พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้ชี้ว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยเรื่องทุนทรัพย์ในคำสั่งระหว่างพิจารณา และการสั่งจำหน่ายคดีไม่ถูกต้องหากโจทก์ยังอุทธรณ์ฎีกาอยู่
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายใน15วันโจทก์อุทธรณ์ว่าไม่ต้องเสียศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและโจทก์มิได้ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนดศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์อุทธรณ์คำสั่งที่ให้จำหน่ายคดีและขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์นั้นไม่ถูกต้องเพราะศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งรับอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์จึงยังไม่มีอำนาจวินิจฉัยการที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรกแต่การที่โจทก์ไม่ยอมเสียค่าขึ้นศาลเพราะเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์จึงไม่อาจถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดอันจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2534 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้ยื่นคำขอให้ยึดทรัพย์สินต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเมื่อไม่มีการขายทอดตลาด
โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเป็น 19 งวด งวดละเดือน และขณะโจทก์ขอหมายบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยนั้น โจทก์ได้รับชำระหนี้แต่ละงวดตามที่ตกลงกันนั้น เมื่อต่อมาโจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนทั้ง 19 งวด แล้วศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดี การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการบังคับคดีครั้งนี้มิใช่เพราะเหตุที่จำเลยได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 295 (1) จึงไม่ใช่การถอนการบังคับคดีตามบทบัญญัติดังกล่าว แต่เป็นเรื่องการยึดทรัพย์จำเลยซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ตามบทบัญญัติในมาตรา 149วรรคแรก เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์สินของจำเลย จึงถือว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ยึดไว้ โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงาน-บังคับคดี หาใช่จำเลยจะต้องเป็นผู้ชำระไม่ และกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 295 ตรี