พบผลลัพธ์ทั้งหมด 675 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องโจทก์: แม้จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยประเด็นเจ้าของที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติ
แม้จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น ที่สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยไว้ แต่เมื่อคดีมีประเด็นเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์ ศาลอุทธรณ์ย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ โดยให้ศาลชั้นต้นสืบพยานในประเด็นดังกล่าว แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า มิฉะนั้นสิทธิการเช่าไม่สมบูรณ์ และไม่มีผลผูกพันต่อผู้ให้เช่า
โจทก์ทำสัญญารับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จากผู้เช่าเดิมโดยผู้ให้เช่ามิได้ตกลงยินยอมด้วยเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เป็นผู้เช่าตึกพิพาทแม้ศาลจะพิพากษาให้ผู้เช่าเดิมโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ คำพิพากษานั้นย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดี หาผูกพันสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ให้เช่าไม่
กรณีผู้เช่าหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 543 ได้บัญญัติวางหลักเกณฑ์ให้ศาลวินิจฉัยไว้ ซึ่งแสดงว่าถ้าต่างคนต่างแย่งการเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกันแล้ว คู่กรณีย่อมจะมาฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนมีสิทธิการเช่าดีกว่าคนอื่นได้ แต่โจทก์รับโอนสิทธิการเช่าโดยไม่ถูกต้องและยังมิได้เป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากผู้ให้เช่า ย่อมไม่มีทางที่จะฟ้องขอให้แสดงว่า โจทก์มีสิทธิการเช่าได้ ดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 บัญญัติไว้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทจากผู้เช่าเดิมดีกว่าจำเลย โจทก์มีสิทธิจะทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ให้เช่าได้ก่อนจำเลยและขอให้บังคับจำเลยถอนคำร้องโต้แย้งคัดค้าน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้อนุมัติให้โอนสิทธิการเช่าแก่จำเลยและสิทธิการเช่าตึกพิพาทได้โอนไปยังจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานในวันพุธที่ 12 และนัดฟังคำพิพากษาวันศุกร์ที่ 14 เดือนเดียวกัน ถือว่ามีเวลาพอที่คู่ความจะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ เมื่อมิได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้มีการพิจารณาสืบพยานต่อไปหาได้ไม่
กรณีผู้เช่าหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 543 ได้บัญญัติวางหลักเกณฑ์ให้ศาลวินิจฉัยไว้ ซึ่งแสดงว่าถ้าต่างคนต่างแย่งการเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกันแล้ว คู่กรณีย่อมจะมาฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนมีสิทธิการเช่าดีกว่าคนอื่นได้ แต่โจทก์รับโอนสิทธิการเช่าโดยไม่ถูกต้องและยังมิได้เป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากผู้ให้เช่า ย่อมไม่มีทางที่จะฟ้องขอให้แสดงว่า โจทก์มีสิทธิการเช่าได้ ดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 บัญญัติไว้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทจากผู้เช่าเดิมดีกว่าจำเลย โจทก์มีสิทธิจะทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ให้เช่าได้ก่อนจำเลยและขอให้บังคับจำเลยถอนคำร้องโต้แย้งคัดค้าน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้อนุมัติให้โอนสิทธิการเช่าแก่จำเลยและสิทธิการเช่าตึกพิพาทได้โอนไปยังจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานในวันพุธที่ 12 และนัดฟังคำพิพากษาวันศุกร์ที่ 14 เดือนเดียวกัน ถือว่ามีเวลาพอที่คู่ความจะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ เมื่อมิได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้มีการพิจารณาสืบพยานต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเช่าที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า และสิทธิของผู้เช่าเดิม
โจทก์ทำสัญญารับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จากผู้เช่าเดิมโดยผู้ให้เช่ามิได้ตกลงยินยอมด้วย เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เป็นผู้เช่าตึกพิพาทแม้ศาลจะพิพากษาให้ผู้เช่าเดิมโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ คำพิพากษานั้นย่อมผูกพันเฉพาะคู่ความในคดี หาผูกพันสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ให้เช่าไม่
