พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดียาเสพติดต้องพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์ หากต่ำกว่าเกณฑ์กฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนา
บทบัญญัติมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯหมายความว่า บุคคลที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าบุคคลนั้นมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายโดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบว่าบุคคลนั้นมีเจตนามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ถ้ามีไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัม โจทก์ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายถ้าโจทก์นำสืบไม่ได้จะฟังว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามข้อสันนิษฐานดังกล่าวหาได้ไม่ คงฟังได้เพียงว่ามีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
คำฟ้องระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักรวมเพียง5.76 กรัม เห็นได้ชัดแจ้งว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัมและโจทก์ก็มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะมีเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป จึงหาต้องคำนวณและระบุจำนวนสารบริสุทธิ์มาในคำฟ้องและรายงานผลการตรวจพิสูจน์ไม่
คำฟ้องระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักรวมเพียง5.76 กรัม เห็นได้ชัดแจ้งว่าคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ไม่ถึงยี่สิบกรัมและโจทก์ก็มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเพราะมีเมทแอมเฟตามีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไป จึงหาต้องคำนวณและระบุจำนวนสารบริสุทธิ์มาในคำฟ้องและรายงานผลการตรวจพิสูจน์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่การขายฝากที่ดินภายในกำหนด แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน ก็มีผลผูกพันระหว่างคู่สัญญาและผู้จัดการมรดก คดีไม่ขาดอายุความ
ม. ไถ่ที่ดินจากจำเลยภายในกำหนดในสัญญาขายฝากแล้วแม้จะไม่ได้จดทะเบียนไถ่การขายฝาก ก็เป็นเพียงทำให้การกลับคืนมาซึ่งทรัพย์สิทธิยังไม่บริบูรณ์เท่านั้น แต่ใช้ยันกันได้ระหว่าง ม. กับจำเลย เมื่อโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ม. จึงมีผลยันกันได้ระหว่างโจทก์กับจำเลยด้วย โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนและฟ้องร้องขอให้จำเลยจดทะเบียนไถ่การขายฝากที่ดินแก่โจทก์เมื่อใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ขายฝากที่ดินภายในกำหนด แม้ยังมิได้จดทะเบียนก็มีผลผูกพัน โจทก์มีสิทธิฟ้องร้องได้ตลอดเวลา
ผู้ขายฝากได้ไถ่ที่ดินพิพาทจากผู้ซื้อภายในกำหนดในสัญญาขายฝากแล้ว แม้จะไม่มีการจดทะเบียนไถ่การขายฝากก็เป็นเพียงทำให้การกลับคืนมาซึ่งทรัพยสิทธิในที่ดินพิพาทยังไม่บริบูรณ์เท่านั้น แต่มีผลใช้บังคับยันกันเองได้ แม้ยังมิได้มีการจดทะเบียนไถ่ ที่ดินที่ขายฝากก็ตกเป็นของผู้ขายฝากทันที ซึ่งมีผลบังคับยันกันได้ระหว่างคู่สัญญา ผู้จัดการมรดกของผู้ขายฝากย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนและฟ้องร้องขอให้ผู้ซื้อจดทะเบียนไถ่การขายฝากที่ดินในระยะเวลาใดก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่ความ แต่ไม่ผูกพันบุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์
การที่ผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมตกลงกันให้ผู้ร้องทั้งสองกับบุคคลภายนอกเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท คำพิพากษานั้นย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอก แม้ว่าหลังจากนั้นผู้ร้องมายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าสัญญาประนีประนอมดังกล่าวไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอกคดีและศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องว่า คำพิพากษาผูกพันคู่ความในคดีให้ต้องปฏิบัติตาม แต่ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก แม้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากคำพิพากษา ซึ่งหมายความว่า สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันบุคคลภายนอกให้ต้องปฏิบัติตามและเป็นสิทธิเฉพาะตัวของบุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์ว่าจะรับหรือไม่รับที่ดินหรือไม่ก็ได้ เท่านั้น ไม่ต้องนำไปบังคับแก่ผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านทั้งสอง การที่ผู้ร้องที่ 2 มายื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหนังสือรับรองว่าคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว หรือมายื่นคำแถลงขอให้ศาลออกหนังสือรับรองว่าคำสั่งดังกล่าวไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกา โดยมีความประสงค์อย่างชัดแจ้งว่า ต้องการนำคำสั่งศาลดังกล่าวไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินในชั้นบังคับคดีว่า ผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านทั้งสองซึ่งเป็นคู่ความในคดีไม่มีความผูกพันที่จะต้องลงชื่อบุคคลภายนอกเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์รวม เป็นการหลีกเลี่ยงการบังคับคดีให้ผิดจากสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม และทำให้เจ้าพนักงานที่ดินไขว้เขวต่อการปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอม ศาลเห็นสมควรไม่ออกหนังสือรับรองให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่ความ แต่ไม่ผูกพันบุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้วที่ระบุ ให้แบ่งที่พิพาทออกเป็นสองส่วน โดยให้แปลงด้านทิศเหนือตกเป็นของผู้ร้องและท. ส่วนแปลงด้านทิศใต้ให้ตกเป็นของผู้คัดค้าน ย่อมผูกพันผู้ร้องและผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคหนึ่ง โดยผู้คัดค้านมีหน้าที่ต้องขอรังวัดแบ่งแยกและจดทะเบียนลงชื่อผู้ร้องและ ท. เป็นผู้ร่วมถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงด้านทิศเหนือและผู้ร้องมีหน้าที่ต้องยินยอมให้ ท. ลงชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมดังกล่าวด้วยแต่จะอ้างผลเพื่อให้ ท. ยอมรับการเป็นเจ้าของรวมกับผู้ร้องและยินยอมให้ลงชื่อ ท.ในที่ดินไม่ได้เพราะท. เป็นบุคคลภายนอกที่จะได้รับผลประโยชน์มิได้เป็นคู่ความ จึงไม่ผูกพันท.ให้ต้องปฏิบัติตามและเป็นสิทธิของท. ที่จะรับหรือไม่รับที่ดินก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งค่าบำเหน็จตัวแทนค้าต่างเกี่ยวข้องกับหนี้ซื้อขาย ศาลต้องรับพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้อสินค้านมกล่อง และรับสินค้าจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้วเป็นเงิน 1,082,105.40 บาท แต่จำเลยไม่ชำระเงินค่าสินค้าขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นตัวแทนค้าต่างของโจทก์ จำเลยได้รับสินค้าและได้นำไปส่งมอบให้แก่ผู้สั่งซื้อแล้วชอบที่จะได้ค่าบำเหน็จในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ จึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าบำเหน็จจำนวน 674,325.79 บาท แก่จำเลย ตามคำฟ้องและฟ้องแย้งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำว่าสัญญาทำกันด้วยเป็นเรื่องอะไรผลของสัญญาจะเป็นเช่นใด ซึ่งต่างอ้างว่าอีกฝ่ายต้องรับผิดตามสัญญาเกี่ยวกับการกระทำอันเดียวกัน จำเลยย่อมฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินได้เพราะเป็นเงินที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งค่าบำเหน็จตัวแทน: เกี่ยวเนื่องกับหนี้เดิม พิจารณาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญาซื้อขายนมกล่อง ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ จำเลยให้การและ ฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นตัวแทนค้าต่างของโจทก์ จำเลยได้รับสินค้าและได้นำไปส่งมอบให้แก่ผู้สั่งซื้อแล้ว ชอบที่จะได้ ค่าบำเหน็จจากโจทก์ ตามคำฟ้องและฟ้องแย้งเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำสัญญาว่าทำกันด้วยเรื่องอะไร ผลของสัญญาจะเป็นเช่นใด ซึ่งโจทก์และจำเลยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายต้องรับผิดตามสัญญาเกี่ยวกับการกระทำอันเดียวกัน จำเลยย่อมฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่าบำเหน็จได้ เพราะเป็นเงินที่เกี่ยวเนื่องกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นเรื่องทีเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่จำกัดเฉพาะกรณีอสังหาริมทรัพย์ โจทก์มีสิทธิรื้อถอนบ้านตามสัญญาเท่านั้น
โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านตามฟ้องในลักษณะที่ต้องรื้อถอนไปอย่างสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ใช่กรณีฟ้องเรียกบ้านในสภาพที่ปลูกอยู่บนที่ดินอย่างอสังหาริมทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านดังกล่าวได้ มีเพียงสิทธิที่จะเข้าไปรื้อถอนบ้านตามสัญญาโดยจำเลยไม่มีสิทธิมาขัดขวางห้ามปรามเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านตามฟ้อง เป็นการ พิพากษาบังคับไม่ตรงกับสภาพแห่งข้อหาตามคำฟ้องและเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีซื้อขายบ้านและที่ดิน: ผู้ขายไม่ใช่พ่อค้าตามกฎหมาย ใช้ ป.พ.พ. มาตรา 164 (เดิม) อายุความ 10 ปี
โจทก์มิใช่บุคคลที่ประกอบการค้าโดยซื้อสินค้ามาและขายไปเป็นปกติธุระแต่เป็นเพียงผู้ปลูกบ้านพร้อมจัดสรรที่ดินขายให้แก่บุคคลทั่วไปเท่านั้น จึงมิได้เป็นพ่อค้าตามความหมายของ ป.พ.พ. มาตรา 165 (เดิม) ที่จะต้องฟ้องคดีภายในกำหนด 2 ปี
โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีได้ภายใน 10 ปี ตามมาตรา 164 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ และระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่ พ.ร.บ. ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ ทั้งเป็นระยะเวลาที่ยาวกว่าระยะเวลา (สองปี) ที่กำหนดขึ้นตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. ที่ตรวจชำระใหม่ท้าย พ.ร.บ. ดังกล่าว คือ มาตรา 193/34 (1) จึงต้องนำระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับตาม พ.ร.บ. ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 มาตรา 14
เอกสารสัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่ใบรับตาม ป.รัษฎากร แม้จะไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ไม่ต้องห้ามตาม ป. รัษฎากร มาตรา 118
โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีได้ภายใน 10 ปี ตามมาตรา 164 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ และระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่ พ.ร.บ. ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับ ทั้งเป็นระยะเวลาที่ยาวกว่าระยะเวลา (สองปี) ที่กำหนดขึ้นตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. ที่ตรวจชำระใหม่ท้าย พ.ร.บ. ดังกล่าว คือ มาตรา 193/34 (1) จึงต้องนำระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับตาม พ.ร.บ. ให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1 แห่ง ป.พ.พ. ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 มาตรา 14
เอกสารสัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่ใบรับตาม ป.รัษฎากร แม้จะไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ไม่ต้องห้ามตาม ป. รัษฎากร มาตรา 118
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีซื้อขายบ้านและที่ดิน: การใช้บทบัญญัติใหม่และข้อยกเว้นสำหรับผู้ไม่ใช่พ่อค้า
โจทก์ขายบ้านพร้อมที่ดินให้แก่จำเลย และโอนกรรมสิทธิ์กันเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2534 โดยจำเลยยังค้างค่าบ้านและที่ดินอีก65,000 บาท ซึ่งโจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้นับแต่สิ้นเดือนกันยายน2534 เป็นต้นไป แต่โจทก์มิใช่บุคคลที่เป็นพ่อค้าซึ่งประกอบการค้าโดยซื้อสินค้ามาและขายไปเป็นปกติธุระที่จะต้องฟ้องคดีภายใน กำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)(เดิม) โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีได้ภายใน 10 ปี ตามมาตรา 164(เดิม) ซึ่งเป็น กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ และ ระยะเวลาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดลงในวันที่พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 1 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535 ใช้บังคับทั้งเป็นระยะเวลาที่ยาวกว่าระยะเวลาที่กำหนดขึ้น ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว คือมาตรา 193/34(1) จึงต้องนำระยะเวลาที่ยาวกว่ามาใช้บังคับตามพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 1แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2535มาตรา 14
เอกสารสัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่ใบรับตามประมวลรัษฎากร แม้จะไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
เอกสารสัญญาจะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่ใบรับตามประมวลรัษฎากร แม้จะไม่ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118