พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2565
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมียาแผนปัจจุบันและยาปลอมไว้เพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต: การลงโทษกรรมเดียว
เมื่อยาแก้ไอของกลางที่จำเลยมีไว้เพื่อขายเป็นยาแผนปัจจุบันชนิดยาอันตรายและยาปลอม และจำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้ขายยาแผนปัจจุบัน แต่ความผิดฐานมียาแผนปัจจุบันไว้เพื่อขายโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานมียาปลอมไว้เพื่อขายโดยไม่รู้ว่าเป็นยาปลอมดังกล่าว ล้วนเป็นจำนวนเดียวกัน และถูกยึดไว้เป็นของกลางในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานมียาแผนปัจจุบันไว้เพื่อขายโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 101 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6828/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานขายยาแผนปัจจุบันและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ การปรับบทลงโทษตามกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
การมีไว้เพื่อขายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มิได้บัญญัติว่าเป็นความผิดคงบัญญัติความผิดเฉพาะฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ตามมาตรา 20 วรรคหนึ่ง,71 และเมื่อเป็นยาแผนปัจจุบันด้วย จึงเป็นความผิดฐานขายยาแผนปัจจุบันตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง,101 อีกด้วย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวต้องปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 อันเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6828/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: ขายยาเสพติดและยาแผนปัจจุบัน ศาลปรับบทลงโทษตามกฎหมายที่หนักที่สุด
ความผิดฐานร่วมกันขายโดยการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 และยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 20 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 71 และพ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 101 นั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 101 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา 90 ส่วนความผิดฐานมีไว้เพื่อขาย ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ไม่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นความผิด
สำหรับความผิดฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนปัจจุบัน ตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" หมายความว่า ขายปลีก ขายส่ง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วย ฉะนั้น การขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนปัจจุบันจึงถือเป็นความผิดอย่างเดียวกัน จำเลยที่สองร่วมกันมียาแผนปัจจุบันไว้ในครอบครองเพื่อขายและร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันที่มีอยู่บางส่วนในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวคือ การขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้องว่า ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็น 2 กรรมก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยไว้เอง โดยให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงกรรมเดียวโดยไม่แก้โทษในความผิดฐานดังกล่าวตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาเพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสอง
สำหรับความผิดฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนปัจจุบัน ตาม พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" หมายความว่า ขายปลีก ขายส่ง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วย ฉะนั้น การขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนปัจจุบันจึงถือเป็นความผิดอย่างเดียวกัน จำเลยที่สองร่วมกันมียาแผนปัจจุบันไว้ในครอบครองเพื่อขายและร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันที่มีอยู่บางส่วนในวันเวลาเดียวกันและต่อเนื่องกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวคือ การขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้องว่า ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็น 2 กรรมก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยไว้เอง โดยให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงกรรมเดียวโดยไม่แก้โทษในความผิดฐานดังกล่าวตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาเพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตใบอนุญาตขายยาและการลงโทษที่ถูกต้องตามกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายยามาตรา 15(3) ซึ่งไม่อาจขายยาควบคุมพิเศษได้ เมื่อจำเลยขายยาอันเป็นยาควบคุมพิเศษจึงเป็นการขายยาแผนปัจจุบันไม่ตรงตามประเภทของใบอนุญาตตามมาตรา19(2) เป็นความผิดตามมาตรา 102 ยาของกลางจึงริบตามมาตรา 126 ไม่ได้
เมื่อความผิดของจำเลยอยู่ที่ไม่มี ไม่เขียน ไม่พิมพ์ป้ายแสดงราคายาของกลางอันเป็นโภคภัณฑ์ที่จำเลยมีไว้สำหรับจำหน่ายยาของกลางจึงเป็นโภคภัณฑ์ที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดอันจะพึงริบตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 มาตรา 9
ความผิดฐานขายยาไม่ตรงตามประเภทของใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และความผิดฐานไม่มีป้ายแสดงราคาโภคภัณฑ์ที่มีไว้จำหน่ายตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 เป็นความผิดสองกรรม เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทมาตราที่มีโทษหนัก โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษ จำเลยผู้เดียวอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12,101,126 ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดโดยกำหนดโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 102 อีก เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
เมื่อความผิดของจำเลยอยู่ที่ไม่มี ไม่เขียน ไม่พิมพ์ป้ายแสดงราคายาของกลางอันเป็นโภคภัณฑ์ที่จำเลยมีไว้สำหรับจำหน่ายยาของกลางจึงเป็นโภคภัณฑ์ที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดอันจะพึงริบตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 มาตรา 9
ความผิดฐานขายยาไม่ตรงตามประเภทของใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และความผิดฐานไม่มีป้ายแสดงราคาโภคภัณฑ์ที่มีไว้จำหน่ายตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 เป็นความผิดสองกรรม เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทมาตราที่มีโทษหนัก โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษ จำเลยผู้เดียวอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12,101,126 ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดโดยกำหนดโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 102 อีก เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1377/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายยาผิดประเภทใบอนุญาตและการริบของกลางที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิด
จำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายยามาตรา 15(3) ซึ่งไม่อาจขายยาควบคุมพิเศษได้ เมื่อจำเลยขายยาอันเป็นยาควบคุมพิเศษจึงเป็นการขายยาแผนปัจจุบันไม่ตรงตามประเภทของใบอนุญาตตามมาตรา 19(2) เป็นความผิดตามมาตรา 102 ยาของกลางจึงริบตามมาตรา 126 ไม่ได้
เมื่อความผิดของจำเลยอยู่ที่ไม่มี ไม่เขียน ไม่พิมพ์ป้ายแสดงราคายาของกลางอันเป็นโภคภัณฑ์ที่จำเลยมีไว้สำหรับจำหน่ายยาของกลางจึงเป็นโภคภัณฑ์ที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดอันจะพึงริบตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 มาตรา 9
ความผิดฐานขายยาไม่ตรงตามประเภทของใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และความผิดฐานไม่มีป้ายแสดงราคาโภคภัณฑ์ที่มีไว้จำหน่ายตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 เป็นความผิดสองกรรม เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทมาตราที่มีโทษหนัก โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยผู้เดียวอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12, 101, 126 ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิด โดยกำหนดโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 102 อีก เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212
เมื่อความผิดของจำเลยอยู่ที่ไม่มี ไม่เขียน ไม่พิมพ์ป้ายแสดงราคายาของกลางอันเป็นโภคภัณฑ์ที่จำเลยมีไว้สำหรับจำหน่ายยาของกลางจึงเป็นโภคภัณฑ์ที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับความผิดอันจะพึงริบตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 มาตรา 9
ความผิดฐานขายยาไม่ตรงตามประเภทของใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และความผิดฐานไม่มีป้ายแสดงราคาโภคภัณฑ์ที่มีไว้จำหน่ายตามพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 เป็นความผิดสองกรรม เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทมาตราที่มีโทษหนัก โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยผู้เดียวอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12, 101, 126 ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิด โดยกำหนดโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 มาตรา 102 อีก เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212