กรณีผู้เช่าหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 543 ได้บัญญัติวางหลักเกณฑ์ให้ศาลวินิจฉัยไว้ซึ่งแสดงว่าถ้าต่างคนต่างแย่งการเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกันแล้ว คู่กรณีย่อมจะมาฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนมีสิทธิการเช่าดีกว่าคนอื่นได้แต่โจทก์รับโอนสิทธิการเช่าโดยไม่ถูกต้อง และยังมิได้เป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากผู้ให้เช่า ย่อมไม่มีทางที่จะฟ้องขอให้แสดงว่า โจทก์มีสิทธิการเช่าได้ ดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 บัญญัติไว้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทจากผู้เช่าเดิมดีกว่าจำเลย โจทก์มีสิทธิจะทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ให้เช่าได้ก่อนจำเลยและขอให้บังคับจำเลยถอนคำร้องโต้แย้งคัดค้าน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้อนุมัติให้โอนสิทธิการเช่าแก่จำเลยและสิทธิการเช่าตึกพิพาทได้โอนไปยังจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานในวันพุธที่ 12 และนัดฟังคำพิพากษาวันศุกร์ที่ 14 เดือนเดียวกัน ถือว่ามีเวลาพอที่คู่ความจะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ เมื่อมิได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้มีการพิจารณาสืบพยานต่อไปหาได้ไม่
กรณีผู้เช่าหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันโดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 543 ได้บัญญัติวางหลักเกณฑ์ให้ศาลวินิจฉัยไว้ซึ่งแสดงว่าถ้าต่างคนต่างแย่งการเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างรายกันแล้ว คู่กรณีย่อมจะมาฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนมีสิทธิการเช่าดีกว่าคนอื่นได้แต่โจทก์รับโอนสิทธิการเช่าโดยไม่ถูกต้อง และยังมิได้เป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากผู้ให้เช่า ย่อมไม่มีทางที่จะฟ้องขอให้แสดงว่า โจทก์มีสิทธิการเช่าได้ ดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543 บัญญัติไว้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับโอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทจากผู้เช่าเดิมดีกว่าจำเลย โจทก์มีสิทธิจะทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับผู้ให้เช่าได้ก่อนจำเลยและขอให้บังคับจำเลยถอนคำร้องโต้แย้งคัดค้าน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ให้เช่าได้อนุมัติให้โอนสิทธิการเช่าแก่จำเลยและสิทธิการเช่าตึกพิพาทได้โอนไปยังจำเลยโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานในวันพุธที่ 12 และนัดฟังคำพิพากษาวันศุกร์ที่ 14 เดือนเดียวกัน ถือว่ามีเวลาพอที่คู่ความจะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ เมื่อมิได้โต้แย้งไว้จะอุทธรณ์ฎีกาขอให้มีการพิจารณาสืบพยานต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาและการอุทธรณ์: ศาลต้องให้โอกาสคู่ความโต้แย้ง & การรับพยานหลักฐานแม้ไม่เป็นไปตามฟอร์ม
คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลนั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาล จะต้องให้คู่ความมีโอกาสและเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานจำเลย และนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นแม้จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยไม่มีทนายและมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนหนึ่งวัน ทนายจำเลยซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งยื่นคำร้องต่อศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่าเพิ่งได้รับเป็นทนายจำเลยในวันที่ยื่นคำร้องและจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์กรณีเช่นนี้ ไม่เป็นการทำให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใด ชอบที่ศาลจะสั่งรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นได้ เป็นไปโดยเที่ยงธรรม หากโจทก์เห็นว่าจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเช่นนี้เพื่อเอาเปรียบโจทก์และโจทก์จะเสียหายโจทก์ก็มีทางแก้ไขได้โดยขอเลื่อนคดีไปหรือขอระบุพยานเพิ่มเติมเข้ามาอีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานจำเลย และนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นแม้จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยไม่มีทนายและมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนหนึ่งวัน ทนายจำเลยซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งยื่นคำร้องต่อศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่าเพิ่งได้รับเป็นทนายจำเลยในวันที่ยื่นคำร้องและจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์กรณีเช่นนี้ ไม่เป็นการทำให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใด ชอบที่ศาลจะสั่งรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นได้ เป็นไปโดยเที่ยงธรรม หากโจทก์เห็นว่าจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเช่นนี้เพื่อเอาเปรียบโจทก์และโจทก์จะเสียหายโจทก์ก็มีทางแก้ไขได้โดยขอเลื่อนคดีไปหรือขอระบุพยานเพิ่มเติมเข้ามาอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับบัญชีระบุพยานแม้ยื่นล่าช้า หากมีเหตุสมควรและไม่ทำให้คู่ความเสียหาย
คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลนั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจะต้องให้คู่ความมีโอกาสและเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานจำเลย และนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นแม้จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยไม่มีทนายและมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนหนึ่งวันทนายจำเลยซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งยื่นคำร้องต่อศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่าเพิ่งได้รับเป็นทนายจำเลยในวันที่ยื่นคำร้องและจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์กรณีเช่นนี้ ไม่เป็นการทำให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใด ชอบที่ศาลจะสั่งรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นได้เป็นไปโดยเที่ยงธรรม หากโจทก์เห็นว่าจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเช่นนี้เพื่อเอาเปรียบโจทก์และโจทก์จะเสียหายโจทก์ก็มีทางแก้ไขได้โดยขอเลื่อนคดีไปหรือขอระบุพยานเพิ่มเติมเข้ามาอีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานจำเลย และนัดตัดสินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าจำเลยไม่มีเวลาพอที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นแม้จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
จำเลยไม่มีทนายและมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนหนึ่งวันทนายจำเลยซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งยื่นคำร้องต่อศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่าเพิ่งได้รับเป็นทนายจำเลยในวันที่ยื่นคำร้องและจำเลยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์กรณีเช่นนี้ ไม่เป็นการทำให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใด ชอบที่ศาลจะสั่งรับบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นได้เป็นไปโดยเที่ยงธรรม หากโจทก์เห็นว่าจำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเช่นนี้เพื่อเอาเปรียบโจทก์และโจทก์จะเสียหายโจทก์ก็มีทางแก้ไขได้โดยขอเลื่อนคดีไปหรือขอระบุพยานเพิ่มเติมเข้ามาอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังขาดนัด และการอุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณาคดี
จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การ ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า การขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจ ไม่มีเหตุควรอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ให้ยกคำร้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้ไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นคำสั่งตามมาตรา 199 ซึ่งเป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาที่ไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ไม่อนุญาตอุทธรณ์ฎีกาได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ยังไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 จำต้องฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไปอีก ให้ยกคำร้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หาใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ยังไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 จำต้องฟังพยานหลักฐานของคู่ความต่อไปอีก ให้ยกคำร้อง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หาใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายไม่ ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งศาล: ต้องมีระยะเวลาพอสมควร แม้กฎหมายไม่ได้กำหนด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้กำหนดระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาไว้ แต่ก็ต้องให้มีระยะเวลาพอสมควรสำหรับโต้แย้งได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานวันที่ 10 เวลา 13.30 น. และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 เดือนเดียวกัน เวลา 13.00 น. เมื่อไม่ปรากฏเหตุขัดข้องอย่างใด ย่อมถือได้ว่ามีโอกาสและระยะเวลานานพอที่คู่ความฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยคำสั่ง จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานวันที่ 10 เวลา 13.30 น. และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 เดือนเดียวกัน เวลา 13.00 น. เมื่อไม่ปรากฏเหตุขัดข้องอย่างใด ย่อมถือได้ว่ามีโอกาสและระยะเวลานานพอที่คู่ความฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยคำสั่ง จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งศาล: ต้องมีเวลาพอสมควร แม้กฎหมายไม่ได้กำหนด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้กำหนดระยะเวลาโต้แย้งคำสั่งระหว่างพิจารณาไว้ แต่ก็ต้องให้มีระยะเวลาพอสมควรสำหรับโต้แย้งได้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานวันที่ 10 เวลา 13.30 น. และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 เดือนเดียวกัน เวลา 13.00 น. เมื่อไม่ปรากฏเหตุขัดข้องอย่างใด ย่อมถือได้ว่ามีโอกาสและระยะเวลานานพอที่คู่ความฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยคำสั่ง จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานวันที่ 10 เวลา 13.30 น. และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 13 เดือนเดียวกัน เวลา 13.00 น. เมื่อไม่ปรากฏเหตุขัดข้องอย่างใด ย่อมถือได้ว่ามีโอกาสและระยะเวลานานพอที่คู่ความฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยคำสั่ง จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้แล้ว