คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 672

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 85 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบเงินฝากเป็นประกันหนี้ ไม่ถือเป็นการจำนำเงินฝาก เจ้าหนี้มีประกันไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
เมื่อจำเลยฝากเงินไว้แก่ผู้ร้อง เงินที่ฝากย่อมตกเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องคงมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบจำนวน การที่จำเลยตกลงมอบเงินฝากพร้อมสมุดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ผู้ร้อง ก็เพียงเพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยจะพึงมีต่อผู้ร้องเท่านั้น แม้ในหนังสือยินยอมมอบเงินฝากเป็นประกันจะมีข้อความระบุไว้ว่า เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ การที่จำเลยให้ผู้ร้องมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยและจำเลยจะไม่ถอนเงินฝากจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนนั้น เป็นเรื่องความตกลงในการฝากเงินเพื่อเป็นประกันนั้นเอง หาทำให้ตัวเงินตามจำนวนในบัญชีเงินฝากยังคงเป็นของจำเลยอันผู้ร้องได้ยึดไว้เป็นประกันการชำระหนี้ไม่ ความตกลงดังกล่าวจึงไม่เป็นการจำนำเงินฝากผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2611/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฝากเงินเพื่อเป็นประกันหนี้ ไม่ถือเป็นการจำนำ แม้มีข้อตกลงให้หักเงินจากบัญชี
เมื่อจำเลยฝากเงินไว้แก่ผู้ร้อง เงินที่ฝากย่อมตกเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องคงมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้ครบจำนวน การที่จำเลยตกลงมอบเงินฝากพร้อมสมุดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ผู้ร้อง ก็เพียงเพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยจะพึงมีต่อผู้ร้องเท่านั้น แม้ในหนังสือยินยอมมอบเงินฝากเป็นประกันจะมีข้อความระบุไว้ว่า เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ การที่จำเลยให้ผู้ร้องมีอำนาจหักเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยและจำเลยจะไม่ถอนเงินฝากจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้โดยครบถ้วนนั้น เป็นเรื่องความตกลงในการฝากเงินเพื่อเป็นประกันนั้นเอง หาทำให้ตัวเงินตามจำนวนในบัญชีเงินฝากยังคงเป็นของจำเลยอันผู้ร้องได้ยึดไว้เป็นประกันการชำระหนี้ไม่ ความตกลงดังกล่าวจึงไม่เป็นการจำนำเงินฝากผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2611/2522).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารประมาทเลินเล่อจ่ายเงินจากบัญชีโดยไม่ตรวจสอบลายมือชื่อและไม่มีใบมอบฉันทะ
โจทก์เป็นลูกค้าโดยเปิดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ธนาคารจำเลย ที่ 2 การที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 ถอนเงินไปจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่มีใบมอบฉันทะของโจทก์มาแสดง และลายมือชื่อในช่องผู้ถอนเงินและด้านหลังใบถอนเงินไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์อันแท้จริงโดยไม่ได้ความชัดว่าได้มีการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินที่ทำมาผิดระเบียบเปรียบเทียบกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์หรือไม่ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อโดยไม่ใช้ความระมัดระวังและฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการธนาคารอันเป็นอาชีวะของตน จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารประมาทเลินเล่อจ่ายเงินจากบัญชีลูกค้าโดยไม่มีใบมอบฉันทะและลายมือชื่อไม่ตรง
