พบผลลัพธ์ทั้งหมด 65 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2547 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกายไม่สำคัญ หากผลของการกระทำทำให้เกิดอันตรายสาหัส จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา 297
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำ โดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลถึงอันตรายสาหัสนั้น ดังนั้น แม้จำเลยจะทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาทำให้แท้งลูกก็ตาม เมื่อผลจากการทำร้ายนั้นทำให้ผู้เสียหายต้องแท้งลูกแล้ว จำเลยต้องมีความผิดตามมาตรา 297 (5) ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายสมัครใจทะเลาะวิวาทกับจำเลยนั้นเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาข้อนี้ขึ้นมา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทค่าเสียหายจากการทำทองรูปพรรณชำรุด ผู้ประกอบการยึดหนี้เพื่อเจรจาต่อรอง ไม่ถือเป็นการยักยอก
ผู้เสียหายว่าจ้างจำเลยซึ่งเปิดร้านรับจ้างทำทองคำรูปพรรณ โดยนำพระแก้วสีเหลืองพร้อมตลับพระทองคำมาให้ทำกระจกปิดด้านหน้าและด้านหลังตลับพระทองคำ แต่จำเลยทำเศียรพระแก้วสีเหลืองบิ่น จึงตกลงจะใช้ค่าเสียหายด้วยการเลี่ยมพระองค์อื่นให้ ซึ่งผู้เสียหายได้นำพระองค์อื่นมาให้เลี่ยมอีก 2 องค์ จำเลยเลี่ยมพระให้ผู้เสียหายเป็นค่าเสียหายไปแล้ว 1 องค์ ภายหลังจำเลยเห็นว่าค่าเสียหายสูงไปต้องการตกลงค่าเสียหายกันใหม่ด้วยการยึดหน่วงตลับพระทองคำพิพาทไว้เพื่อหักหนี้กับค่าเลี่ยมพระองค์ที่ 2 ดังนี้แสดงว่าจำเลยมีเพียงเจตนายึดหน่วงตลับพระทองคำพิพาทไว้เพื่อเจรจาต่อรองกันใหม่เกี่ยวกับค่าเสียหายที่เศียรพระแก้วสีเหลืองบิ่น หาได้มีเจตนาจะเบียดบังไว้เป็นของตนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1132/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันมีอาวุธปืนเถื่อน การกระทำผิดเชื่อมโยงถึงเจตนาและความร่วมมือ
พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 2 เข้าไปในป่าโดยมีอาวุธปืนยาวคาร์ไบน์และเครื่องกระสุนของกลางมาด้วย และร้อยตำรวจเอก ธ. กับพวกจับกุมจำเลยทั้งสองได้ที่ห้างนาที่เกิดเหตุในขณะที่จำเลยที่ 1 ถืออาวุธปืนยาวคาร์ไบน์ของกลางอยู่ แม้ขณะเข้าจับกุม จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้ถืออาวุธปืนยาวคาร์ไบน์ของกลางก็ตาม แต่จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะของจำเลยที่ 2 มายังที่เกิดเหตุด้วยกันโดยมีอาวุธปืนยาวคาร์ไบน์ของกลางติดมาในรถยนต์กระบะด้วย ทั้งการงานที่จำเลยทั้งสองมาทำในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุก็เป็นการงานของจำเลยที่ 2 เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนยาวคาร์ไบน์ของกลางมาเพื่อใช้ในกิจการงานของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกันกับจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนยาวคาร์ไบน์และเครื่องกระสุนปืนของกลางซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3688/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด การกระทำต่อเนื่องและไม่มีเหตุป้องกัน
จำเลยใช้มีดยาวทั้งด้ามรวม 8 นิ้วแทงผู้เสียหายหลายครั้ง โดยเฉพาะบาดแผลที่ท้องซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้กระเพาะอาหารและตับ ฉีกขาด จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำว่าจะเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ทั้งจำเลยได้กระทำผิด ไปโดยตลอดแล้ว การที่จำเลยไม่แทงผู้เสียหายซ้ำอีกและช่วยพาผู้เสียหายลงจากตึกที่เกิดเหตุไปรักษาพยาบาล ไม่ใช่เป็นการยับยั้งไม่กระทำการให้ตลอดหรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำบรรลุผลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82 จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายผู้เสียหายก่อนและเป็นการสมัครใจต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกัน จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำโดยบันดาลโทสะไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4428/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุ 4 ปีเศษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่ถึงขั้นพยายามข่มขืนกระทำชำเรา
