พบผลลัพธ์ทั้งหมด 106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของเจ้าของรวม: เจ้าของรวมคนหนึ่งมีสิทธิฟ้องเจ้าของรวมอื่นได้หากมีการขัดขวางสิทธิ
ปัญหาว่าเจ้าของรวมคนอื่น ๆ จะฟ้องขับไล่เจ้าของรวมคนหนึ่งได้หรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้อง จึงเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ปัญหาข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง การที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิขัดต่อสิทธิของเจ้าของรวมคนอื่น เจ้าของรวมคนอื่น ๆ ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1360 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเรียกค่าเสียหาย: การดำเนินคดีซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 ต้องเป็นการฟ้องร้องระหว่างคู่ความเดียวกัน
การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144 เป็นการห้ามศาลไม่ให้ดำเนินคดีนั้นต่อไปอีกจะเป็นทั้งคดีหรือเฉพาะแต่ประเด็นใดประเด็นหนึ่งก็ได้ซึ่งต้องเป็นคู่ความเดียวกัน เมื่อคดีนี้โจทก์จำเลยยังไม่เคยดำเนินคดีฟ้องร้องว่ากล่าวกันให้อีกฝ่ายหนึ่งรับผิดแต่อย่างใด กรณีจึงไม่เข้าตามมาตรา 144 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์ที่ขายฝากโดยไม่ตรวจสอบสภาพทรัพย์และราคาประเมิน ทำให้ข้อตกลงซื้อขายมีพิรุธ และการเรียกร้องค่าเสียหายจากพฤติการณ์พิเศษที่ไม่ชัดเจน
การที่โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์ที่จำเลยขายฝากให้กับโจทก์ ภายหลังจากที่ครบกำหนดไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากแล้วแก่นายส. โดยนายส. ผู้จะซื้อมิได้เข้าไปตรวจดูภายในตัวทรัพย์ที่จะซื้อ ไม่เคยตรวจดูหลักฐานทางโฉนดที่ดินทั้งก่อนและหลังทำสัญญา ทั้งที่ทรัพย์ที่ตกลงจะซื้อมีราคาสูง และเป็นการตกลงซื้อโดยไม่ทราบว่าบ้านและที่ดินมีราคาประเมินเท่าใด ทั้งตามหนังสือบอกกล่าวที่โจทก์มีไปถึงจำเลยแจ้งแต่เพียงว่า โจทก์มีความผูกพันที่จะต้องส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ให้แก่คู่สัญญาของโจทก์ภายในวันที่ 20 เมษายน 2540 เท่านั้น มิได้แจ้งรายละเอียดให้ชัดเจนว่าโจทก์มีความผูกพันต้องส่งมอบอสังหาริมทรัพย์อะไร และถ้าหากผิดสัญญาจะต้องถูกปรับเป็นเงินจำนวนเท่าใด จำเลยจึงไม่ต้องใช้ค่าเสียหายจำนวน 500,000 บาท อันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2813/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยผู้รับประกันภัยต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนตามที่จำเลยผู้ก่อเหตุต้องรับผิด หากไม่ส่งเอกสารกรมธรรม์ตามคำสั่งศาล
โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุจากจำเลยที่ 2เพื่อนำสืบว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่ากับจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งเรียกพยานเอกสารแล้ว ไม่ยอมส่งกรมธรรม์ประกันภัยตามคำสั่งศาลและไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่าข้อเท็จจริงแห่งข้ออ้างที่โจทก์ต้องนำสืบโดยกรมธรรม์ประกันภัยว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เต็มจำนวนเท่ากับจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 ได้ยอมรับแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2813/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของบริษัทประกันภัยตามกรมธรรม์ หากไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาล ถือเป็นการยอมรับข้อกล่าวหา
โจทก์ทั้งสี่ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุจากจำเลยที่ 2 เพื่อนำสืบว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่ากับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งเรียกพยานเอกสารแล้วไม่ยอมส่งกรมธรรม์ประกันภัยตามคำสั่งศาลและไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น ถือว่าข้อเท็จจริงแห่งข้ออ้างที่โจทก์ทั้งสี่ต้องนำสืบโดยกรมธรรม์ประกันภัยว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสี่เต็ม จำนวนเท่ากับจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 ได้ยอมรับแล้วตามป.วิ.พ. มาตรา 123 วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นไม่ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่าที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดจึงไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810-2811/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถไฟ: จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อไม่ได้นำแผงกั้นลง ผู้ตายไม่ได้ประมาท
