พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาว่าจ้างก่อสร้างผิดแบบ: ความรับผิดของผู้รับจ้าง และอายุความการเรียกร้องค่าจ้างคืน
โจทก์ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ก่อสร้างอาคารสองชั้นครึ่ง ต่อมาเทศบาลเมืองภูเก็ตมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้าง เนื่องจากจำเลยที่ 1 ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างก่อสร้างและเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างครั้งนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมทราบดีว่าการก่อสร้างถูกแบบแปลนหรือไม่ เมื่อการก่อสร้างไม่ถูกแบบแปลนตามที่ขออนุญาตไว้จึงเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียว
การฟ้องเรียกเอาเงินค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 รับไปคืนมานั้น ไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
การฟ้องเรียกเอาเงินค่าจ้างที่จำเลยที่ 1 รับไปคืนมานั้น ไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8181/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้เงินเจ้าพนักงานตำรวจที่ไม่ใช่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 167
คำว่า "พนักงานสอบสวน" ตาม ป.อ. มาตรา 167 มีความหมายว่า ต้องเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้นเท่านั้น ดังนั้น การให้เงินแก่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนั้นเพื่อให้ช่วยเหลือไม่ดำเนินคดี จึงมิใช่เป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่พนักงานสอบสวนตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้ คงมีความผิดตามมาตรา 144 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4805/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีต้องแสดงเหตุให้ศาลเห็นว่าหากไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรม แม้ป่วยจริงก็ต้องแสดงเหตุผลประกอบ
ในการขอเลื่อนคดีของคู่ความนั้น กฎหมายได้บัญญัติรายละเอียดและเหตุที่จะขอเลื่อนคดีไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 39 และ 40 การที่จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีเป็นครั้งที่ 5 และยื่นใบรับรองแพทย์มาด้วยเพื่อยืนยันว่าทนายจำเลยทั้งสองป่วยจริงไม่สามารถมาศาลได้ แม้โจทก์มิได้คัดค้านและข้อเท็จจริงจะฟังว่าทนายจำเลยทั้งสองป่วยจริงซึ่งมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ แต่คำร้องขอเลื่อนคดีระบุเพียงว่าขอเลื่อนคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยไม่ได้แสดงให้เห็นชัดเจนในคำร้องว่าหากศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคหนึ่ง อีกทั้งการที่คู่ความขอเลื่อนคดีเพราะป่วยเจ็บ ศาลก็ไม่จำต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 41 กล่าวคือ ตั้งเจ้าพนักงานไปทำการตรวจอาการป่วยเจ็บเสมอไป เพราะกรณีตามมาตรา 41 นั้น เป็นเรื่องที่ศาลหรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่เชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขอเลื่อนคดีป่วยถึงกับไม่สามารถมาศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3877/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและตรวจค้นเคหสถานโดยไม่ปรากฏหมายค้น และการรับฟังคำสารภาพโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 8 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 13 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้ให้ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 8 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 12 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุก 8 ปี แม้ความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้ไขทั้งบทลงโทษและโทษจำคุกที่ลงแก่จำเลย แต่เป็นการแก้ไขบทลงโทษบทเดิมตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาในข้อ 2.2 กับข้อ 2.8 ว่า หากจ่าสิบตำรวจ ส. เห็นเหตุการณ์ขณะที่สายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด จากจำเลยจริง เหตุใดจึงไม่แสดงตัวและเข้าจับกุมเอง เป็นการผิดวิสัยของเจ้าหน้าที่ทั่วไป จึงไม่ควรแก่การเชื่อถือ และข้อ 2.5 ว่า พยานโจทก์เบิกความธนบัตรจริงจำนวน 2,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อได้คืนให้แก่เจ้าของไปแล้วจะเป็นจริงตามคำเบิกความนี้หรือไม่ ไม่มีผู้ใดทราบ การรับฟังพยานบุคคลควรรับฟังด้วยความระมัดระวัง แต่กฎหมายระบุให้ศาลรับฟังเฉพาะต้นฉบับเท่านั้น จึงยังมีเหตุที่น่าระแวงสงสัยนั้น เป็นฎีกาที่โต้เถียงดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ให้แก่สายลับโดยจำเลยไปนำมาจากในบ้าน ซึ่งร้อยตำรวจเอก ช. กับพวกซุ่มดูพฤติการณ์ดังกล่าวอยู่ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในบ้านอันเป็นเคหสถาน เมื่อร้อยตำรวจเอก ช. ได้แสดงตัวโดยแสดงบัตรเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ แก่จำเลยแล้ว ร้อยตำรวจเอก ช. จึงมีอำนาจเข้าไปในบ้านจำเลยเพื่อตรวจค้น รวมทั้งมีอำนาจจับกุมจำเลยได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ มาตรา 14 โดยไม่ต้องมีหมายค้นและหมายจับของศาล
เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมและสอบสวนต่างก็ปฏิบัติไปตามหน้าที่ของตน ไม่มีเหตุผลใดที่กลั่นแกล้งจำเลยอันเป็นการเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังนี้ เชื่อว่าจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนไปโดยไม่ได้ถูกขู่ดังจำเลยฎีกา ข้ออ้างของจำเลยเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ทั้งเป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้าง จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง การจับกุมและสอบสวนจำเลยชอบแล้ว
เมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด บรรจุถุงพลาสติกพันด้วยเทปถูกซุกซ่อนในเพดานห้องนอนจำเลย อันเป็นที่มิดชิดยากแก่การค้นพบ ยากแก่การที่บุคคลอื่นจะนำมาซุกซ่อนไว้โดยจำเลยไม่รู้เห็น หากบุตรจำเลยไม่ชี้บอก ร้อยตำรวจเอก ช. อาจตรวจหาไม่พบเพราะเพดานห้องนอนจำเลยสูง การเก็บและตรวจพบทำได้ยาก เมื่อฟังประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ในทันทีแล้ว กรณีจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยเป็นเจ้าของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ดจริง
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ให้แก่สายลับโดยจำเลยไปนำมาจากในบ้าน ซึ่งร้อยตำรวจเอก ช. กับพวกซุ่มดูพฤติการณ์ดังกล่าวอยู่ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในบ้านอันเป็นเคหสถาน เมื่อร้อยตำรวจเอก ช. ได้แสดงตัวโดยแสดงบัตรเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ แก่จำเลยแล้ว ร้อยตำรวจเอก ช. จึงมีอำนาจเข้าไปในบ้านจำเลยเพื่อตรวจค้น รวมทั้งมีอำนาจจับกุมจำเลยได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฯ มาตรา 14 โดยไม่ต้องมีหมายค้นและหมายจับของศาล
เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมและสอบสวนต่างก็ปฏิบัติไปตามหน้าที่ของตน ไม่มีเหตุผลใดที่กลั่นแกล้งจำเลยอันเป็นการเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังนี้ เชื่อว่าจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนไปโดยไม่ได้ถูกขู่ดังจำเลยฎีกา ข้ออ้างของจำเลยเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ทั้งเป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้าง จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง การจับกุมและสอบสวนจำเลยชอบแล้ว
เมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด บรรจุถุงพลาสติกพันด้วยเทปถูกซุกซ่อนในเพดานห้องนอนจำเลย อันเป็นที่มิดชิดยากแก่การค้นพบ ยากแก่การที่บุคคลอื่นจะนำมาซุกซ่อนไว้โดยจำเลยไม่รู้เห็น หากบุตรจำเลยไม่ชี้บอก ร้อยตำรวจเอก ช. อาจตรวจหาไม่พบเพราะเพดานห้องนอนจำเลยสูง การเก็บและตรวจพบทำได้ยาก เมื่อฟังประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมเกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ในทันทีแล้ว กรณีจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยเป็นเจ้าของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ดจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะ ไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้พบเห็นชู้ขณะนอนหลับ
แม้จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. มีสิทธิป้องกันมิให้หญิงอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีของตน แต่ขณะจำเลยพบโจทก์ร่วมนั้น โจทก์ร่วมกำลังนอนหลับอยู่กับ ต. เท่านั้น มิได้กำลังร่วมประเวณีกัน พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่การที่โจทก์ร่วมเข้าไปนอนหลับอยู่กับ ต. สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่เตียงนอนในฟาร์มเลี้ยงไก่ของ ต. เช่นนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยพบเห็นโดยบังเอิญมิได้คาดคิดมาก่อนและไม่สามารถอดกลั้นโทสะไว้ได้ ใช้มีดฟันศีรษะโจทก์ร่วมไปในทันทีทันใด การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา 72 หาใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยฎีกาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายจากการจุดประทัดใส่ขบวนผ้าป่า แม้ไม่ทราบผู้จุดโดยตรง ก็ลงโทษฐานพยายามทำร้ายได้
จำเลยทั้งเก้าร่วมกันจุดประทัดโยนขว้างใส่ขบวนผ้าป่าซึ่งโจทก์ร่วมได้ร่วมขบวนมาด้วย และประทัดที่พวกจำเลยจุดได้เกิดระเบิดถูกตาซ้ายของโจทก์ร่วม เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทั้งเก้าย่อมทราบดีว่าประทัดเป็นดอกไม้เพลิงซึ่งสามารถทำอันตรายแก่ร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บได้ ทั้งย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าเมื่อจำเลยทั้งเก้าจุดประทัดโยนขว้างใส่โจทก์ร่วม เมื่อประทัดเกิดระเบิด โจทก์ร่วมย่อมได้รับอันตราย ถือได้ว่าจำเลยทั้งเก้าทุกคนมีเจตนาทำร้ายโจทก์ร่วมโดยย่อมเล็งเห็นผล แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะไม่ทราบและนำสืบให้ได้ความว่าประทัดดอกใดจำเลยคนใดเป็นผู้จุดแล้วโยนขว้างใส่โจทก์ร่วมอันเป็นเหตุทำให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กายก็ตาม ก็มีผลเพียงจะลงโทษจำเลยทั้งเก้าฐานทำร้ายร่างกายไม่ได้เท่านั้น คงลงโทษได้เพียงฐานพยายามทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องหลังเลิกบริษัท: ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจฟ้องแทนบริษัทหลังจดทะเบียนเลิกบริษัท
