พบผลลัพธ์ทั้งหมด 675 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบ และอำนาจฟ้องของผู้เช่า
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแก้ไขหน้าที่นำสืบ และผลของการไม่โต้แย้งคำสั่ง
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: อุทธรณ์-ฎีกา
การทุเลาการบังคับคดีนั้นกฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้นๆ ไปกล่าวคือ ถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ ก็เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ ถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างฎีกา จึงจะอยู่ในอำนาจศาลฎีกา
คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องการทุเลาการบังคับเป็นอย่างไรแล้ว จะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ ต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 101/2491)
คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องการทุเลาการบังคับเป็นอย่างไรแล้ว จะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ ต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 101/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาที่จำกัดสิทธิในการโต้แย้ง หากศาลไม่ได้ให้โอกาสคู่ความในการโต้แย้งอย่างเพียงพอ
คำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อน จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาศและมีเวลาพอสมควรที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้ โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี: โอกาสโต้แย้งคำสั่งและสิทธิในการสืบพยาน
คำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 นั้น คู่ความจะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เสียก่อนจึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ในภายหลัง แต่ศาลจำจะต้องให้คู่ความมีโอกาสและมีเวลาพอสมควรที่โต้แย้งคำสั่งนั้นได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9-11/2494)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และสั่งให้งดสืบพยานจำเลยเสียด้วย แล้วนัดฟังคำพิพากษาเลยในวันนั้นเอง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีเวลาที่จะโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นได้ แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบไว้โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9-11/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: แม้จำเลยไม่โต้แย้งทันที ศาลสูงยังยกขึ้นวินิจฉัยเรื่องอำนาจศาลได้
ฟ้องขอให้โอนที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อขายนั้น เป็นคดีมีทุนทรัพย์ (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 12/2493 และฎีกาที่1065/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน. ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง จำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน. ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาศาลแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลสูงมีอำนาจยกคำพิพากษาและพิพากษายกฟ้องได้
ฟ้องขอให้โอนที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อขายนั้น เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ( อ้างคำสั่งคำร้องที่ 12/2493 และ ฎีกาที่ 1065/2493 )
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงจำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อ ก.ม.อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142 (5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงจำเลยต่อสู้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อศาลแขวงสั่งว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง แล้วพิจารณาคดีต่อไปนั้น แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ในทันที และมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จนศาลพิพากษาแล้ว จึงมาอุทธรณ์เรื่องอำนาจศาลอีก ดังนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องอำนาจศาลเป็นข้อ ก.ม.อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142 (5) และเมื่อเห็นว่าคดีเกินอำนาจศาลแขวง ศาลสูงก็ย่อมมีอำนาจให้ยกคำพิพากษาแขวงแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1032-1033/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่รับวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายระหว่างพิจารณาคดี ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้โดยตรง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายให้คู่ความฝ่ายหนึ่งตามที่คู่ความฝ่ายนั้นร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 นั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จะอุทธรณ์ฎีกามาโดยเฉพาะมิได้(อ้างฎีกาที่ 271/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบ - การโต้แย้งคำสั่ง - อุทธรณ์ฎีกา - ป.วิ.แพ่ง ม.226
เมื่อศาลสั่งให้คู่ความฝ่ายใดมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้ว ถ้าคู่คามฝ่ายนั้น ไม่เห็นด้วยและประสงค์จะอุทธรณ์ฎีกาในเรื่องคำสั่งหน้าที่สืบแล้ว คู่ความฝ่ายนั้นจะต้องโต้แย้งไว้ก่อนตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 226 มิฉะนั้นจะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบ - อุทธรณ์ฎีกา - การโต้แย้งคำสั่ง - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อศาลสั่งให้คู่ความฝ่ายใดมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วถ้าคู่ความฝ่ายนั้น ไม่เห็นด้วยและประสงค์จะอุทธรณ์ฎีกาในเรื่องคำสั่งหน้าที่นำสืบแล้วคู่ความฝ่ายนั้นจะต้องโต้แย้งไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 มิฉะนั้นจะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านไม่ได้