คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ม. 30

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6196/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางาน: แม้มีการดำเนินการบางส่วน แต่เจตนาหลอกลวงเพื่อรับเงินชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องในฐานความผิดฉ้อโกงมีใจความว่าจำเลยกับพวกรับสมัครคนหางานเพื่อส่งไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน หากบุคคลใดต้องการไปทำงาน และเมื่อเสียค่าบริการให้แก่จำเลยกับพวกแล้วจำเลยกับพวกจะส่งบุคคลนั้นไปทำงานยังประเทศไต้หวันตามที่ต้องการซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงจำเลยกับพวก มิได้รับอนุญาตให้จัดหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จำเลยกับพวกไม่มีความสามารถจัดส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน และไม่มีเจตนาที่จะส่งคนงานไปทำงานที่ประเทศไต้หวันดังที่จำเลยกับพวกกล่าวอ้าง เช่นนี้คำฟ้องของโจทก์ได้ความโดยชัดแจ้งว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่โจทก์ร่วมกับผู้เสียหาย จำเลยหลอกลวงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายว่าจะส่งโจทก์ร่วมและผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศไต้หวันก็เพื่อที่จะได้รับเงินค่าบริการจากโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30 วรรคแรก จำเลยเป็นผู้ชักชวนโจทก์ร่วมและผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน โดยอ้างว่าเคยส่งคนไปทำงานมาแล้ว และเรียกค่าบริการจากโจทก์ร่วมและผู้เสียหาย จำเลยรับเงินจากโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้โจทก์ร่วมและผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานตามที่จำเลยพูดรับรองไว้ ทั้งไม่ยอมคืนเงินให้แก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยร่วมหลอกลวงโจทก์ร่วมและผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ.มาตรา 341.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงจัดหางานต่างประเทศเพื่อเอาทรัพย์สิน ไม่เป็นความผิด พ.ร.บ. จัดหางานฯ หากเจตนาคือฉ้อโกง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่าจำเลยสามารถจัดหาคนไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ได้ มีงานให้ทำจำนวนมาก รายได้และสวัสดิการดี หากประสงค์จะไปทำงานจะต้องเสียค่าบริการแก่จำเลยคนละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะความจริงแล้วจำเลยไม่สามารถจัดหางานให้แก่คนงานในต่างประเทศได้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงมอบเงินให้จำเลยไป และจำเลยไม่สามารถจัดหางานให้ผู้เสียหายทำได้ เป็นคำฟ้องที่แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะจัดหางานให้ผู้เสียหาย เพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน: การกระทำของจำเลยที่ช่วยให้ผู้เสียหายเชื่อถือคำหลอกลวงของสามี
สามีจำเลยได้ประกาศชักชวนหลอกลวงประชาชนในหมู่บ้านว่าสามารถจัดหางานให้ไปทำที่ประเทศสิงค์โปร์ได้ เมื่อผู้เสียหายมอบเงินให้สามีจำเลย จำเลยก็นั่งอยู่ด้วย สามีจำเลยรับเงินจากผู้เสียหายแล้วส่งให้จำเลย จำเลยรับเงินไว้และพูดว่าหากไม่ได้ไปจะคืนเงินให้แสดงว่าจำเลยรู้ว่าความจริงสามีจำเลยไม่สามารถพาพวกผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศได้ การที่จำเลยรับเงินและพูดดังกล่าวจึงเป็นการพูดสนับสนุนให้พวกผู้เสียหายเชื่อในคำชักชวนของสามีจำเลยยิ่งขึ้นอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะที่สามีจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จึงมีความผิดฐานสนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงและการจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต: การพิจารณาความผิดกระทงเดียว
