คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยงยศ นิสภัครกุล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 163 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่เชื่อถือได้ประกอบพยานหลักฐานอื่น ยืนยันความผิดฐานฆ่าบุพการีและผู้อื่น
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพโดยกระทำต่อหน้าสื่อมวลชนและชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ยากต่อการที่เจ้าพนักงานตำรวจจะข่มขู่หรือหลอกลวง ศ. ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ก็ได้ยินถ้อยคำที่จำเลยให้การรับสารภาพ ประกอบกับจำเลยเคยรับราชการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาเกือบ 20 ปี ย่อมทราบดีว่าข้อกล่าวหาฆ่าบุพการีมีโทษถึงประหารชีวิต คงไม่ยอมรับสารภาพหากมิได้กระทำความผิดจริง ทั้งในคำให้การรับสารภาพมีรายละเอียดต่าง ๆชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่จำเลยเชื่อว่าที่ ผ. มารดาจำเลยไม่ยอมให้ยืมเงินเป็นเพราะ ล. น้องสาวจำเลยซึ่งมีร่างกายไม่สมประกอบขัดขวาง จำเลยจึงตัดสินใจที่จะฆ่าโดยหลอก ล. ให้ช่วยขนของที่กองไว้หลังบ้าน ในขณะที่ ล. เดินไปหลังบ้านจำเลยก็ใช้ไม้เนื้อแข็งตีไปที่กกหูและศีรษะของ ล. อย่างแรง ผ. ซึ่งเดินตามหลังมาต่อว่าจำเลย จำเลยจึงใช้ไม้ดังกล่าวตีไปที่ใบหน้าของ ผ. หลายครั้ง จากนั้นจึงเดินทางหนีไปจังหวัดเชียงใหม่ เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ นอกจากนี้จำเลยยังรับสารภาพต่อ ย. บิดาจำเลยหลังเกิดเหตุประมาณ 7 วันว่าได้ฆ่าผู้ตายทั้งสองจริงเพราะน้อยใจ และยังปรากฏข้อเท็จจริงอีกว่าจำเลยไม่ไปร่วมงานศพเพิ่งไปในวันเผา ทั้งที่จำเลยทราบข่าวการตายตั้งแต่วันแรก อันถือเป็นข้อพิรุธเพราะจำเลยอาจเตรียมหาช่องทางในทางต่อสู้คดีได้ พฤติการณ์แวดล้อมดังกล่าวเมื่อฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ฟังได้มั่นคงว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายทั้งสองจริง ส่วนที่จำเลยอ้างฐานที่อยู่และส่งบัตรโดยสารเครื่องบินเป็นพยานนั้น ก็ปรากฏว่าบัตรดังกล่าวมีรอยลบเป็นพิรุธ และที่ ส. พยานจำเลยเบิกความว่าเป็นผู้เช่ารถยนต์ตู้ของจำเลยให้ไปส่งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันที่ 21พฤศจิกายน แต่ได้เลื่อนเป็นวันที่ 23 เดือนเดียวกัน ในวันที่ 21จึงให้จำเลยพาคณะไปเที่ยวภายในจังหวัดลำปางนั้น ก็ไม่อาจยืนยันว่าวันที่ 20 คืนเกิดเหตุจำเลยอยู่ ณ ที่ใด ทั้งระยะเวลาการเดินทางจากจังหวัดอ่างทองที่เกิดเหตุไปยังจังหวัดลำปางสามารถใช้เวลาเดินทางไปถึงได้ในคืนเดียว สำหรับใบเสร็จรับเงินของโรงแรมที่จำเลยส่งอ้างเพื่อแสดงว่าได้พักอยู่ในโรงแรมในคืนเกิดเหตุนั้นก็มีรอยเขียนทับวันที่ที่ออกใบเสร็จรับเงินจึงเป็นพิรุธเช่นกันพยานจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9865/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาด: ผลของกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขใหม่ และความสิ้นสุดของกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดอ้างว่าราคาไม่เหมาะสมเพราะราคาต่ำกว่าราคาประเมิน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่และมาตรา 309 ทวิ มีผลใช้บังคับแล้ว จึงต้องนำมาใช้กับกรณีนี้โดยไม่คำนึงว่าคดีนี้จะมีการฟ้องร้องต่อกันก่อนที่บทบัญญัติทั้งสองมาตราดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับแล้วหรือไม่เมื่อคำร้องดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องซึ่งมีผลเท่ากับยกคำร้องและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ย่อมเป็นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9578/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดค่าเสียหายขนส่งสินค้าและความถูกต้องของการกำหนดค่าทนายความ