จำเลยมิได้เอาอวัยวะเพศของจำเลยดันที่ปากช่องคลอดของผู้เสียหายเพื่อสอดใส่เข้าไปเพราะถ้าจำเลยเอาอวัยวะเพศของจำเลยดันที่ปากช่องคลอดของผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง4ปีเศษช่องคลอดของผู้เสียหายจะต้องฉีกขาดหรือช้ำบวมมากจำเลยเพียงใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถบริเวณอวัยวะเพศของผู้เสียหายทำให้เกิดรอยช้ำแดงที่บริเวณด้านนอกของปากช่องคลอดและไม่มีรอยถลอกจำเลยไม่มีเจตนาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคงมีเจตนาเพียงกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา279วรรคสองเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา277วรรคสอง,80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4428/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารเด็กโดยไม่สอดใส่ ช่องคลอดไม่ฉีกขาด ไม่ถึงขั้นข่มขืน
จำเลยมิได้เอาอวัยวะเพศของจำเลยดันที่ปากช่องคลอดของผู้เสียหายเพื่อสอดใส่เข้าไป เพราะถ้าจำเลยเอาอวัยวะเพศของจำเลยดันที่ปากช่องคลอดของผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง 4 ปีเศษ ช่องคลอดของผู้เสียหายจะต้องฉีกขาดหรือช้ำบวมมาก จำเลยเพียงใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถบริเวณอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ทำให้เกิดรอยช้ำแดงที่บริเวณด้านนอกของปากช่องคลอดและไม่มีรอยถลอก จำเลยไม่มีเจตนาข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย คงมีเจตนาเพียงกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 279 วรรคสอง เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราตาม ป.อ. มาตรา 277วรรคสอง, 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิพากษาว่าเป็นการฆ่าคนโดยไม่เจตนา
ขณะที่ผู้ตายเดินไปที่หัวเรือเพื่อจะขึ้นท่าถูกจำเลยซึ่งยืนอยู่ที่ท่าชกถูกที่ใบหน้า1ทีจากนั้นทั้งผู้ตายและจำเลยตกลงไปในน้ำทั้งคู่และต่างได้ชกกันในน้ำต่อไปประมาณ4ถึง5นาทีจึงได้เลิกกันผู้ตายถูกกระแสน้ำพัดไปติดหลักไม้ไผ่ใกล้ที่เกิดเหตุมีคนช่วยนำผู้ตายขึ้นจากน้ำและหมดสติไปและถึงแก่ความตายเพราะขาดอากาศหายใจในเวลาต่อมาเห็นว่าถ้าหากจำเลยไม่ชกผู้ตายและเมื่อผู้ตายและจำเลยตกลงไปในน้ำแล้วไม่มีการทำร้ายกันต่อไปอีกผู้ตายคงไม่ถึงแก่ความตายเพราะขาดอากาศหายใจการตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยจำเลยย่อมผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1748/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยของแข็ง: การทุ่มแผ่นซีเมนต์จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยถีบผู้ตายตกลงไปในแม่น้ำแล้วใช้แผ่นซีเมนต์ ยาว 1 ฟุตกว้าง 10 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ทุ่มลงไปบนศีรษะผู้ตายในระยะใกล้ในขณะที่ผู้ตายกำลังจะปีนขึ้นมาบนฝั่ง แผ่นซีเมนต์ถูกศีรษะผู้ตายอย่างแรง เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บถึงหมดสติจมน้ำตาย แม้บาดแผลภายนอกจะเป็นแผลถลอกที่ศีรษะและแพทย์ให้ความเห็นว่า ผู้ตายจมน้ำตายก็ตาม แต่การตายเกิดจากการทำร้ายของจำเลยโดยตรงแผ่นซีเมนต์มีขนาดใหญ่และแข็งมาก จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า การทุ่มแผ่นซีเมนต์ดังกล่าวลงไปบนศีรษะจะทำให้ผู้ตายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บและตายได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือรักษาทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ไม่ใช่มีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้ตั๋วเครื่องบินปลอมและฉ้อโกงสายการบิน
