. ต้องแสดงความเสียหายเป็นพิเศษ กรณีพิพาทสิทธิครอบครองและที่ดินป่าชายเลน
การที่จำเลยและบุคคลอื่นจะได้ดำเนินการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ในที่ดินป่าชายเลนที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยชอบหรือไม่อย่างไรนั้นย่อมเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานของรัฐผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นผู้ดำเนินการพิสูจน์สิทธิของจำเลยไปตามหน้าที่ เมื่อโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6186/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสซ้อนเป็นโมฆะ ผู้มีส่วนได้เสียมีอำนาจฟ้องได้เพื่อคุ้มครองสิทธิในมรดก
ท. มีคู่สมรสอยู่แล้ว การที่ ท. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยอีก โดยมิได้หย่าขาดจาก ป. เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1495 แม้โจทก์จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ท. กับ จ. ภริยาอีกคนหนึ่งของ ท. แต่ก็เป็นทายาทโดยธรรมของ ท. เมื่อ ท. ตายแล้วโจทก์ย่อมจะมีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของ ท. โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่าง ท. และจำเลยเป็นโมฆะได้ตามมาตรา 1497 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5562/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฐานความผิดและลดโทษคดีพนันออนไลน์: ศาลฎีกายกข้อผิดพลาดเรื่องบทมาตราและให้รอการลงโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยเล่นการพนันทายผลฟุตบอลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แม้โจทก์มิได้บรรยายว่าการเล่นพนันทายผลฟุตบอลเป็นการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวในมาตรา 4 ซึ่งมิได้ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวง และอ้างบทมาตรา 4 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการพนันฯ มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่มาตรา 4 ทวิไม่ใช่บทมาตราที่บัญญัติองค์ประกอบความผิด และความผิดมาตรา 4 ทวิ ก็มีบทลงโทษรวมอยู่ในมาตรา 12 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งโจทก์อ้างมาในคำขอท้ายฟ้องด้วย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5548/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ประเมินราคา: จำเลยไม่ได้ลงชื่อรับรองเอกสาร จึงไม่มีความผิดฐานแจ้งเอกสารเท็จ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์จ้างโจทก์สำรวจและประเมินราคาทรัพย์สินของผู้กู้ยืมเงิน ซึ่งกำหนดให้โจทก์ต้องควบคุมดูแลลูกจ้างหรือพนักงานหรือตัวแทนของโจทก์ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และต้องส่งผลการสำรวจและประเมินราคาแก่ธนาคารภายในระยะเวลาที่กำหนด การที่จำเลยที่ 3 กรอกข้อความในแบบสรุปผลการประเมินราคา และการที่จำเลยที่ 2 ลงชื่อในฐานะผู้ประเมินราคาและฐานะผู้จัดการสาขาเพื่อจัดส่งให้แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในนามของโจทก์ล้วนแต่เป็นขั้นตอนในการปฏิบัติงานของพนักงานโจทก์ ผู้ที่ประเมินราคาหรือทำคำรับรองเอกสารตามสัญญาจ้างก็คือโจทก์ จำเลยที่ 3 มิได้ลงชื่อเป็นผู้ประเมินราคาในเอกสารดังกล่าว จำเลยที่ 3 จึงมิใช่ผู้ทำคำรับรองเอกสารอันเป็นเท็จแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4576/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ของกลางในคดีลักทรัพย์: รถยนต์ต้องใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง จึงจะริบได้
จำเลย ผู้ร้อง และว. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในคดีเดียวกัน โจทก์คดีนี้ได้แยกฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวโดยขอให้ริบรถยนต์ของกลางด้วย ศาลพิพากษาให้ริบของกลาง คดีถึงที่สุด ส่วนผู้ร้องและ ว. ถูกฟ้องที่ศาลอาญาโดยโจทก์ในคดีที่ผู้ร้องและ ว. ถูกฟ้องนั้นขอริบรถยนต์ของกลางเช่นกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำขอให้ริบรถยนต์ของกลาง ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องขอคืนของกลางในคดีนี้ เมื่อปรากฏว่า รถยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด จึงต้องคืนให้แก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4576/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ในการลักทรัพย์: ต้องมีการใช้รถยนต์โดยตรงในการขนย้ายทรัพย์สินที่ลักมาแล้วเท่านั้น