การที่ นายสิงห์พวกของจำเลยเข้าไปหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสี่ขณะอยู่ในร้านค้าของนายสว่างในคราวเดียวกัน เป็นกรณีที่จำเลยร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกระทงเดียว โจทก์บรรยายฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง มีใจความว่าจำเลยกับพวกทำอุบายร่วมกันจัดตั้งสำนักจัดหางานขึ้น ชื่อบริษัทเขลวงค์หรือเขลางค์ จำกัด ดำเนินธุรกิจติดต่อ และจัดหางานเพื่อส่งไปทำงานต่างประเทศโดยเฉพาะ ความจริงแล้วจำเลยกับพวกมิได้จัดตั้งบริษัทดังกล่าวขึ้น และไม่เคยติดต่องานในต่างประเทศเพื่อจัดส่งคนงานไปทำงานแต่อย่างใด จำเลยกับพวกเพียงกล่าวอ้างขึ้นหลอกประชาชนเท่านั้น เช่นนี้คำฟ้องของโจทก์ได้ความโดยชัดแจ้งว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายทั้งสี่ จำเลยกับพวกกล่าวอ้างการจัดตั้งบริษัทจัดหางานขึ้นเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสี่โดยหวังจะได้ค่าบริการจากผู้เสียหายทั้งสี่เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาจัดหางานหรือไม่: ศาลฎีกาชี้ขาดคดีฉ้อโกงหลอกลวงจัดหางานต่างประเทศ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจัดหางานให้ผู้เสียหายซึ่ง เป็นคนหางานไปทำงานในประเทศ สิงคโปร์ โดย เรียกและรับค่าบริการ แต่ ในความผิดฐาน ฉ้อโกงโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองโดย ทุจริตร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วย การแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่ง ควรบอกให้แจ้งว่ามีงานให้ทำและจำเลยทั้งสองจะจัดให้ผู้เสียหายทำงานที่ประเทศ สิงคโปร์ อันเป็นความเท็จ ซึ่ง ความจริงแล้วไม่มีงานให้ทำ จำเลยไม่มีเจตนาและไม่สามารถที่จะส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศ สิงคโปร์ ได้ เพราะจำเลยทั้งสองมิได้รับอนุญาตให้จัดหางานเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยทั้งสองมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายแต่ อย่างใดจำเลยทั้งสองเพียงแต่อ้างการจัดหางานเพื่อให้ได้ เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐาน จัดหางานโดย มิได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528ดัง โจทก์ฟ้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าวศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ เอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจัดหางานต่างประเทศ: จำเลยชักจูงผู้เสียหายรับเงิน แต่ไม่ได้จัดหางานจริง มีความผิดทั้งฉ้อโกงและประกอบธุรกิจจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยเป็นผู้ติดต่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศ และรับเงินบางส่วนจากผู้เสียหายไว้ ทั้งยังเป็นผู้เขียนแผนที่ให้ผู้เสียหายเดินทางไปหาพวกจำเลยที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เดินทางไปทำงาน จำเลยก็เป็นผู้ติดต่อกับพวกจำเลยเพื่อให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะที่แบ่งแยกหน้าที่กันทำในระหว่างจำเลยกับพวกหาใช่เป็นแต่เพียงผู้แนะนำให้ผู้ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศติดต่อกับผู้ที่จะจัดส่งเองโดยตรงเท่านั้นไม่ และการที่จำเลยกับพวกรับเงินผู้เสียหายไปแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้เสียหายได้เดินทางไปทำงานตามที่จำเลยกับพวกพูดรับรองไว้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกไม่มีเจตนาที่จะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.
จำเลยกับพวกเคยส่งบุคคลอื่นไปไต้หวันโดยให้ถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยวแล้วมีนายจ้างมาคัดเลือกไปทำงานเมื่อไปถึง โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จัดหางานจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจ จัดหางานให้แก่คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 814/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องและการลงโทษจำเลยตามจำนวนผู้เสียหาย
เมื่อตาม คำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นแต่ละกรรมแยกตาม จำนวนผู้เสียหายนอกเหนือไปจากคำฟ้องหาได้ไม่.
of 2