โจทก์เป็นลูกค้าโดยเปิดบัญชีเงินฝากประจำไว้แก่ธนาคารจำเลย ที่ 2 การที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 ถอนเงินไปจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ไม่มีใบมอบฉันทะของโจทก์มาแสดง และลายมือชื่อในช่องผู้ถอนเงินและด้านหลังใบถอนเงินไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์อันแท้จริง โดยไม่ได้ความชัดว่าได้มีการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อโจทก์ในใบถอนเงินที่ทำมาผิดระเบียบเปรียบเทียบกับตัวอย่างลายมือชื่อของโจทก์หรือไม่ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อโดยไม่ใช้ความระมัดระวังและฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการธนาคารอันเป็นอาชีวะของตน จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในบัญชีเงินฝาก: เงินฝากเป็นของใคร, อำนาจทำสัญญาค้ำประกัน, สิทธิเรียกร้องเงินคืน
ชื่อเจ้าของบัญชีและเงินตามสมุดคู่ฝากเป็นของ ว. มารดาโจทก์ ว. นำเงินดังกล่าวไปทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้ของ อ. ในวันเดียวกับที่เปิดบัญชีเงินฝาก จึงมีอำนาจกระทำได้โดยชอบ ละ ว. ต้องผูกพันตามสัญญาดังกล่าว แม้ ว. จะยอมให้โจทก์มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากตามสมุดคู่ฝากร่วมด้วยในภายหลังก็ตามเมื่อ อ. ยังไม่ได้ชำระเงินกู้ให้ธนาคารจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินในบัญชีเงินฝากตามสมุดคู่ฝากแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลาย แม้หนี้ไม่มีวัตถุเดียวกันหรือเงื่อนไขเวลาต่างกัน ก็ทำได้หากแสดงเจตนา
การหักกลบลบหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิธีจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 102 ให้กระทำได้แม้มูลแห่งหนี้ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีวัตถุอย่างเดียวกัน หรืออยู่ในเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาก็ตาม
ธนาคารผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิขอรับชำระหนี้และมีหน้าที่จะต้องคืนเงินที่รับฝากแก่จำเลย จึงมีสิทธิหักกลบลบหนี้ โดยแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา 102 ได้ แม้จะไม่ได้แสดงเจตนาต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 ก็ตาม เพราะกรณีมิใช่ธนาคารผู้ร้องร้องขอรับชำระหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3356/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลาย แม้มีวัตถุต่างกัน หรือพ้นกำหนดเวลาแสดงเจตนา
การหักกลบลบหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิธีจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ ซึ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 102 ให้กระทำได้แม้มูลแห่งหนี้ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีวัตถุอย่างเดียวกัน หรืออยู่ในเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาก็ตาม
ธนาคารผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิขอรับชำระหนี้และมีหน้าที่จะต้องคืนเงินที่รับฝากแก่จำเลย จึงมีสิทธิหักกลบลบหนี้ โดยแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา 102 ได้ แม้จะไม่ได้แสดงเจตนาต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 ก็ตาม เพราะกรณีมิใช่ธนาคารผู้ร้องร้องขอรับชำระหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947-1950/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักโอนเงินจากบัญชีต้องมีหลักฐานชัดเจน การโอนทางโทรศัพท์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การโอนสิทธิเรียกร้องของผู้ฝากเงินไว้แก่ธนาคารให้แก่บุคคลอื่นในลักษณะการโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้โดยเฉพาะเจาะจง จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 