พบผลลัพธ์ทั้งหมด 675 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาโอนที่ดินและการเรียกคืนกรรมสิทธิ์: คดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ ฟ้องอ้างว่าโจทก์ได้ให้ที่ดินแก่จำเลยไปแล้วโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาให้ ดังนี้ ความประสงค์ก็คือเอากรรมสิทธิ์ ซึ่งโจทก์ว่าได้โอนไปให้ แล้วกลับคืนมานั่นเอง ดังจะเห็นได้จากคำขอที่ให้ถอนชื่อจำเลยออกเสียจากโฉนด คงชื่อไว้แต่โจทก์ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืนและเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาให้ที่ดินและการเรียกคืนกรรมสิทธิ ถือเป็นการเรียกทรัพย์คืน
โจทก์ ฟ้องอ้างว่าโจทก์ได้ให้ที่ดินแก่จำเลยไปแล้ว โจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาให้ ดังนี้ ความประสงค์ก็คือเอากรรมสิทธิ ซึ่งโจทก์ว่าได้โอนไปให้ แล้วกลับคืนมานั่นเอง ดังจะเห็นได้จากคำขอที่ให้ถอนชื่อจำเลยออกเสียจากโฉนด คงชื่อไว้แต่โจทก์ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืน และเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์ อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องเคลือบคลุมและการโต้แย้งคำสั่งศาล หากจำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลในขั้นตอนนั้น ย่อมไม่อาจยกขึ้นเป็นเหตุฎีกาได้
วันชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าฟ้องเคลือบคลุม ศาลสั่งว่า เมื่อจำเลยว่าฟ้องเคลือบคลุมก็ให้โจทก์แถลงในข้อนี้แล้ว ศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้โจทก์นำสืบถึงข้อที่โจทก์แถลงต่อหน้าศาลได้ ฝ่ายจำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งศาลตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 226 ไม่ จำเลยจึงฎีกาในข้อนี้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลในวันชี้สองสถาน ทำให้ฎีกาในข้อฟ้องเคลือบคลุมไม่ได้
วันชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าฟ้องเคลือบคลุม ศาลสั่งว่าเมื่อจำเลยว่าฟ้องเคลือบคลุมก็ให้โจทก์แถลงในข้อนี้แล้วศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้โจทก์นำสืบถึงข้อที่โจทก์แถลงต่อหน้าศาลได้ ฝ่ายจำเลยหาได้โต้แย้งคำสั่งศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ไม่จำเลยจึงฎีกาในข้อนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาต้องอ้างเหตุโต้แย้งคำสั่งศาลก่อน และการพิสูจน์ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม
การฎีกาโต้แย้งคำสั่งของศาลที่สั่งก่อนมีคำพิพากษาหรือคำชี้ขาดตัดสินคดีนั้น จะต้องได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้แล้วจึงจะฎีกาได้ตาม มาตรา226 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ตาม มาตรา1656 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องถามผู้อาพาธ3ครั้ง3หน พินัยกรรมจึงจะสมบูรณ์
ตาม มาตรา1656 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่จำเป็นต้องถามผู้อาพาธ3ครั้ง3หน พินัยกรรมจึงจะสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคัดค้านการจัดการมรดก และการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในเรื่องร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก แม้ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจคัดค้านศาลย่อมระลึกถึงข้อที่ผู้ร้องเรียนตลอดจนการเรียกพยานเพื่อประกอบการพิจารณาได้
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุติการพิจารณาคดีนั้น ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา(มาตรา 226ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาทศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุติการพิจารณาคดีนั้น ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา(มาตรา 226ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาทศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาข้อคัดค้านการตั้งผู้จัดการมฤดก และการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในเรื่องร้องขอเป็นผู้จัดมฤดก แม้ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจศาลย่อมระลึกถึงข้องที่ผู้ร้องเรียกตลอดจนการเรียกพะยานเพื่อประกอบการพิจารณาได้
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุตติการพิจารณาคดีนี้ ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา
(ม.226 ป.ม.วิ.แพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาท ศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้ เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาตามปกติย่อมเข้าใจว่า เป็นคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นหมดการพิจารณาสำหรับคดีนั้น ถ้ายังไม่ยุตติการพิจารณาคดีนี้ ก็ชอบที่จะใช้เป็นคำสั่งซึ่งในทางปฏิบัติเรียกว่าคำสั่งระหว่างพิจารณา
(ม.226 ป.ม.วิ.แพ่ง)
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ดำเนินคดีไปอย่างคดีมีข้อพิพาท ศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิเป็นคู่ความไม่ได้ เพราะขัดต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินการพิจารณาไปอย่างคดีมีข้อพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลที่ไม่ใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้เรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น ไม่ใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 อันจะอุทธรณ์ฎีกาได้ หากแต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเท่านั้น เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัย ชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาเรื่องอายุความ ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 ว่าคดีโจทก์หมดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่า คำให้การต่อสู้เรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น ไม่ใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา + อันจะอุทธรณ์ฎีกาได้ หากแต่เป็นคำสั่งระหว่าพิจารณาเท่านั้น เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาและการอุทธรณ์ฎีกา: การอนุญาตแก้ฟ้องและคำร้องชี้ขาดเบื้องต้นเรื่องอายุความ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาก่อนมีคำพิพากษา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ในเรื่องอายุความโดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้ของจำเลยเรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด จึงมิใช่คำสั่งศาลที่ได้ออกตามความในมาตรา 24 จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินอย่างเดียวกันคือคดีดำที่ 442,443,444,445,446/2490)
คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ในเรื่องอายุความโดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้ของจำเลยเรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด จึงมิใช่คำสั่งศาลที่ได้ออกตามความในมาตรา 24 จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินอย่างเดียวกันคือคดีดำที่ 442,443,444,445,446/2490)