คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จราจรทางบก ม. 21

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร 'หยุด' และการรับผิดของผู้เช่าซื้อรถ
เครื่องหมายจราจร "หยุด" ตามข้อกำหนดกรมตำรวจเรื่องสัญญาณจราจรฯ ข้อ 8(1) ที่ออกตามความในมาตรา 21 แห่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ระบุว่าหมายความว่ารถทุกชนิดต้องหยุดให้รถและคนเดินทางเท้าในทางขวางหน้าผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรที่บริเวณทางแยกนั้นแล้วจึงให้เคลื่อนรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง ดังนั้นเมื่อตรงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุในทางเดินรถของจำเลยที่ 1 มีเครื่องหมายจราจร"หยุด" ปักอยู่ข้างถนนแต่จำเลยที่ 1 ไม่หยุดรถยนต์เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยหรือหยุดรอให้ผู้ตายขับรถจักรยานยนต์มาในทางขวางหน้าที่ไม่มีเครื่องหมายจราจร "หยุด" ผ่านไปก่อน เมื่อรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถจักรยานยนต์คันที่ผู้ตายขับตรงบริเวณสี่แยกดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงเป็นฝ่ายประมาท พยานโจทก์อยู่ในวิสัยที่จะเบิกความระบุชื่อปรักปรำจำเลยทั้งสองได้ตั้งแต่ชั้นสอบสวนหรือในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นแต่พยานโจทก์เพียงเบิกความเป็นกลาง ๆ ว่าเห็นชาย 1 คนหญิง 1 คนลงจากรถยนต์คันเกิดเหตุหลบหนีไปย่อมบ่งชี้ให้เชื่อได้ว่าพยานโจทก์เบิกความด้วยความสัตย์จริงตามที่เห็นเหตุการณ์เมื่อนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุและจำเลยที่ 2 เคยมอบเงินจำนวน 1,000 บาท ให้แก่ ศ. มาแล้ว มีเหตุให้เชื่อได้ว่าชายคนที่ลงจากรถยนต์คันเกิดเหตุคือจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถฝ่าไฟแดงทำให้เกิดอุบัติเหตุและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
จำเลยที่ 2 ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยกเกษตรมุ่งหน้าไปทางลาดพร้าว เมื่อถึงสี่แยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก สัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง จำเลยที่ 2 ได้ขับรถเคลื่อนอย่างช้า ๆ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดงเข้าไปในสี่แยกจนเลยเส้นสีขาวที่กำหนดให้รถหยุดประมาณ 10 เมตรเกือบถึงกลางสี่แยก รถจำเลยที่ 2 จึงขวางทางรถจำเลยที่ 1 ซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วจากถนนรัชดาภิเษก ด้านถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าไปตามถนนรัชดาภิเษก เข้าไปในสี่แยก รถจำเลยที่ 1 ห้ามล้อและหักหลบเฉี่ยว ชนรถจำเลยที่ 2 แล้วเสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษก ด้านที่มาจากลาดพร้าว และชนผู้เสียหาย พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุโดยตรงทำให้รถจำเลยที่ 1 เฉี่ยวชนรถจำเลยที่ 2 และชนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและได้รับอันตรายสาหัส.