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ขนส่งสินค้าประเภทน้ำยางดิบจำนวน4 ตู้คอนเทนเนอร์ จากท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย ไปส่งให้แก่ผู้ซื้อที่เมืองเซนต์ ชองประเทศแคนาดา โดยโจทก์รับทำการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ส่วนจำเลยผู้ส่งมีหน้าที่รับตู้คอนเทนเนอร์ไปบรรจุสินค้าน้ำยางดิบเข้าตู้เอง ขณะจำเลยส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่โจทก์ ตู้อยู่ในสภาพเรียบร้อยดี โจทก์จึงได้ออกใบตราส่งแบบปราศจากข้อสงวนให้แก่จำเลย เมื่อสินค้าไปถึงประเทศแคนาดา ระหว่างที่นำสินค้าทั้ง 4 ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นบรรทุกบนโครงรถไฟเพื่อนำไปส่งให้แก่ผู้ซื้อ ปรากฏว่ามีน้ำยางดิบไหลหยดออกมาจากใต้ตู้ เมื่อเปิดตู้ตรวจดูแล้วพบว่าถุงที่บรรจุน้ำยางฉีกขาดบริเวณปากถุง แต่ความเสียหายมิได้เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดของจำเลยผู้ส่งในการบรรจุน้ำยางดิบเข้าถุงและบรรจุถุงเข้าตู้คอนเทนเนอร์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยเป็นเงินเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรกำหนดใหม่ให้ถูกต้องได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 246 และ 142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8887/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีและหนี้เงินกู้อื่นโดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันและจำนอง จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ยังมิได้เบิกเงินเกินวงเงินที่ตกลงไว้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ผิดสัญญา แต่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 กู้เงินเพื่อชำระค่าเช่าที่ดินและขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก่บุคคลภายนอก จึงให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8694/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า: การพิจารณาความแตกต่างของเจตนาและกรรมเดียวความผิดหลายบท
เหตุที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพราะจำเลยขอคืนดี แต่ผู้ตายไม่ยอมคืนดีด้วย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 1 นัด เมื่อ ส. บิดาผู้ตายเข้ามาห้าม จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิง ส. อีก 1 นัด ดังนี้ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ส. ซึ่งเป็นการกระทำในครั้งหลังนี้เป็นเจตนาที่เพิ่งเกิดขึ้น ต่างไปจากเจตนาเดิมที่จำเลยยิงผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า ส. อีกกระทงหนึ่ง
เมื่อยิง ส. แล้ว จำเลยได้เข้าไปยิงผู้ตายซ้ำอีกซึ่งเป็นการยิงเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายจริงตามเจตนาที่มีมาตั้งแต่แรกซึ่งขณะนั้น ผ. ประคองผู้ตายอยู่ กระสุนปืนจึงไปถูกน่องของ ผ. ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยพลาดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,60 เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8604/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินไม่สมบูรณ์ สิทธิยังไม่โอน การครอบครองเพื่อชำระหนี้
ข้อความในสัญญาซื้อขายที่ดิน น.ส.3 ฉบับพิพาทแสดงให้เห็นว่าเป็นการแบ่งขาย มิใช่ขายทั้งแปลง และมิได้ระบุว่าแบ่งขายเนื้อที่เท่าใด ไม่ปรากฏว่าที่ดินที่ตกลงซื้อขายกันราคาไร่ละเท่าใด ไม่สามารถคำนวณเป็นเนื้อที่ได้ว่า ตกลงขายเนื้อที่เท่าใด คู่สัญญามิได้ตกลงส่งมอบที่ดินพิพาทกันในวันทำสัญญา แต่จะส่งมอบกันหลังจากทำสัญญาแล้ว 5 เดือนเศษ สัญญาดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อขาย มิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจึงยังมิได้โอนไปยังผู้จะซื้อตามสัญญาดังกล่าว
จำเลยมอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ยืม โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะครอบครองแทนจำเลยสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8148/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการลงโทษจำเลยในข้อหานำยาเสพติดเข้าประเทศ แม้จำเลยรับสารภาพ
