พบผลลัพธ์ทั้งหมด 82 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการผูกพันเจ้าหนี้
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจให้ทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63 การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มจำเลยและการผูกพันตามการซื้อขายที่ปรากฏต่อหน้าคู่กรณี
การแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา179 จะต้องเป็นการแก้ไขข้อหา ข้ออ้างที่มีต่อจำเลยคือตัวบุคคลที่จะต้อง ระบุไว้แน่ชัดตามมาตรา 55, 67 โดยการเพิ่มหรือลดทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือสละข้อหาในฟ้องเดิม ประกอบด้วยมาตราบางข้อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ซ. เข้ามาเป็นจำเลยในภายหลังจึงเท่ากับเป็นการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยเพิ่มเข้ามาในคดีอีกคนหนึ่ง จึงมิใช่เป็นเรื่องขอแก้ไขคำฟ้องตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5)
แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5)
แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มจำเลยใหม่และการผูกพันตามการปฏิบัติจริงในการซื้อขาย
การแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา179 จะต้องเป็นการแก้ไขข้อหา ข้ออ้างที่มีต่อจำเลยคือตัวบุคคลที่จะต้อง ระบุไว้แน่ชัดตามมาตรา 55,67 โดยการเพิ่มหรือลดทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือสละข้อหาในฟ้องเดิม ประกอบด้วยมาตราบางข้อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ซ. เข้ามาเป็นจำเลยในภายหลังจึงเท่ากับเป็นการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยเพิ่มเข้ามาในคดีอีกคนหนึ่ง จึงมิใช่เป็นเรื่องขอแก้ไขคำฟ้องตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5) แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5) แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อชำระให้ผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ แม้จะถือใบเสร็จก็ตาม
การชำระหนี้จะต้องกระทำให้แก่ตัวเจ้าหนี้หรือบุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้ ท. เป็นเพียงพนักงานฝ่ายขายของโจทก์มีหน้าที่เพียงนำรถยนต์ที่จำเลยสั่งซื้อทะเบียนและเอกสารต่างๆ ไปส่งมอบให้แก่จำเลยเท่านั้นไม่มีหน้าที่เก็บเงินหรือรับชำระหนี้แทนโจทก์ท. จึงมิใช่ผู้ที่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ค่ารถยนต์ให้แก่ ท. จึงไม่ถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบภาพถ่ายจากต้นฉบับใบเสร็จรับเงินซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กองทะเบียนซึ่งท. นำไปขอเก็บเงินจากจำเลยก็มิใช่ใบเสร็จตามนัยของมาตรา 318จึงถือได้ว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ค่ารถยนต์แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ต้องกระทำแก่เจ้าหนี้หรือผู้มีอำนาจ การชำระให้พนักงานไม่มีผลผูกพัน
การชำระหนี้จะต้องกระทำให้แก่ตัวเจ้าหนี้หรือบุคคลผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้
ท. เป็นเพียงพนักงานฝ่ายขายของโจทก์ มีหน้าที่เพียงนำรถยนต์ที่จำเลยสั่งซื้อทะเบียนและเอกสารต่างๆ ไปส่งมอบให้แก่จำเลยเท่านั้นไม่มีหน้าที่เก็บเงินหรือรับชำระหนี้แทนโจทก์ท. จึงมิใช่ผู้ที่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ค่ารถยนต์ให้แก่ ท. จึงไม่ถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบ ภาพถ่ายจากต้นฉบับใบเสร็จรับเงินซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กองทะเบียนซึ่งท. นำไปขอเก็บเงินจากจำเลยก็มิใช่ใบเสร็จตามนัยของมาตรา 318 จึงถือได้ว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ค่ารถยนต์แก่โจทก์
ท. เป็นเพียงพนักงานฝ่ายขายของโจทก์ มีหน้าที่เพียงนำรถยนต์ที่จำเลยสั่งซื้อทะเบียนและเอกสารต่างๆ ไปส่งมอบให้แก่จำเลยเท่านั้นไม่มีหน้าที่เก็บเงินหรือรับชำระหนี้แทนโจทก์ท. จึงมิใช่ผู้ที่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์การที่จำเลยชำระหนี้ค่ารถยนต์ให้แก่ ท. จึงไม่ถือว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบ ภาพถ่ายจากต้นฉบับใบเสร็จรับเงินซึ่งเก็บรักษาไว้ที่กองทะเบียนซึ่งท. นำไปขอเก็บเงินจากจำเลยก็มิใช่ใบเสร็จตามนัยของมาตรา 318 จึงถือได้ว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ค่ารถยนต์แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความระมัดระวังของผู้ซื้อเช็คลดราคา การชำระหนี้ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิในการเรียกร้อง
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ค่าขายลดเช็คที่ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิของผู้ทรงเช็ค
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยบุคคลภายนอกและผลของการไม่มีหลักฐานการรับรองจากเจ้าหนี้
จำเลยเป็นลูกหนี้เงินกู้ของธนาคารโจทก์ การที่จำเลยนำสืบว่าผู้เช่าซื้อที่ดินจัดสรรจากจำเลย ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินแก่ธนาคารโจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้ธนาคารโจทก์นำเข้าบัญชีหักหนี้เงินกู้ดังกล่าวโดยมี ส. เจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์เป็นผู้รับเงินนั้นเท่ากับนำสืบว่าจำเลยให้บุคคลภายนอกชำระหนี้นั้นด้วยเงินแทนจำเลย เมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนธนาคารโจทก์มาแสดง หรือได้มีการคืนสัญญากู้หรือได้มีการแทงเพิกถอนสัญญากู้นั้นแล้ว ทั้งการรับเงินค่าเช่าซื้อที่ดินก็ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินมอบให้ ส. ไว้เพื่อเก็บเงินแทนจำเลยหาใช่เป็นใบเสร็จรับเงินของธนาคารโจทก์ไม่ ดังนี้ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง รับฟังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยบุคคลภายนอก - ข้อจำกัดการนำสืบ - ใบเสร็จรับเงิน
จำเลยเป็นลูกหนี้เงินกู้ของธนาคารโจทก์ การที่จำเลยนำสืบว่าผู้เช่าซื้อที่ดินจัดสรรจากจำเลย ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ดินแก่ธนาคารโจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ธนาคารโจทก์นำเข้าบัญชีหักหนี้เงินกู้ดังกล่าวโดยมี ส. เจ้าหน้าที่ธนาคารโจทก์เป็นผู้รับเงินนั้นเท่ากับนำสืบว่าจำเลยให้บุคคลภายนอกชำระหนี้นั้นด้วยเงินแทนจำเลย เมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนธนาคารโจทก์มาแสดง หรือได้มีการคืนสัญญากู้หรือได้มีการแทงเพิกถอนสัญญากู้นั้นแล้ว ทั้งการรับเงินค่าเช่าซื้อที่ดินก็ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินมอบให้ ส. ไว้เพื่อเก็บเงินแทนจำเลยหาใช่เป็นใบเสร็จรับเงินของธนาคารโจทก์ไม่ ดังนี้ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง รับฟังไม่ได้