คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 72 ทวิ วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต: โจทก์ต้องพิสูจน์การครอบครองและพาอาวุธปืนของจำเลย
จำเลยใช้อาวุธ ปืนแก๊ป ยาวยิงผู้เสียหาย แต่โจทก์ไม่มีอาวุธปืนที่ฟ้องเป็นของกลางแสดงต่อศาลว่าไม่เป็นอาวุธปืนที่จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืน ติดตัวดังนี้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวจำเลยมีไว้ ในครอบครองและพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบทในคดีฆ่าและชิงทรัพย์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขบทลงโทษให้ถูกต้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้คนตายตามมาตรา 339 วรรคท้าย ประกอบกับมาตรา 340 ตรี แล้วให้ลงโทษตามมาตรา 288 นั้นไม่ถูกต้อง เพราะความผิดตามมาตรา 339 วรรคท้ายประกอบกับมาตรา 340 ตรี มีอัตราโทษสูงกว่าความผิดตามมาตรา 288ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ต้องลงโทษบทหนัก ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขวางบทลงโทษให้ถูกต้องโดยไม่ลงโทษสูงกว่าเดิมได้ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปโดยผิดกฎหมายลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 ทวิ วรรคสอง จำคุก 1 ปี และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371ปรับ 100 บาท นั้นก็ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากความผิดทั้งสองฐานเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงแก่จำเลยทั้งสอง คือ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง ศาลฎีกาสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเสียด้วย และเหตุดังกล่าวข้างต้นอยู่ในส่วนลักษณะคดีให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งถอนฎีกาไปแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกัน, ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย, ความผิดฐานพาอาวุธปืน, การรับฟังคำให้การที่ขัดแย้ง
เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวก ทั้งก่อนยิงผู้ตายและหลังยิงผู้ตาย ประกอบกับข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับพวกได้เรียกค่าคุ้มครองการทำไม้จากผู้ตายแต่ผู้ตายไม่ยอมให้ เชื่อ ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้มีการสมคบกันที่จะฆ่าผู้ตาย และอีกประการหนึ่งถ้า หากจำเลยทั้งสองไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการที่พวกของจำเลยยิงผู้ตายจริงแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองเห็นพวกของตนใช้อาวุธปืนของกลางซึ่งทางราชการมอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ยิงผู้ตายเช่นนั้น จำเลยทั้งสองก็น่าจะรีบแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิด ก็ยิ่ง จะต้องแจ้งเหตุต่อพนักงานสอบสวนโดยเร็วแต่จำเลยที่ 1 ก็มิได้แจ้งเหตุแต่กลับนำอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้ตายไปทำความสะอาดลำกล้องเพื่อทำลายพยานหลักฐานเช่นนี้จึงเชื่อ ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายจริงตามโจทก์ฟ้อง แม้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจะเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ซึ่งเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในความครอบครองก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 และพวกของจำเลยนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปฆ่าผู้ตาย ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2ได้ร่วมครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ เมื่อจำเลยที่ 2 มีไว้ในความครอบครองโดยไม่มีสิทธิที่จะครอบครองได้ตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกับพวกและจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย การที่จำเลยที่ 2 ร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวและเป็นผู้มีสิทธิที่จะพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะได้เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะนั้น ความผิดฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1และพวกที่จะนำอาวุธดังกล่าวไปฆ่าผู้ตาย จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกันพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาโต้เถียง ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกัน: การดื่มสุรา, สมคบกัน, และการร่วมกันลงมือกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมดื่มสุรากันที่ร้านค้าแล้วพากันนั่งรถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้ตายกำลังนั่งจดบัญชีรายการไม้อยู่ จำเลยที่ 1 หยุดรถ พวกของจำเลยลงจากรถใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วทุกคนพากันนั่งรถจักรยานยนต์กลับไปที่ฐานปฏิบัติการอาสาสมัครรักษาดินแดนที่จำเลยที่ 1เป็นสมาชิกอยู่ หลังจากนั้นพากันไปดื่มสุรากันอีก และได้นอนค้างคืนที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับฐานปฏิบัติการดังกล่าว เช้าวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้แยกย้ายกันกลับไปพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยที่ 1จะไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองก็ตามเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นำไปใช้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6033/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลพิจารณาโทษและแก้ไขคำพิพากษา
จำเลยพาอาวุธปืนสั้นติดตัวมาในบริเวณหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่โจทก์ไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลาง และไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวนั้นเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จึงต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาติดตัวไปนั้น เป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมาย แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้ก็ตาม แต่ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.
of 2