พบผลลัพธ์ทั้งหมด 111 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6541/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้ยานพาหนะ และละเลยไม่แจ้งความช่วยเหลือ
การที่จำเลยขับเรือยนต์ไปตามคำสั่งของ ช. โดยขับแล่นเข้าไปจอดเทียบกับเรือบดของผู้เสียหาย เมื่อ ช.และป.ฉุดผู้เสียหายลงเรือยนต์ของจำเลยแล้วจำเลยก็เป็นคนขับพาผู้เสียหายไปโดยจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของ ช.ทั้งสิ้นทั้งที่ช. และ ป.ไม่ได้ขู่บังคับจำเลยเมื่อจำเลยรู้จัก ช. ป. และผู้เสียหายมาก่อนเกิดเหตุเพราะอาศัยอยู่ในท้องที่เดียวกัน จำเลยน่าจะทราบว่าเหตุการณ์ที่ ช. และ ป. พาผู้เสียหายไปนั้นเป็นเรื่องร้ายแรง จำเลยควรจะห้ามปราม แต่ไม่กระทำกลับเป็นธุระขับเรือยนต์ให้นอกจากนี้จำเลยทราบดีว่า ตนขับเรือยนต์พาผู้เสียหาย ช. และ ป. ไปส่งที่ไหนหากจำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดและเพื่อเป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์ของตนจำเลยควรรีบแจ้งให้ญาติที่บ้านของผู้เสียหายหรือเจ้าพนักงานตำรวจทราบเพื่อรีบช่วยเหลือผู้เสียหายโดยเร็ว แต่จำเลยไม่ดำเนินการดังกล่าว เหตุที่บิดาและญาติพี่น้องของผู้เสียหายไปพบจำเลยในวันเกิดเหตุและได้ออกติดตามผู้เสียหายก็เพราะมีผู้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งให้ทราบ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับ ช. และ ป.กระทำผิดฐานร่วมกันพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 284 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5654/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกในคดีปล้นทรัพย์หลายกรรม หากความผิดไม่เกี่ยวพันกัน ไม่จำกัดตามมาตรา 91(3) ป.อ.
คดีที่จะอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ซึ่งมีการจำกัดในการลงโทษในความผิดหลายกรรม เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ปี นั้นจะต้องเป็นคดีที่โจทก์สามารถฟ้องความผิดที่จำเลยกระทำเป็นคดีเดียวกัน หรือสามารถรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้เนื่องจากลักษณะความผิดที่กระทำนั้นเกี่ยวพันกันแม้คดีทั้งห้าสำนวนที่จำเลยถูกฟ้องจะเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ทุกคดี แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายแต่ละคดีมิใช่ผู้เสียหายรายเดียวกัน ทั้งสถานที่เกิดเหตุแต่ละคดีต่างสถานที่กันพยานหลักฐานแต่ละคดีจึงมิใช่พยานหลักฐานชุดเดียวกัน และการกระทำผิดของจำเลยไม่เกี่ยวพันกัน คดีทั้งห้าสำนวนจึงไม่อาจฟ้องจำเลยเป็นคดีเดียวกันหรือรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ กรณีจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 91(3) ในเรื่องการจำกัดระยะเวลาในการลงโทษจำคุกศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกจำเลยโดยนับโทษติดต่อกันเกินกว่า 50 ปีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5545/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของตัวการและตัวแทน กรณีรถกอล์ฟชนผู้เล่น
จำเลยที่ 1 ทำงานเป็นแคดดี้อยู่ในสนามกอล์ฟของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถกอล์ฟบรรทุกผู้เล่นกอล์ฟชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้ายและหลังเท้าซ้ายจำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ดูแลครอบครอง เพราะการใช้รถคันเกิดเหตุจะต้องผ่านการซื้อบัตรรถกอล์ฟโดยตรงจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงได้รับประโยชน์ส่วนแบ่งเป็นค่าเช่าจากผู้เล่นกอล์ฟ และแม้การที่จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุจะมิใช่หน้าที่โดยตรงของจำเลยที่ 1 แต่ก็ถือได้ว่าเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 2 มอบหมายให้ทำ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทน ของจำเลยที่ 2 ในด้านบริการแก่ผู้เล่นกอล์ฟ จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5205/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายตกเป็นโมฆะ แต่เจตนาสละการครอบครองทำให้ผู้ครอบครองได้กรรมสิทธิ์
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 24 ที่ให้ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายนั้น กฎหมายมีความประสงค์จะให้ใช้ในศาลชั้นต้นเท่านั้น ดังจะเห็นได้ว่าวรรคสุดท้ายของมาตรา 24 ดังกล่าวได้บัญญัติไว้ว่าคำสั่งใด ๆ ของศาลที่ได้ออกตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์และฎีกาได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 227 , 228 และ 247 ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย
การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่าง จ. และ ช. กับผู้ร้องไม่ได้ไปดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายที่ดินดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะ แต่ผู้ร้องได้ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่ จ. และ ช. ครบถ้วนแล้ว จ. และ ช. ก็ได้มอบโฉนดที่ดินพร้อมกับทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องไปดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว นอกจากนี้ในการซื้อขายที่ดินดังกล่าวนี้ จ. และ ช. และผู้ร้องได้ร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ว่า จ. และ ช. ได้ลงชื่อและพิมพ์มือในใบมอบอำนาจพร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ร้องเพื่อนำไปโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้นับแต่วันทำบันทึกเป็นต้นไปโดยไม่จำกัดเวลา แสดงให้เห็นเจตนาของ จ. และ ช. ว่าต้องการมอบอำนาจเด็ดขาดให้ผู้ร้องไปจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ใดและเวลาใดก็ได้สุดแล้วแต่ผู้ร้อง ทั้งไม่มีข้อจำกัดว่าการโอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินที่ผู้ร้องได้รับมอบอำนาจดังกล่าวนี้ ผู้ร้องจะต้องขายที่ดินดังกล่าวในราคาเท่าใด ก็สุดแล้วแต่ความพอใจของผู้ร้อง หลังจากที่ จ. และ ช. มอบโฉนดที่ดินและมอบอำนาจให้ผู้ร้องแล้วก็ไม่ปรากฏว่า จ. และ ช. ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินอีกเลย จนกระทั่ง จ. ถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ของ จ. และ ช. ดังกล่าวถือได้ว่ามีเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง การที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาท ต่อมาฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินดังกล่าวแทน จ. และ ช. เมื่อผู้ร้องได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ไม่เคยมีผู้ใดโต้แย้งหรือคัดค้านผู้ร้อง การที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่าง จ. และ ช. กับผู้ร้องไม่ได้ไปดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายที่ดินดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะ แต่ผู้ร้องได้ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่ จ. และ ช. ครบถ้วนแล้ว จ. และ ช. ก็ได้มอบโฉนดที่ดินพร้อมกับทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องไปดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว นอกจากนี้ในการซื้อขายที่ดินดังกล่าวนี้ จ. และ ช. และผู้ร้องได้ร่วมกันทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ว่า จ. และ ช. ได้ลงชื่อและพิมพ์มือในใบมอบอำนาจพร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ร้องเพื่อนำไปโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้นับแต่วันทำบันทึกเป็นต้นไปโดยไม่จำกัดเวลา แสดงให้เห็นเจตนาของ จ. และ ช. ว่าต้องการมอบอำนาจเด็ดขาดให้ผู้ร้องไปจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ใดและเวลาใดก็ได้สุดแล้วแต่ผู้ร้อง ทั้งไม่มีข้อจำกัดว่าการโอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินที่ผู้ร้องได้รับมอบอำนาจดังกล่าวนี้ ผู้ร้องจะต้องขายที่ดินดังกล่าวในราคาเท่าใด ก็สุดแล้วแต่ความพอใจของผู้ร้อง หลังจากที่ จ. และ ช. มอบโฉนดที่ดินและมอบอำนาจให้ผู้ร้องแล้วก็ไม่ปรากฏว่า จ. และ ช. ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินอีกเลย จนกระทั่ง จ. ถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ของ จ. และ ช. ดังกล่าวถือได้ว่ามีเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง การที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาท ต่อมาฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินดังกล่าวแทน จ. และ ช. เมื่อผู้ร้องได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ไม่เคยมีผู้ใดโต้แย้งหรือคัดค้านผู้ร้อง การที่ผู้ร้องครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4481/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาของบุคคลล้มละลาย แม้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำผิดก่อนหน้านี้
ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีในทางอาญาแทนโดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ได้ร่วมสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2540 และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คทั้งสามฉบับเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2540 แต่จำเลยที่ 2 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2541 การกระทำผิดของจำเลยที่ 2ในคดีนี้จึงเกิดขึ้นก่อนจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์โดยไม่มีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยจึงชอบแล้ว เช็คแต่ละฉบับที่จำเลยทั้งสองร่วมกันสั่งจ่ายให้โจทก์ มีจำนวนเงินสูง และจำเลยทั้งสองไม่ได้ผ่อนชำระหนี้ ตามเช็คให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ แม้ว่าโจทก์จะยื่นขอ รับชำระหนี้ตามเช็คทั้งสามฉบับต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีนี้ กับจำเลยทั้งสองอีกต่อไป จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4481/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาของบุคคลล้มละลาย: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถดำเนินคดีแทนได้
กฎหมายล้มละลายเพียงบัญญัติมิให้บุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินคดีในทางแพ่งด้วยตนเอง แต่ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีในทางอาญาแทนบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์โดยเฉพาะกฎหมายล้มละลายมิได้คุ้มครองให้ผู้กระทำผิดอาญานั้นพ้นผิดไปด้วย
จำเลยได้ร่วมสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยการกระทำผิดของจำเลยเกิดขึ้นก่อนจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง ดังนี้ แม้ในการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์จำเลยไม่มีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ก็ชอบแล้ว
จำเลยได้ร่วมสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยการกระทำผิดของจำเลยเกิดขึ้นก่อนจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ไม่เกี่ยวข้องกับการถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง ดังนี้ แม้ในการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์จำเลยไม่มีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ก็ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4481/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาของผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ต้องดำเนินคดีแทน
กฎหมายล้มละลายเพียงบัญญัติมิให้บุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ ดำเนินคดีในทางแพ่งด้วยตนเอง แต่ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เข้ามาดำเนินคดีในทางอาญาแทนบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ โดยเฉพาะกฎหมายล้มละลายมิได้คุ้มครองให้ผู้กระทำผิดอาญา นั้นพ้นผิดไปด้วย จำเลยได้ร่วมสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยการกระทำผิดของจำเลยเกิดขึ้นก่อนจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ไม่เกี่ยวข้องกับ การถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง ดังนี้ แม้ในการ ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์จำเลยไม่มีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เข้ามาดำเนินคดีแทน การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ ก็ชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดประเภทพิกัดศุลกากรสินค้า: เครื่องแช่แข็งอาหาร (Freezing Tunnel) มิใช่เครื่องลำเลียง
เดิมสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักร บริษัทผู้ผลิตเรียกชื่อสินค้าดังกล่าวว่า "Freezing Tunnel" หรือ "Food Freezer" ซึ่งแปลว่าเครื่องแช่แข็งอาหาร แต่โจทก์ได้ขอให้บริษัทผู้ผลิตสินค้าพิพาทเปลี่ยนชื่อสินค้าพิพาทใหม่โดยใช้ชื่อว่า "Belt Conveyor" แปลว่า เครื่องสายพานลำเลียง แสดงว่าบริษัทผู้ผลิตต้องการให้สินค้าพิพาท เป็นเครื่องแช่แข็งอาหาร มิใช่เป็นเครื่องสายพานลำเลียงเท่านั้น และสาระสำคัญของสินค้าพิพาทก็เพื่อประโยชน์ ในการแช่แข็งอาหารโดยใช้สายพานและระบบขับเคลื่อนเป็นส่วนประกอบเพื่อลำเลียงอาหารสดให้ได้รับสารทำความเย็น สินค้าพิพาทจึงมิใช่เพียงเครื่องสายพานลำเลียงหรือเครื่องลำเลียงอาหารสดเท่านั้น และถึงแม้ว่าสินค้าพิพาทจะ ไม่สามารถผลิตสารทำความเย็นได้ด้วยตนเองและไม่มีส่วนใดที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ ลิ้นลดความดัน คงมีแต่แผงกระจายความเย็นที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับอีแวโพเรเตอร์ก็ตาม แต่ก็สามารถทำความเย็นได้ด้วยการนำถังบรรจุสารทำความเย็นมาติดตั้งและต่อท่อส่งสารทำความเย็นไปที่ระบบหัวฉีดของเครื่องแล้วนำ สินค้าพิพาทแช่แข็งอาหารได้ ดังนี้ สินค้าพิพาทจึงจัดเป็นเครื่องอุปกรณ์ทำความเย็นหรือทำให้เย็นจนแข็งอื่น ๆ ซึ่งมิใช่แบบคอมเพรสชันที่คอนเดนเซอร์เป็นตัวแลกเปลี่ยนความร้อน อันเป็นสินค้าจัดอยู่ในประเภทพิกัด 8418.69 มิใช่เป็นเครื่องลำเลียงอาหารสด ประเภทพิกัด 8428.33
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเภทพิกัดอัตราศุลกากร: สินค้าแช่แข็งใช้ไนโตรเจนเหลว จัดเป็นเครื่องทำความเย็น มิใช่เครื่องลำเลียง
เดิมสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักร บริษัท ผู้ผลิตเรียกชื่อสินค้าดังกล่าวว่า "FreezingTunnel" หรือ"FoodFreezer" ซึ่งแปลว่าเครื่องแช่แข็งอาหาร แต่โจทก์ได้ขอให้บริษัทผู้ผลิตสินค้าพิพาทเปลี่ยนชื่อสินค้าพิพาทใหม่โดยใช้ชื่อว่า "BeltConveyor" แปลว่าเครื่องสายพาน ลำเลียง แสดงว่าบริษัทผู้ผลิตต้องการให้สินค้าพิพาทเป็นเครื่องแช่แข็งอาหาร มิใช่เป็นเครื่องสายพาน ลำเลียงเท่านั้นและลูกค้าทุกรายที่ซื้อสินค้าดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ถนอมอาหารโดยวิธีแช่แข็ง และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและกรมศุลกากรได้มีวินิจฉัยว่าสินค้าดังกล่าวอยู่ในประเภทพิกัด 8418.69 แสดงให้เห็นว่าสาระสำคัญของสินค้าพิพาทก็เพื่อประโยชน์ในการแช่แข็งอาหารโดยใช้สายพาน และระบบขับเคลื่อนเป็นส่วนประกอบเพื่อลำเลียงอาหารสดให้ได้รับสารทำความเย็นสินค้าพิพาทจึงมิใช่เพียงเครื่องสายพาน ลำเลียงหรือเครื่องลำเลียงอาหารสดเท่านั้นและถึงแม้ว่าสินค้าพิพาทจะไม่สามารถผลิตสารทำความเย็นได้ ด้วยตนเองและไม่มีส่วนใดที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ ลิ้นลดความดัน คงมีแต่แผงกระจายความเย็น ที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับอีแวโพเรเตอร์ ก็ตาม แต่ก็สามารถ ทำความเย็นได้ด้วยการนำถังบรรจุสารทำความเย็นมาติดตั้ง และต่อท่อส่งสารทำความเย็นไปที่ระบบหัวฉีดของเครื่อง แล้วนำสินค้าพิพาทแช่แข็งอาหารได้ ดังนี้ สินค้าพิพาท จึงจัดเป็นเครื่องอุปกรณ์ทำความเย็นหรือทำให้เย็นจนแข็งอื่น ๆซึ่งมิใช่แบบคอมเพรสชันที่คอนเดนเซอร์เป็นตัวแลกเปลี่ยนความร้อนอันเป็นสินค้าจัดอยู่ในประเภทพิกัด 8418.69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4146/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันต่อเนื่อง: ค้ำประกันหนี้เดิมแม้ไม่มีผลย้อนหลัง, การนำสืบพยานไม่เป็นการนอกฟ้อง
หนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อโจทก์เขียน พ.ศ. ผิดพลาด และนำแบบพิมพ์ของบริษัทก. มาใช้ จำเลยที่ 2 จึงได้ทำหนังสือค้ำประกันฉบับพิพาทให้โจทก์ ใหม่แทนหนังสือค้ำประกันฉบับเดิม แม้หนังสือค้ำประกัน ฉบับพิพาทจะทำขึ้นภายหลังวันที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ ให้โจทก์ไว้และมิได้มีข้อความระบุว่าให้มีผลย้อนหลังไปถึงหนี้ที่จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ก็ตาม แต่เมื่อเป็นผลสืบเนื่องต่อจากหนังสือค้ำประกันฉบับเดิม หนังสือค้ำประกันฉบับพิพาทจึงมีผลบังคับ แม้คำฟ้องโจทก์จะบรรยายแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ได้ทำหนังสือค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามสำเนาเอกสาร หมาย จ.4 โดยมิได้บรรยายว่า จำเลยที่ 2 ทำหนังสือค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.4 ต่อเนื่องกับหนังสือค้ำประกันตามสำเนาเอกสารหมาย จ.10 ก็ตาม แต่การที่โจทก์นำสืบพยานบุคคลถึงหนังสือค้ำประกันตามสำเนาเอกสารหมาย จ.10ก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามูลเหตุที่จำเลยที่ 2 ต้องทำหนังสือค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.4 ให้โจทก์มีความเป็นมาอย่างไร จึงไม่เป็นการสืบเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารและไม่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็น การที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังพยานบุคคลดังกล่าวจึงมิใช่ เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 และ 142