คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรีดี รุ่งวิสัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7297/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: การจำหน่ายทรัพย์สินของผู้อื่นโดยทุจริตและการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
จำเลยบอกขายถังน้ำมันของกลาง ซึ่งวางอยู่ในที่ดินของผู้อื่นให้แก่ผู้ซื้อ โดยแจ้งแก่ผู้ซื้อว่าถังน้ำมันของกลางเป็นของจำเลย แต่ความจริงเป็นของผู้เสียหาย ผู้ซื้อตกลงซื้อถังน้ำมันของกลางแล้วได้ว่าจ้าง ส. ให้ขนถังน้ำมันของกลางไปไว้ที่สถานีบริการน้ำมันของผู้ซื้อ หลังจากนั้นผู้ซื้อจึงชำระราคาให้แก่จำเลย โดยผู้เสียหายมิได้ยินยอมด้วยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยเป็นการเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยทุจริตแล้ว จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7269/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้อง: เอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ศาลไม่ถือว่าพิพากษาเกินเลย
เอกสารท้ายฟ้องถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง แม้คำฟ้องของโจทก์จะระบุเพียงว่า จำเลยค้างชำระค่าน้ำประปาเป็นเงิน 660 บาท และค่าโทรศัพท์เป็นเงิน 1,100 บาท แต่ในตารางการคำนวณอัตราดอกเบี้ยและทุนทรัพย์เอกสารท้ายฟ้องระบุว่า ค่าน้ำประปารวมถึงค่ารักษามาตร และค่าโทรศัพท์รวมถึงค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ภายใน การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระค่ารักษามาตรวัดน้ำประปา และค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ภายใน จึงมิได้เป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7269/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้อง: เอกสารท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ศาลไม่ถือว่าพิพากษาเกินเลยหากคำพิพากษาอ้างอิงถึงรายละเอียดในเอกสารดังกล่าว
เอกสารท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง แม้คำฟ้องของโจทก์จะระบุเพียงว่าจำเลยค้างค่าน้ำประปาเป็นเงิน 660 บาท และค่าโทรศัพท์เป็นเงิน 1,100 บาท แต่ในตารางการคำนวณอัตราดอกเบี้ยและทุนทรัพย์เอกสารท้ายฟ้องระบุว่า ค่าน้ำประปารวมถึงค่ารักษามาตร และค่าโทรศัพท์รวมถึงค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ภายใน ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระค่ารักษามาตรวัดน้ำประปาและค่ารักษาคู่สายโทรศัพท์ภายในจึงมิได้เป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7268/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์จำเลยในคดีที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง การอุทธรณ์ต้องกระทบสิทธิของจำเลย
คดีศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จำเลยจะมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ต่อเมื่อคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์มอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์จะต้องปฏิบัติกิจการในหน้าที่ด้วยตนเอง เว้นแต่ข้อบังคับหรือมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมจะกำหนดให้มอบหมายให้ผู้อื่นทำแทนได้ กรณีนี้ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าว คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับอำนาจฟ้องหาได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยแต่ประการใดไม่จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7268/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคลอาคารชุด: การมอบอำนาจฟ้องคดีต้องเป็นไปตามข้อบังคับ หากไม่เป็นไปตามข้อบังคับ จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จำเลยจะมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ต่อเมื่อคำวินิจฉัยของ ศาลชั้นต้นมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์มอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องคดีโดยฝ่าฝืนข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้จัดการนิติบุคคล อาคารชุดโจทก์จะต้องปฏิบัติกิจการในหน้าที่ด้วยตนเอง เว้นแต่ข้อบังคับหรือมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมจะกำหนดให้มอบหมายให้ผู้อื่นทำแทนได้ กรณีนี้ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นดังกล่าว คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง หาได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิของจำเลยแต่ประการใดไม่ จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6559/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบ: จำเลยอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งประเด็นความผิด, ฎีกาจึงยกประเด็นใหม่ไม่ได้
จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์โดยมิได้กล่าวอ้างว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไม่ถูกต้องในข้อหาใด อย่างไร จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคสอง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จะวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ก็เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์และเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้องจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6375/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขายท่อเพื่อหักเงินมัดจำ: จำเลยไม่ยินยอม โจทก์ไม่มีสิทธิขาย
การที่โจทก์ตกลงซื้อลมและแก๊สจากจำเลยโดยโจทก์วางเงินมัดจำ(ประกัน)ค่ายืมท่อบรรจุลมและแก๊สไว้แก่จำเลย ต่อมาโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยมารับท่อและคืนเงินมัดจำ มิฉะนั้นจะนำท่อออกขายทอดตลาด อันเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์แม้จำเลยได้ทราบแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ตกลงด้วย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะนำท่อออกขายตามที่ได้แจ้ง ทั้งนี้เพราะสัญญาซื้อขายและสัญญายืมท่อระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ได้กำหนดให้โจทก์มีสิทธิที่จะขายท่อของจำเลยเพื่อนำเงินมาหักออกจากเงินมัดจำค่ายืมท่อ แม้จำเลยจะมีหน้าที่ต้องคืนเงินมัดจำค่ายืมท่อให้แก่โจทก์ แต่โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องคืนท่อให้แก่จำเลยเช่นกัน เมื่อโจทก์นำท่อของจำเลยไปขายโดยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงินมัดจำท่อแก่โจทก์ ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 369

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4870/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษฐานช่วยเหลือตำรวจค้นยาเสพติดและการแก้ไขโทษตามกฎหมายใหม่
เมื่อจำเลยที่ 1 ถูกจับ เจ้าพนักงานตำรวจย่อมนำจำเลยที่ 1 ไปค้นหายาเสพติดให้โทษที่บ้านจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ให้ข้อมูลและพาเจ้าพนักงานตำรวจไปยึดเมทแอมเฟตามีนที่บ้านจำเลยที่ 1 ดังกล่าว ไม่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ จึงไม่มีเหตุที่จะลงโทษจำเลยที่ 1 สถานเบาตามบทบัญญัติ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3952/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอคืนทรัพย์สินที่ถูกริบหลังคดีถึงที่สุด การพิมพ์หมายเลขทะเบียนผิดพลาดไม่อาจขยายระยะเวลาได้
แม้ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลางภายในกำหนดระยะเวลาตาม ป.อ. มาตรา 36 แต่การที่ผู้ร้องพิมพ์หมายเลขทะเบียนรถยนต์บรรทุกของกลางในคำร้องผิดพลาด เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องนั้น เป็นความผิดของผู้ร้องเองไม่อาจถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลางให้แก่ผู้ร้องได้ ทั้งระยะเวลาขอคืนทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งริบตาม ป.อ. มาตรา 36 ไม่อาจขยายออกไปเป็น 5 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 98 (4) ซึ่งเป็นอายุความล่วงเลยการลงโทษสำหรับจำเลยผู้ที่ยังไม่ได้รับโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดได้ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์บรรทุกของกลางใหม่เมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดจึงเกินกำหนดระยะเวลาตาม ป.อ. มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจตนา 'มีไว้เพื่อจำหน่าย' ยาเสพติด โจทก์ต้องพิสูจน์ชัดเจน ไม่สามารถสันนิษฐานจากปริมาณได้
การที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีน 101 เม็ด แล้วจะสันนิษฐานว่าจำเลยที่ 1 มีไว้เพื่อจำหน่ายนั้น ย่อมเป็นข้อสันนิษฐานอันเป็นผลร้ายกับจำเลยที่ 1 โจทก์มีภาระการพิสูจน์ให้ได้ความแจ้งชัดโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง เดิม บัญญัติว่า "การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย" ซึ่งตามฟ้องโจทก์ก็ได้ความว่าเมทแอมเฟตามีน 101 เม็ดดังกล่าวมีน้ำหนัก 9.019 กรัม เท่านั้น จึงไม่เข้าข้อสันนิษฐานของบทบัญญัติดังกล่าว
of 24