พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2540 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงอำนาจพิเศษในคดีบังคับคดีและการไม่ผูกพันในผลคดีเดิม
ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 จัตวา (3) นั้น หากผู้ที่อ้างว่ามิใช่บริวารไม่ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น หาได้มีผลเด็ดขาดเป็นการตัดสิทธิห้ามฟ้องร้องภายหลังไม่ และเมื่อโจทก์มิได้ร้องเข้ามาในคดีโจทก์ย่อมมิได้อยู่ในฐานะคู่ความในคดีดังกล่าว จึงไม่ผูกพันในผลแห่งคดีต้องห้ามมิให้ฟ้องร้องไม่ว่าจะด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายในเรื่องฟ้องซ้ำหรือฟ้องซ้อนแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6013/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสันนิษฐานสถานะบริวารในบังคับคดี ผู้ร้องมีสิทธิยื่นหลักฐานหลังพ้นกำหนดเวลาได้ และการฟ้องขับไล่เกิน 5,000 บาท ไม่ห้ามฎีกา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา (3)เพียงแต่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยในกรณีที่ผู้ร้องมิได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารของจำเลยภายในกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศ แม้ล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าวไปแล้ว ถ้าผู้ร้องมีหลักฐานสืบแสดงได้ว่าผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลย ก็ชอบจะยื่นคำร้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ถึงสถานภาพของผู้ร้องได้ และแม้ผู้ร้องจะไม่ขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องไว้ก็ไม่ตัดสิทธิที่จะยื่นคำร้องในภายหลังเพราะระยะเวลาดังกล่าวเป็นเพียงระยะเวลาที่กฎหมายสันนิษฐานถึงสถานภาพของบุคคลว่าใช่หรือไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น มิใช่ระยะเวลาสิ้นสุดเพื่อให้ดำเนินหรือมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4253/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องคัดค้านการบังคับคดี: ผู้ถูกบังคับคดีต้องเสียหายโดยตรงจากวิธีการบังคับคดีที่ผิดกฎหมายจึงจะมีสิทธิคัดค้านได้
จำเลยมิใช่บุคคลที่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 จัตวา (3) ดังนั้น ที่จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อ ศาลภายในกำหนดเวลาแปดวันนับแต่วันปิดประกาศนั้น จึงมิได้ เป็นวิธีการบังคับคดีที่เกี่ยวกับจำเลย แม้จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่ก็ไม่อยู่ในฐานะผู้ต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นตามมาตรา 296 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดีด้วยเหตุดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5345/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายสินสมรส: แม้เป็นสินสมรส แต่ตราบใดที่ศาลยังไม่เพิกถอนนิติกรรม บ้านและที่ดินยังเป็นของโจทก์
แม้จะถือว่าบ้านและที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยตามที่ผู้ร้องอ้างก็ตาม แต่เมื่อศาลยังไม่ได้เพิกถอนนิติกรรมการขายบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย บ้านและที่ดินจึงยังเป็นของโจทก์อยู่ กรณีถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3130/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: การพิพากษาห้ามเข้าเกี่ยวข้องที่ดิน กับสิทธิเจ้าของร่วม
ในสำนวนคดีก่อน จำเลยทั้งสามในคดีนี้ฟ้องขอให้ห้ามส. และบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินตามฟ้องซึ่งมีที่ดินพิพาทรวมอยู่ด้วย ส. ให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนกับพี่น้องโดย ได้รับมรดกมาจากมารดา หมายความว่า ส. กับโจทก์ต่างเป็นเจ้าของร่วมกันมีฐานะเท่าเทียมกันในที่ดิน มิใช่บริวารซึ่งกันและกัน และจำเลยทั้งสามก็ไม่ได้ขอให้ศาลออกคำบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าวในฐานะเป็นบริวารของ ส. เพื่อให้คำพิพากษาคดีดังกล่าวมีผลบังคับแก่โจทก์ด้วยโจทก์จึงมิใช่คู่ความในคดีแพ่งดังกล่าว ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท แม้มีคำพิพากษาถึงกรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ยังสามารถฟ้องพิสูจน์สิทธิของตนเองได้