306 กล่าวคือ ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนมิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ หากเป็นในลักษณะการโอนหนี้อันพึงต้องชำระตามเขาสั่งผู้ฝากเงินก็ต้องปฏิบัติด้วยการออกเช็คสั่งให้ธนาคารใช้เงินและส่งมอบเช็คนั้นให้แก่ผู้รับโอนไปเบิกเงินจากธนาคาร การที่ธนาคารหักโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของผู้ฝากเงินไป โดยผู้ฝากเงินมิได้ออกเช็คสั่งจ่ายให้ธนาคารใช้เงิน หรือทำหนังสือโอนหนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ย่อมไม่เป็นเหตุให้สิทธิเรียกร้องของผู้ฝากเงินในหนี้เงินฝากต้องระงับสิ้นไป เพราะตามคำขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันมีข้อความระบุเงื่อนไขในการสั่งจ่ายและถอนเงินไว้ว่า เมื่อผู้ฝากเงินจะสั่งจ่ายหรือถอนเงิน ให้ใช้เช็คซึ่งธนาคารมอบให้ใช้สำหรับแต่ละบัญชีโดยเฉพาะ จะเขียนสั่งในกระดาษหรือแบบพิมพ์อย่างอื่นไม่ได้เว้นแต่ธนาคารจะตกลงยินยอมด้วย การหักโอนเงินจากบัญชีเงินฝากก็ไม่แตกต่างอะไรกับการถอนเงิน
การสั่งโอนเงินฝากทางโทรศัพท์จะใช้ได้แต่เฉพาะกรณีที่ผู้ฝากคนเดียวมีบัญชีเงินฝากอยู่หลายบัญชีและสั่งโอนเงินฝากจากบัญชีหนึ่งไปเข้าอีกบัญชีหนึ่งซึ่งมิใช่เป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง แต่การโอนเงินฝากจากบัญชีของคนหนึ่งไปเข้าบัญชีของอีกคนหนึ่งนั้น เป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ธนาคารจะอ้างประเพณีมาลบล้างกฎหมายไม่ได้ แม้เจ้าของบัญชีเงินฝากกับผู้รับโอนจะมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้ถือหุ้นหรือร่วมอยู่ในเครือเดียวกัน แต่จำเลยก็เป็นห้างหุ้นส่วนบริษัทนิติบุคคล ย่อมมีฐานะต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น บัญชีเงินฝากของจำเลยกับของผู้รับโอนจึงมิใช่บัญชีของบุคคลคนเดียวกัน ธนาคารโจทก์จึงหักโอนเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 1 ที่ 4 และ ที่ 5โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการและผู้บังคับบัญชาในสวัสดิการเงินกู้ที่ไม่ได้จดทะเบียน
สโมสรนายทหารกองรบพิเศษ (พลร่ม) ที่ 1 ตั้งสวัสดิการเงินกู้ขึ้น ดำเนินงานโดยคณะกรรมการซึ่งผู้บังคับการเป็นผู้แต่งตั้งตามตำแหน่งงานของหน่วย ผลัดเปลี่ยนกันไปโดยอยู่ในความควบคุมดูแลของผู้บังคับการ ทุนของสวัสดิการเงินกู้ได้มาจากเงินของหน่วยงานกับเงินของข้าราชการที่เป็นสมาชิกสโมสรนำมาฝาก ปี พ.ศ.2514 จำเลยที่ 1 มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองรบพิเศษฯ แห่งนี้ ได้เป็นประธานกรรมการสวัสดิการเงินกู้โดยตำแหน่ง ครั้นปี พ.ศ.2516 จำเลยที่ 1 ไปราชการ ได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นรองผู้บังคับการเป็นประธานกรรมการ จำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นกรรมการ และจำเลยที่ 5 คงเป็นกรรมการและผู้จัดการตาม เดิมต่อไป โจทก์นำเงินเข้าฝากไว้ในสวัสดิการเงินกู้เป็นจำนวน 230,000 บาทสวัสดิการเงินกู้ไม่จ่ายเงินปันผลให้โจทก์ โจทก์จึงเรียกเงินฝากคืนพร้อมทั้งเงินปันผล เช่นนี้ สวัสดิการเงินกู้นี้มิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล การดำเนินงานทั้งหลายจึงอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการผู้ได้รับแต่งตั้งดังปรากฏตามระเบียบว่าด้วยเงินกู้ แม้คณะกรรมการนี้จะมีการแต่งตั้งเปลี่ยนกันไปหลายครั้งตามตำแหน่งนับแต่เริ่มตั้งสวัสดิการเงินกู้จนปัจจุบัน ก็ต้องถือว่าคณะกรรมการใหม่ยอมรับมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ตลอดจนความรับผิดจากคณะกรรมการชุดเดิมที่ดำเนินการสวัสดิการเงินกู้ไว้ จะยกข้ออ้างว่าตนเป็นกรรมการโดยตำแหน่งและไม่ได้รับมอบหมายการงานหาได้ไม่ จำเลยที่ 5 