คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 195 วรรคแรก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา: การบรรยายข้อเท็จจริงเรื่องความรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำความผิดที่ชัดเจน
จำเลยที่1ฎีกาว่าจำเลยที่1ทำหนังสือถึงภริยาโจทก์เมื่อวันที่26ตุลาคม2531เล่าเรื่องเกี่ยวกับหนี้สินของโจทก์โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามหนังสือมอบอำนาจวันที่5ตุลาคม2532จำเลยที่1นำที่ดินทั้งสามแปลงไปจำนองธนาคารเมื่อวันที่6ธันวาคม2533โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่11กันยายน2533นับจากวันฟ้องถึงวันจำนองเป็นเวลา1ปี7เดือน4วันโดยมิได้บรรยายว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อใดอันจะเป็นเหตุทำให้คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ฎีกาของจำเลยที่1จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีอาญา: การรู้เรื่องความผิดและตัวผู้กระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ทำหนังสือถึงภริยาโจทก์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2531 เล่าเรื่องเกี่ยวกับหนี้สินของโจทก์ โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามหนังสือมอบอำนาจวันที่ 5 ตุลาคม 2532 จำเลยที่ 1 นำที่ดินทั้งสามแปลงไปจำนองธนาคารเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2533 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2533นับจากวันฟ้องถึงวันจำนองเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน 4 วัน โดยมิได้บรรยายว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อใดอันจะเป็นเหตุทำให้คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: ประเด็นลดโทษมาตรา 76 ที่ไม่ได้ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ และการโต้เถียงดุลพินิจศาล
ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ว่าขณะจำเลยกระทำความผิดจำเลยมีอายุยังไม่เกินยี่สิบปีแต่ศาลชั้นต้นมิได้ระบุไว้ในคำพิพากษาให้ลดหรือไม่ลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา76แก่จำเลยเป็นการชอบหรือไม่นั้นมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและมิได้เป็นข้อที่จำเลยยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค2จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา225 ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีเหตุสมควรได้รับการลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา76เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค2อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค2พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกา: อายุจำเลยและดุลพินิจศาลในการลดโทษ
ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ว่า ขณะจำเลยกระทำความผิดจำเลยมีอายุยังไม่เกินยี่สิบปี แต่ศาลชั้นต้นมิได้ระบุไว้ในคำพิพากษาให้ลดหรือไม่ลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 แก่จำเลย เป็นการชอบหรือไม่นั้นมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย และมิได้เป็นข้อที่จำเลยยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาคตรา 195วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 225
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเหตุสมควรได้รับการลดมาตราส่วนโทษตาม ป.อ. มาตรา 76 เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยนอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องยื่นคำฟ้องฎีกาโดยตรง
คำแก้ฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้สอบสวนในความผิดข้อหาที่ฟ้องมาก่อน หากฟังว่าจำเลยกระทำผิดก็ขอให้รอการลงโทษ เป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ศาลฎีกาพิจารณานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องกระทำโดยการยื่นคำฟ้องฎีกา ไม่ใช่คำแก้ฎีกา
คำแก้ฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้สอบสวนในความผิดข้อหาที่ฟ้องมาก่อน หากฟังว่าจำเลยกระทำผิดก็ขอให้รอการลงโทษ เป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่.