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของการรถไฟแห่งประเทศไทยจำเลยที่ 2 มีหน้าที่นำแผงเครื่องกั้นรถไฟลงเมื่อรถไฟแล่นผ่าน แต่ในขณะเกิดเหตุเมื่อรถไฟแล่นมาถึงจำเลยที่ 1 มิได้นำแผงเครื่องกั้นรถไฟลงแต่อย่างใด เมื่อรถยนต์ที่ผู้ตายขับแล่นผ่านไปจึงเป็นเหตุให้ถูกรถไฟชน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการประมาทเลินเล่อ และโดยปกติแล้วผู้ขับรถยนต์ทั่วไปเมื่อผ่านบริเวณรางรถไฟ หากไม่มีแผงเครื่องกั้นรถไฟปิดกั้นและปรากฏสัญญาณไฟและเสียงสัญญาณเตือนแล้วก็จะขับรถผ่านไปตามปกติ หากมีการนำแผงเครื่องกั้นรถไฟลง รถยนต์ที่ผ่านมาก็จะหยุดให้รถไฟผ่านไปก่อน แต่จากสภาพที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน มีป้อมสำหรับพนักงานรถไฟและต้นไม้บังอยู่ ประกอบกับมีแสงไฟสว่างบดบังบริเวณนั้น จึงน่าจะทำให้ผู้ตายไม่อาจทราบได้ว่ารถไฟกำลังแล่นมาจึงขับรถยนต์ผ่านไปตามปกติ การกระทำของผู้ตายจึงไม่เป็นการประมาทเลินเล่อคงเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 เพียงผู้เดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2373/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ในบ้านผู้อื่น: สิทธิของผู้ร้องเมื่อยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิ ศาลไม่อาจเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดี
ตามคำร้องของผู้ร้อง ข้อเท็จจริงปรากฏเพียงว่าโจทก์ได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีออกไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลยในบ้านของผู้ร้อง และเจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตตามที่โจทก์ร้องขอเท่านั้น แต่ยังมิได้ทำการยึดทรัพย์สินใด ๆ ในบ้านของผู้ร้องกรณียังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิ เมื่อไม่มีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามกฎหมายแพ่งศาลจะสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยห้ามมิให้ดำเนินการบังคับคดีภายในบ้านของผู้ร้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้จำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
การปิดคำคู่ความหรือเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคหนึ่ง หมายถึงการนำคู่ความหรือเอกสารไปติดไว้ที่ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความ ซึ่งต้องกระทำให้มีลักษณะแน่นหนา ไม่หลุดออกไปโดยง่าย ฉะนั้น การที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งเพียงแต่นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปเสียบไว้ที่เหล็กที่ใช้เป็นมือจับสำหรับปิดเปิดประตูเหล็กยืดที่บ้านจำเลยซึ่งอาจหลุดและปลิวไปได้โดยง่าย จึงไม่อาจถือว่าเป็นการปิดคำคู่ความหรือเอกสารโดยชอบตามบทบัญญัติของมาตราดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การและกำหนดวันนัดสืบพยานโดยชอบ จำเลยจึงไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา สมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องพิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียก/คำฟ้อง การปิดเอกสารต้องแน่นหนา การขาดนัดยื่นคำให้การ/พิจารณา
การปิดคำคู่ความหรือเอกสารตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคหนึ่ง หมายถึงการนำคำคู่ความหรือ เอกสารไปติดไว้ที่ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความ ซึ่งต้องกระทำให้มีลักษณะแน่นหนา ไม่หลุดออกไป โดยง่าย การที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งเพียงแต่นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง พร้อมหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปเสียบไว้ที่เหล็กที่ใช้เป็นมือจับสำหรับปิดเปิดประตูเหล็กยืดที่บ้านจำเลยเท่านั้น ซึ่งอาจหลุดและปลิวไปได้โดยง่าย จึงยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปิดคำคู่ความหรือเอกสารโดยชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคหนึ่ง ดังนั้น เมื่อยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การและหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโดยชอบ จำเลยจึงไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและ ขาดนัดพิจารณา สมควรที่ศาลชั้นต้นจะต้องพิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกโดยการเสียบไว้ที่มือจับประตูเหล็กยืดไม่ถือเป็นการปิดเอกสารโดยชอบ จำเลยไม่จงใจขาดนัด
การปิดคำคู่ความหรือเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคหนึ่ง ต้องกระทำให้มีลักษณะแน่นหนา ไม่หลุดออกไปโดยง่าย การที่เจ้าพนักงานศาลเพียงแต่นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง กับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปเสียบไว้ที่เหล็กที่ใช้เป็นมือจับสำหรับปิดเปิดประตูเหล็กยืดที่บ้านจำเลย ซึ่งอาจหลุดและปลิวไปได้โดยง่าย ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปิดคำคู่ความหรือเอกสารโดยชอบ ดังนั้นเมื่อยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การและหมายกำหนดวันนัดสืบพยานโดยชอบ จำเลยจึงไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ชอบที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้