พบผลลัพธ์ทั้งหมด 675 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2308/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งงดสืบพยานและการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจพิจารณาตามขั้นตอน
ศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริงแล้วสั่งงดสืบพยาน แล้วต่อมา 7 วันจึงพิพากษายกฟ้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 โจทก์ไม่คัดค้านคำสั่งนั้น โจทก์อุทธรณ์ขอให้สืบพยานไม่ได้ ในกรณีนี้ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่ได้ตาม มาตรา 226 โจทก์ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับอุทธรณ์แล้วพิพากษายืน โจทก์ฎีกาขอให้สืบพยานต่อไป ดังนี้ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2094/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการอุทธรณ์คำสั่ง ศาลฎีกาวินิจฉัยได้แม้ไม่มีการฎีกา
ศาลชั้นต้นยกคำร้องที่จำเลยอ้างว่าไม่จงใจขาดนัดและขอให้รับคำให้การ จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งนี้ จำเลยอุทธรณ์ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา จำเลยอ้างในคำแก้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหานี้ได้โดยจำเลยไม่ต้องฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนนัดสืบพยาน และการอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี แม้จำเลยจะได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ ก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อนั้นเป็นคุณแก่จำเลย และโจทก์ฎีกาต่อมา แต่เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว ก็ย่อมไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้นำสือบว่าโจทก์ยินยอมตกลงรับจะปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบรับของ จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิด จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อนี้โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่อยู่แล้วจึงมิได้วินิจฉัยปัญหานี้ ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปเสียเลยก็ได้ และวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้นำสือบว่าโจทก์ยินยอมตกลงรับจะปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบรับของ จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิด จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อนี้โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่อยู่แล้วจึงมิได้วินิจฉัยปัญหานี้ ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปเสียเลยก็ได้ และวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้เน้นย้ำถึงข้อจำกัดในการอุทธรณ์คดีที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท โดยเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี แม้จำเลยจะได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ ก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อนั้นเป็นคุณแก่จำเลย และโจทก์ฎีกาต่อมา แต่เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้วก็ย่อมไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้นำสืบว่าโจทก์ยินยอมตกลงรับจะปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบรับของ จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิด จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อนี้โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่อยู่แล้วจึงมิได้วินิจฉัยปัญหานี้ ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปเสียเลยก็ได้ และวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้นำสืบว่าโจทก์ยินยอมตกลงรับจะปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบรับของ จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิด จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อนี้โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่อยู่แล้วจึงมิได้วินิจฉัยปัญหานี้ ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปเสียเลยก็ได้ และวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถา: การเพิกถอนคำสั่งเดิมและการอุทธรณ์คำสั่งศาล
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอทุธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา156 วรรคสามไม่ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่วนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบแล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตไต่สวนอนาถาใหม่ และรับอุทธรณ์อนาถาไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสามไม่จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบ แล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบ แล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนสืบพยานและการไม่คัดค้านคำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ ให้งดการสืบพยาน ต่อมา 5 วัน จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์มีเวลาคัดค้านคำสั่งระหว่างพิจารณาได้เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านไว้โจทก์อุทธรณ์ข้อนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การเกินกำหนด: การจำแนกประเภทคำสั่งและสิทธิอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 8 วัน นับแต่วันรับหมายเรียกเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 (3) แต่จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์ กลับยื่นคำร้องใหม่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยยื่นคำให้การที่ได้ยื่นไว้ ศาลชั้นต้นไต่สวน (โดยสอบข้อเท็จจริงจากทนายจำเลย) แล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ คำสั่งตอนหลังนี้ไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 จะอุทธรณ์ในทันทีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การ: ความแตกต่างระหว่างคำสั่งไม่รับคำคู่ความกับคำสั่งระหว่างพิจารณา และผลต่อการอุทธรณ์
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด8 วัน นับแต่วันรับหมายเรียกเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3)แต่จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์ กลับยื่นคำร้องใหม่ของให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยยื่นคำให้การที่ได้ยื่นไว้ ศาลชั้นต้นไต่สวน (โดยสอบข้อเท็จจริงจากทนายจำเลย)แล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ คำสั่งตอนหลังนี้ไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 จะอุทธรณ์ให้ทันทีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกคืนเงินค่าจ้าง และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
เมื่อเลิกสัญญาจ้างทำของผู้ว่าจ้างเรียกเงินที่ผู้รับจ้างรับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่กรณีผู้รับจ้างเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มีอายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164
จำเลยขอให้เรียกคนภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ศาลไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลไม่รับนั้นเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 จึงอุทธรณ์ไม่ได้
จำเลยขอให้เรียกคนภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ศาลไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลไม่รับนั้นเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 จึงอุทธรณ์ไม่ได้