รับเงินจากโจทก์ไว้ในนามของคณะกรรมการซึ่งกรรมการอื่นต้องร่วมรับผิดในเงินฝากของโจทก์ด้วยและเป็นนิติสัมพันธ์ทางสัญญาตามกฎหมาย ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 พ้นจากตำแหน่งกรรมการสวัสดิการเงินกู้ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น ไม่เป็นผลลบล้างอำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่เดิมให้หมดไป สำหรับจำเลยที่ 1 นั้นเมื่อจำเลยที่ 1 เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้บังคับการ จำเลยที่ 1 ก็เข้าเป็นประธานกรรมการดำเนินการสวัสดิการเงินกู้ต่อมา แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะไปราชการและแต่งตั้งคณะกรรมการสวัสดิการเงินกู้ขึ้นใหม่คือ จำเลยที่ 2 ถึงที่5แต่คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งนี้ยังคงอยู่ในความควบคุมดูแลรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 เช่นเดิม จำเลยที่1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ต่อบุคคลภายนอกเช่นโจทก์ผู้ได้รับความเสียหายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1751/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการและผู้บังคับบัญชาต่อเงินฝากในสวัสดิการเงินกู้ที่ไม่จดทะเบียน
สโมสรนายทหารกองรบพิเศษ (พลร่ม) ที่ 1 ตั้งสวัสดิการเงินกู้ขึ้น ดำเนินงานโดยคณะกรรมการซึ่งผู้บังคับการเป็นผู้แต่งตั้งตามตำแหน่งของหน่วย ผลัดเปลี่ยนกันไปโดยอยู่ในความควบคุมดูแลของผู้บังคับการ ทุนของสวัสดิการเงินกู้ได้มาจากเงินของหน่วยงานกับเงินของข้าราชการที่เป็นสมาชิกสโมสรนำมาฝาก ปี พ.ศ. 2514 จำเลยที่ 1 มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองรบพิเศษฯ แห่งนี้ ได้เป็นประธาน กรรมการสวัสดิการ เงินกู้โดยรองผู้บังคับการเป็นประธานกรรมการ จำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นกรรมการ และจำเลยที่ 4 คงเป็นกรรมการและผู้จัดการตามเดิมต่อไป โจทก์นำเงินเข้าฝากไว้ในสวัสดิการเงินกู้เป็นจำนวน 230,000 บาท สวัสดิการเงินกู้ไม่จ่ายเงินปันผลให้โจทก์ โจทก์จึงเรียกเงินฝากคืนพร้อมทั้งเงินปันผล เช่นนี้ สวัสดิการเงินกู้มิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล การดำเนินงานทั้งหลายจึงอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการผู้ได้แต่งตั้งดังปรากฏตามระเบียบว่าด้วยเงินกู้ แม้คณะกรรมการนี้จะมีการแต่งตั้งเปลี่ยนกันไปหลายครั้งตามตำแหน่งนับแต่เริ่มตั้งสวัสดิการเงินกู้จนถึงปัจจุบัน ก็ต้องถือว่าคณะกรรมการใหม่ยอมรับมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ตลอดจนความรับผิดจากคณะกรรมการชุดเดิมที่ดำเนินการสวัสดิการเงินกู้ไว้ จะยกข้ออ้างว่าตนเป็นกรรมการโดยตำแหน่งและไม่ได้รับมอบหมายการงานหาได้ไม่ จำเลยที่ 5 รับเงินจากโจทก์ไว้ในนามของคณะกรรมการ ซึ่งกรรมการอื่นต้องร่วมรับผิดในเงินฝากของโจทก์ด้วย และเป็นนิติสัมพันธ์ ทางสัญญาตามกฎหมาย ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 พ้นจากตำแหน่งกรรมการสวัสดิการ เงินกู้ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น ไม่เป็นผลลบล้างอำนาจฟ้องของโจทก์ที่มีอยู่เดิม ให้หมดไป สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาการ จำเลยที่ 1 ก็เข้าเป็นประธานกรรมการดำเนินการสวัสดิการเงินกู้ต่อมา แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะไปราชการและแต่งตั้งคณะกรรมการสวัสดิการเงินกู้ขึ้นใหม่คือ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 แต่คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งยังคงอยู่ในความควบคุมดูแลรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 เช่นเดิม จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ต่อบุคคลภายนอก เช่นโจทก์ ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
of 9