คดีก่อนจำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ฟ้อง ท.ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยต่อศาลแรงงานกลางขอให้ขับไล่ ท. กับพวกให้ออกไปจากบ้านพิพาทศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลย ให้ ท.กับบริวารออกไปท. กับพวกไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ในบ้านพิพาทและให้ศาลแรงงานกลาง ออกหมายจับ ท.โจทก์มาฟ้องจำเลยในคดีนี้โดยบรรยายฟ้องว่าบ้านพิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยอ้างในคำฟ้องในคดีเดิมว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยและนำเจ้าพนักงานบังคับคดี ไปยึดทรัพย์ในบ้านและออกหมายจับ ท.นั้นทำให้โจทก์เสียหาย คำฟ้องดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์ กล่าวอ้างว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ แม้คำพิพากษา ของศาลแรงงานกลางจะวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ของบ้านพิพาท ว่าเป็นของจำเลยซึ่งจำเลยใช้ยันบุคคลภายนอกได้ก็ตามแต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็ยังมีสิทธิที่จะพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(2) ทั้งการที่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันปิดประกาศกำหนดเวลาให้โจทก์ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของ ท. ลูกหนี้ตาม คำพิพากษายื่นคำร้องดังกล่าว มาตรา 296 จัตวา(3) ก็เพียงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าโจทก์เป็นบริวารของ ท. เท่านั้น ซึ่งมิใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด โจทก์จึงยังสามารถ โต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าโดยเป็น เจ้าของบ้านพิพาทหรือไม่การที่โจทก์ไม่ดำเนินการตาม มาตรา 296 จัตวา(3) จึงไม่ตัดสิทธิของโจทก์ ที่ จะ ฟ้องเป็นคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลภายนอกโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี แม้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วก็ยังสามารถพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้
คำพิพากษาของศาลแม้จะวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ของบ้านพิพาทว่าเป็นของจำเลย ซึ่งจำเลยใช้ยันบุคคลภายนอกได้ก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกก็ยังมีสิทธิที่จะพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิดีกว่าได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2)ทั้งการที่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา8 วัน นับแต่วันปิดประกาศกำหนดเวลาให้โจทก์ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องดังกล่าว มาตรา296 จัตวา (3) ก็เพียงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าโจทก์เป็นบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ซึ่งมิใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดโจทก์จึงยังสามารถโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าโดยเป็นเจ้าของบ้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4662/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะตัวแทนและการเป็นบริวารในสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์
ผู้ร้องไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือตั้งจำเลยเป็นตัวแทนในการทำสัญญาเช่า ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำสัญญาเช่าในฐานะเป็นตัวแทนผู้ร้อง เมื่อจำเลยเช่าตึก พิพาทจากโจทก์ ผู้ร้องเข้ามาอาศัยอยู่ในตึก พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยจึงเป็นบริวารจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5997/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวก่อนพิพากษาต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่พิพาทในคดีนั้นๆ โดยเฉพาะ
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา โดยมีคำขอในเหตุฉุกเฉินตาม ป.วิ.พ. มาตรา254,266 จะต้องเป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดที่พิพาทกันในคดีได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีอ้างว่าผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลย ซึ่งมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยชี้ขาดเพียงว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่ามีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาทด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ต่างหากจากคดีนี้ จึงไม่มีเหตุที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้ในชั้นนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5997/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองชั่วคราวในชั้นบังคับคดี: สิทธิที่พิพาทต้องเกี่ยวข้องกับคดี และไม่ใช่การโต้แย้งสิทธิกับคู่ความอื่น
การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาโดยมีคำขอในเหตุฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254,266 จะต้องเป็นการขอให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดที่พิพาทกันในคดีได้รับการคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีอ้างว่าผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลย ซึ่งมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยชี้ขาดเพียงว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่ามีสิทธิครอบครองเหนือที่พิพาทด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเอากับโจทก์ต่างหากจากคดีนี้ จึงไม่มีเหตุที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้ในชั้นนี้ได้.