โจทก์มีพยานขณะจับกุม 2 ปาก คือ ร้อยตำรวจเอก ส. และจ่าสิบตำรวจ ร. พยานทั้งสองเบิกความแต่เพียงว่าได้ทราบจากสายลับว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนจากหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย เพื่อนำไปส่งที่ภาคกลางเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเมทแอมเฟตามีนจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนั้น ตามบันทึกการจับกุมพยานทั้งสองจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลย เพียงว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยเพิ่งถูกตั้งข้อหาในชั้นสอบสวนว่าจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยอาศัยข้อเท็จจริงจากคำบอกเล่าของจำเลยในชั้นจับกุม โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดอีก คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมหรือชั้นสอบสวนเป็นเพียงพยานบอกเล่าเท่านั้นมีน้ำหนักน้อย ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะมีน้ำหนักรับฟังเพื่อลงโทษจำเลยได้ ทั้งการกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายมีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต แม้ในกรณีที่จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาล โจทก์ก็ยังต้องสืบพยานจนกว่าศาลจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธและโจทก์ไม่มีพยานแวดล้อมกรณีอื่น คงมีแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งยังมีข้อโต้เถียงว่าจำเลยได้ให้การด้วยความสมัครใจหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้าในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8088-8089/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับสิทธิเรียกร้องคดีอาญาจากการประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งเกี่ยวกับเช็ค
มูลหนี้ตามเช็คทั้งสองสำนวนนี้เป็นมูลหนี้รายเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่งและศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ไปแล้ว ย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ตามเช็คทั้งสองสำนวนนี้เป็นอันระงับไป โจทก์คงมีแต่สิทธิที่จะเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 เท่านั้น แม้จำเลยที่ 2จะมิได้ถูกฟ้องและยอมความในคดีแพ่งด้วยก็ตาม โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทได้อีก เพราะมูลหนี้ดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทเพียงฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7722/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและการรวมโทษกระทงอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลย 2 กระทง กระทงแรกจำคุกตลอดชีวิต กระทงที่สองจำคุก 1 ปี เมื่อความผิดกระทงแรกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว จึงไม่จำต้องนำโทษกระทงอื่นมาลงอีก แต่ตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) บัญญัติตอนท้ายไว้ความว่า เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งหมายความว่า หากกระทงหนึ่งกระทงใดมีโทษที่จะลงแก่จำเลยจริง ๆ เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ศาลลงโทษจำเลยได้เพียงจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น ความผิดกระทงแรกศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อลดโทษให้จำเลยแล้ว คงลงโทษจำคุก 33 ปี 4 เดือน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะนำเอาโทษจำคุกในความผิดกระทงที่สองมารวมอีกได้ ซึ่งเมื่อรวมกับโทษกระทงที่สองหลังจากลดโทษให้จำเลยจำคุก 8 เดือน รวมเป็นโทษจำคุก 33 ปี 12 เดือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7276/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในเช็ค: การบรรยายฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทำให้ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าเช่ารถยนต์เป็นการส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงในทางนำสืบปรากฏว่าเช็คดังกล่าว บริษัท ว. เป็นผู้ออกเพื่อชำระค่าเช่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย จำเลยลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทในฐานะกรรมการของบริษัท ว. เท่านั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาทเป็นการส่วนตัว อีกทั้งคำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยต้องร่วมรับผิดกับบริษัท ว. ฐานตัวการ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบกับมาตรา 225
of 17