ขณะเกิดเหตุรถยนต์จอดอยู่นอกรั้วที่จำเลยกับพวกเข้าไปลักทรัพย์ โดยจำเลยกับพวกถูกจับขณะที่ยังไม่ได้ขนย้ายทรัพย์ที่ลักมาขึ้นรถยนต์ จำเลยกับพวกเพียงนำรถยนต์มาจอดใกล้บริเวณเกิดเหตุ เท่านั้น และจะใช้รถยนต์ในการขนย้ายทรัพย์ออกไปหลังจากที่ลักทรัพย์สำเร็จแล้ว เมื่อยังไม่มีการขนย้ายทรัพย์ที่ลักมาขึ้นรถยนต์ จึงไม่มีการใช้รถยนต์เป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์โดยตรงรถยนต์จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงจะริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จึงต้องคืนให้แก่ผู้ร้อง
ปัญหาที่ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นอ้างสู่ศาลฎีกาโดยตรงก็ตาม แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4576/2545 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ของกลางในคดีลักทรัพย์: การใช้ยานพาหนะเป็นเครื่องมือความผิด
จำเลย ผู้ร้อง และ ว.ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในคดีเดียวกัน โจทก์คดีนี้ได้แยกฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวโดยขอให้ริบรถยนต์ของกลางด้วย ศาลพิพากษาให้ริบของกลาง คดีถึงที่สุด ส่วนผู้ร้องและ ว. ถูกฟ้องที่ศาลอาญาโดยโจทก์ในคดีที่ผู้ร้องและ ว.ถูกฟ้องนั้นขอริบรถยนต์ของกลางเช่นกัน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำขอให้ริบรถยนต์ของกลาง ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องขอคืนของกลางในคดีนี้ เมื่อปรากฏว่า รถยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด จึงต้องคืนให้แก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4576/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด ต้องพิเคราะห์ว่ามีการใช้เป็นเครื่องมือโดยตรงหรือไม่
ขณะเกิดเหตุรถยนต์ของกลางจอดอยู่นอกรั้วบ้านที่จำเลยกับพวกเข้าไปลักทรัพย์โดยจำเลยกับพวกถูกจับขณะที่ยังไม่ได้ขนย้ายทรัพย์สินที่ลักมาขึ้นรถยนต์แต่อย่างใดจำเลยกับพวกเพียงนำรถยนต์มาจอดใกล้บริเวณเกิดเหตุเท่านั้น และจะใช้รถยนต์คันดังกล่าวในการขนย้ายทรัพย์ออกไปหลังจากที่ลักทรัพย์สำเร็จ เมื่อยังไม่มีการขนย้ายทรัพย์ที่ลักมาขึ้นรถยนต์ จึงรับฟังไม่ได้ว่ามีการใช้รถยนต์เป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์โดยตรง รถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ต้องคืนให้แก่ผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4486/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของเจ้าของอาคารในการใช้สิทธิตามสัญญาเช่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา โดยการตัดบริการสาธารณูปโภคและการปิดกั้นหน้าร้าน
โจทก์ทำสัญญาเช่าสถานที่ประกอบการค้ากับจำเลย โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องตบแต่งสถานที่ตามที่จำเลยอนุมัติ โจทก์ได้ติดตั้งระบบไฟฟ้า ตามแบบที่จำเลยอนุมัติเป็นการผิดสัญญาต่อจำเลย เมื่อสัญญากำหนดว่าหากโจทก์ผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิปิดกั้นหน้าร้าน ตัดน้ำและกระแสไฟฟ้าในสถานที่เช่าได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4486/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ให้เช่าในการตัดบริการสาธารณูปโภคเมื่อผู้เช่าผิดสัญญาเช่า
โจทก์ทำสัญญาเช่าสถานที่ประกอบการค้ากับจำเลย โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องตบแต่งสถานที่ตามที่จำเลยอนุมัติ โจทก์มิได้ติดตั้งระบบไฟฟ้า ตามแบบที่จำเลยอนุมัติ เป็นการผิดสัญญาต่อจำเลย เมื่อสัญญากำหนดว่าหากโจทก์ผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิปิดกั้นหน้าร้าน ตัดน้ำและกระแสไฟฟ้าในสถานที่เช่าได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
of 25