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มี ว. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ โจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทวันที่ 18 มิถุนายน 2541 มี ว. เป็นผู้ชำระบัญชี แต่โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2541 ดังนี้ เมื่อโจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทและมีการตั้งผู้ชำระบัญชีแล้ว อำนาจในการฟ้องคดีจึงตกอยู่แก่ผู้ชำระบัญชี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1259 โจทก์ฟ้องคดีนี้โดย ว. ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของบริษัทเลิกแล้ว: อำนาจฟ้องตกแก่ผู้ชำระบัญชี ไม่ใช่กรรมการ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะนิติบุคคล มี ว. เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ โดยมิได้ระบุว่า ว. ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้ชำระบัญชีบริษัทโจทก์ ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์จดทะเบียนเลิกบริษัทก่อนฟ้องแล้ว อำนาจในการฟ้องคดีจึงตกอยู่แก่ผู้ชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1259 โจทก์โดย ว. ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่าย – พยานหลักฐานไม่พอฟัง – การริบยานพาหนะ
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ย่อมมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความชัดเจนถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่โจทก์นำสืบเพียงว่าสายลับโทรศัพท์มาแจ้งร้อยตำรวจเอก ส. ว่าจะมีผู้นำยาเสพติดให้โทษไปส่งให้แก่ลูกค้า ร้อยตำรวจเอก ส. กับพวกจึงคอยดักจับกุม ต่อมาจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เมื่อโจทก์มิได้นำสายลับมาเป็นพยานเบิกความว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่ายให้กับผู้ใด ที่ไหน อย่างไร พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอรับฟังว่าจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปจำหน่าย แม้โจทก์จะนำสืบว่าในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นเพียงพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมานำสืบประกอบ แม้เมทแอมเฟตามีนของกลางจะมีจำนวนถึง 404 เม็ด แต่เมื่อคำนวณน้ำหนักเป็นสารบริสุทธิ์แล้วไม่ถึง 20 กรัม จึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย
การที่จำเลยใช้กระดาษหนังสือนิตยสารห่อหุ้มเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ววางไว้ที่ตะแกรงด้านหน้ารถจักรยานยนต์ของกลางโดยเปิดเผย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
การที่จำเลยใช้กระดาษหนังสือนิตยสารห่อหุ้มเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ววางไว้ที่ตะแกรงด้านหน้ารถจักรยานยนต์ของกลางโดยเปิดเผย ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5248/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพตามฟ้องรวมถึงการยอมรับประวัติอาชญากรรมเดิม และการบวกโทษจำคุกรอการลงโทษตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2079/2542 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในกำหนดระยะเวลารอการลงโทษดังกล่าวจำเลยกระทำความผิดคดีนี้อีกขอให้บวกโทษเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นอ่านอธิบายฟ้องทั้งหมดให้จำเลยฟัง จำเลยได้ให้การว่า ได้ทราบคำฟ้องตลอดแล้ว ข้าพเจ้าจำเลยขอให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนั้น คำให้การจำเลยที่รับสารภาพตามฟ้องดังกล่าวจึงย่อมหมายรวมถึงการรับว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตามที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องด้วย ศาลชั้นต้นจึงนำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายให้เบาลงแล้วรวมโทษจำคุกกับฐานอื่นเป็นจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้ระบุว่าให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษคดีนี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดแล้วศาลลงโทษจำคุก จำนวนเท่าใด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ชัดเจนขึ้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายให้เบาลงแล้วรวมโทษจำคุกกับฐานอื่นเป็นจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยไม่ได้ระบุว่าให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษคดีนี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดแล้วศาลลงโทษจำคุก จำนวนเท่าใด ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ชัดเจนขึ้น