ตั๋วเครื่องบินที่มีมูลค่าหรือราคาใช้ตามที่ปรากฏในตั๋วเป็นตั๋วที่ผู้มีชื่อในตั๋วมีสิทธิที่จะใช้โดยสารเครื่องบินของสายการบินที่ปรากฏในตั๋ว ตั๋วเครื่องบินจึงเป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อซึ่งสิทธิตาม ป.อ. มาตรา 1 (9) เป็นเอกสารสิทธิ
จำเลยปลอมตั๋วเครื่องบินจำนวน 30 ฉบับ ตั๋วเครื่องบินปลอมทั้ง 30 ฉบับนี้ ผู้มีชื่อในตั๋วได้นำไปใช้แล้ว แสดงว่าจำเลยได้มอบตั๋วเครื่องบินทั้งหมดให้แก่ผู้มีชื่อในตั๋ว หรือมอบให้แก่ผู้อื่นซึ่งจะนำไปมอบให้แก่ผู้มีชื่อในตั๋ว การมอบตั๋วเครื่องบินปลอมให้แก่บุคคลดังกล่าว จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้มีชื่อในตั๋วต้องนำตั๋วไปใช้ในการเดินทาง และปรากฏว่าตั๋วเครื่องบินปลอมทั้งหมดได้ถูกนำไปใช้ในการเดินทางแล้ว ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการใช้ตั๋วเครื่องบินปลอม
การที่จำเลยปลอมตั๋วเครื่องบิน จำเลยมีเจตนาที่จะให้ผู้มีชื่อในตั๋วได้เดินทางโดยสายการบินที่ปรากฏในตั๋วหรือสายการบินอื่น โดยจำเลยหรือผู้ที่มีชื่อในตั๋วไม่ต้องจ่ายเงินแก่สายการบินนั้น เป็นเจตนาทุจริตหลอกลวงว่าตั๋วนั้นชำระราคาแล้ว อันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงมิได้ชำระ ทำให้สายการบินเสียหายจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงด้วย
จำเลยปลอมตั๋วเครื่องบินจำนวน 30 ฉบับ ตั๋วเครื่องบินปลอมทั้ง 30 ฉบับนี้ ผู้มีชื่อในตั๋วได้นำไปใช้แล้ว แสดงว่าจำเลยได้มอบตั๋วเครื่องบินทั้งหมดให้แก่ผู้มีชื่อในตั๋ว หรือมอบให้แก่ผู้อื่นซึ่งจะนำไปมอบให้แก่ผู้มีชื่อในตั๋ว การมอบตั๋วเครื่องบินปลอมให้แก่บุคคลดังกล่าว จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้มีชื่อในตั๋วต้องนำตั๋วไปใช้ในการเดินทาง และปรากฏว่าตั๋วเครื่องบินปลอมทั้งหมดได้ถูกนำไปใช้ในการเดินทางแล้ว ดังนั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการใช้ตั๋วเครื่องบินปลอม
การที่จำเลยปลอมตั๋วเครื่องบิน จำเลยมีเจตนาที่จะให้ผู้มีชื่อในตั๋วได้เดินทางโดยสายการบินที่ปรากฏในตั๋วหรือสายการบินอื่น โดยจำเลยหรือผู้ที่มีชื่อในตั๋วไม่ต้องจ่ายเงินแก่สายการบินนั้น เป็นเจตนาทุจริตหลอกลวงว่าตั๋วนั้นชำระราคาแล้ว อันเป็นความเท็จ ซึ่งความจริงมิได้ชำระ ทำให้สายการบินเสียหายจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล้อมรั้วที่ดินสาธารณประโยชน์โดยเจตนาเพื่อหวงกันถือครอง เป็นการยึดถือที่ดินของรัฐ มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
จำเลยล้อมรั้วที่ดินแปลงพิพาทด้านติดถนนสาธารณะและด้านซึ่งติดกับที่ดินของม.และพ. ตลอดแนวเมื่อพ. กล่าวหาว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินของพ.ปลัดอำเภอที่ดินอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านได้ตรวจสอบแล้วว่าจำเลยไม่ได้รุกล้ำที่ดินของพ. แต่ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของส. แม่ยายจำเลยหากแต่เป็นที่สาธารณประโยชน์เมื่อปลัดอำเภอได้แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยรับปากว่าจะรื้อรั้วออกไปครั้นครบกำหนดจำเลยยังมิได้ดำเนินการจึงเป็นกรณีที่จำเลยเจตนาล้อมรั้วเพื่อแสดงขอบเขตหวงกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้สอยถือครองการกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปยึดที่ดินของรัฐจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา9,108ทวิวรรคสาม