พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5730/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอรับฟังความผิดฐานพยายามฆ่าและพาอาวุธปืน ศาลฎีกายกฟ้องได้แม้มีการอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นฐานพยายามฆ่าผู้อื่นกระทงหนึ่ง ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่งแม้ข้อหาฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นจะต้องห้ามมิให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่เมื่อจำเลยฎีกาเกี่ยวกับความผิดข้อหาดังกล่าวขึ้นมา และศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักบานของโจทก์และโจทก์ร่วมไม่พอรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้ว ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกฟ้องในความผิดฐานนี้ได้ด้วย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215 และ 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ศาลลดโทษและรอการลงโทษ
การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปกับผู้อื่นซึ่งพกเงินไปจำนวน 300,000 บาท เพื่อทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ต่างจังหวัดในเวลากลางคืนนั้น ไม่ถือว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสนับสนุนพยายามฆ่า: การแบ่งหน้าที่ช่วยเหลือยิง ไม่ถึงขั้นร่วมกระทำผิดโดยตรง
จำเลยที่ 3 ได้รับการจ้างวานให้ไปฆ่าโจทก์ร่วม จึงได้วางแผนจัดหาคนที่จะไปลอบยิงรวมทั้งอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ได้นัดให้จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไปรอยังร้านอาหารใกล้สถานที่เกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 1 กับพวกได้ออกจากที่พักนั่งรถแท็กซี่ตามไปในเวลาใกล้เคียงกัน เฝ้าดักรออยู่ในร้านอาหารจนเมื่อเห็นรถของโจทก์ร่วมแล่นออกมา จำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายติดตามไปทันทีเมื่อทันกันแล้ว จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 3 ในการร่วมกันมีและพาอาวุธปืนกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 ย่อมมีความผิดฐานร่วมกันมีและพาอาวุธปืน แต่จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมติดตามไปยิงโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย เป็นแต่นั่งรถแท็กซี่กลับไปรอฟังผลยังที่พักกับพวก การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงยังไม่ถึงขั้นร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในการยิงโจทก์ร่วมด้วยการแบ่งหน้าที่กันกระทำคงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2ในการยิงโจทก์ร่วม จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)ประกอบด้วยมาตรา 80,86 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลพิจารณาโทษและแก้ไขคำพิพากษา
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดร่วมกันมีและพาอาวุธปืน แม้ไม่ได้ถือเอง แต่ร่วมกระทำความผิด แสดงเจตนา
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยมิได้รับอนุญาต เป็นความผิดที่ร่วมกระทำด้วยกันได้ จำเลยที่ 2 ร่วมกับคนร้าย 7-8 คนไปปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวไป 6 กระบอก แม้จะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 มีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับคนร้ายอื่นไปปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าทรัพย์โดยใช้ปืนยิง เสร็จแล้วหลบหนีไปด้วยกันแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับคนร้ายอื่นมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย