คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 87 (2)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 182 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้มิได้ส่งสำเนาให้คู่ความก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วใบเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยานแม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้ไม่ได้ส่งสำเนาก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อการยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วในเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยาน แม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิฑีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, การสลักหลัง, และการรับรองข้อตกลงการรับสภาพหนี้
ทนายโจทก์แถลงต่อศาลว่า โจทก์นำพยานมาศาลสองปาก คือ ตัวทนายโจทก์ และ ร. เมื่อประเด็นรับฟังกันได้เป็นส่วนมาก โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานสองปากนี้ และติดใจสืบตัวโจทก์กับ ว. เพียง 2 ปาก วันนี้ไม่มาศาล โจทก์ขอเลื่อนคดี ทนายจำเลยมิได้คัดค้านประการใด จึงเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ต่อ ดังนี้ จำเลยจะมาคัดค้านว่าศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ไม่ชอบหาได้ไม่ และการที่โจทก์นำพยานที่โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบเข้าเบิกความต่อศาล ทนายจำเลยก็ได้ซักค้านพยานปากนี้โดยมิได้โต้แย้งประการใด แม้ต่อมาจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงคัดค้าน ก็ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะรับฟังพยานดังกล่าว
จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า โจทก์เป็นผู้ลงวันที่ในเช็คเอาเอง ทั้งไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ใดลงวันที่ในเช็คไม่ถูกต้องและปราศจากอำนาจ จึงต้องฟังว่าวันที่ปราฏในเช็คนั้นเป็นวันที่ออกเช็คที่ถูกต้องแท้จริง เมื่อโจทก์นำเช็คดังกล่าวมาขึ้นเงินภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ลงในเช็ค และฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะผู้สลักหลังได้
ตามคำแถลงรับของคู่ความ จำเลยยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คทุกฉบับ ประเด็นที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ จึงเป็นอันยุติตามที่จำเลยยอมรับ และจำเลยรับต่อไปว่า จำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท จำเลยจึงต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, การสลักหลัง, การรับสภาพหนี้, และการเลื่อนคดีสืบพยาน
ทนายโจทก์แถลงต่อศาลว่า โจทก์นำพยานมาศาลสองปาก คือ ตัวทนายโจทก์ และ ร. เมื่อประเด็นรับฟังกันได้เป็นส่วนมาก โจทก์ไม่ติดใจสืบพยานสองปากนี้ และติดใจสืบตัวโจทก์ กับ ว. เพียง 2 ปาก วันนี้ไม่มาศาล โจทก์ขอเลื่อนคดีทนายจำเลยมิได้คัดค้านประการใด จึงเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ต่อ ดังนี้ จำเลยจะมาคัดค้านว่าศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ไม่ชอบหาได้ไม่ และการที่โจทก์นำพยานที่โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบเข้าเบิกความต่อศาลทนายจำเลยก็ได้ซักค้านพยานปากนี้โดยมิได้โต้แย้งประการใด แม้ต่อมาจำเลยจะได้ยื่นคำแถลงคัดค้าน ก็ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะรับฟังพยานดังกล่าว
จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่า โจทก์เป็นผู้ลงวันที่ในเช็คเอาเอง ทั้งไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ใดลงวันที่ในเช็คไม่ถูกต้องและปราศจากอำนาจ จึงต้องฟังว่าวันที่ปรากฏในเช็คนั้นเป็นวันที่ออกเช็คที่ถูกต้องแท้จริง เมื่อโจทก์นำเช็คดังกล่าวมาขึ้นเงินภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ลงในเช็ค และฟ้องคีดภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เช็คถึงกำหนด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะผู้สลักหลังได้
ตามคำแถลงรับของคู่ความ จำเลยยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คทุกฉบับประเด็นที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงหรือไม่ จึงเป็นอันยุติตามที่จำเลยยอมรับ และจำเลยรับต่อไปว่า จำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท จำเลยจึงต้องรับผิดในฐานะผู้สลักหลังเช็คด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินหลังสัญญาหมดอายุและมีสัญญาใหม่ไม่มีกำหนดเวลา การบอกกล่าวล่วงหน้า และการสืบพยานนอกบัญชี
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์มีกำหนด 1 ปี โดยทำสัญญากันไว้เป็นหลักฐาน เมื่อสิ้นกำหนดตามสัญญา จำเลยยังคงครอบครองที่ดินที่เช่าอยู่ และโจทก์รู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วง การเช่าระหว่างโจทก์จำเลยในภายหลังต่อมาจึงถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 ซึ่งโจทก์ผู้ให้เช่าอาจบอกเลิกสัญญาเช่าตามมาตรา 566 ก็ได้ ดังนี้ เมื่อปรากฏว่ากำหนดระยะเวลาชำระค่าเช่ากันเป็นรายเดือน และโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2516 ให้จำเลยออกจากที่เช่าภายในวันที่ 31 มกราคม 2516 จำเลยรับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2516 และโจทก์ฟ้องจำเลยในวันที่ 8 มีนาคม 2516 จึงถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวล่วงหน้าก่อนชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งแล้วตามมาตรา 566 การบอกกล่าวของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 845/2490)
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2) จะห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนมาตรา 88 และมาตรา 90 ก็ตาม แต่ในมาตรา 87 (2) นั้นเอง ก็ได้บัญญัติต่อไปว่า " ฯลฯ แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้" ดังนั้นการที่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน และศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบตัวโจทก์ซึ่งเป็นพยานสำคัญในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 623/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนการซื้อขาย: สิทธิการฟ้องขับไล่และการเรียกร้องค่าเช่า
เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าตึกพิพาทจาก ส. ต่อมาได้ตกลกเลิกสัญญาเช่าต่อกันและมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่โดย จ.พี่ชายจำเลยเป็นผู้เช่าจาก ก. เจ้าของที่ดินและตึกพิพาท แต่จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาเช่าระหว่าง จ. กับ ก. โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินและตึกพิพาทจาก ก.ภายหลังที่จำเลยกับ ส.เลิกสัญญาเช่าต่อกันแล้ว จำเลยย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าตึกพิพาท ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่ฟ้อง จ. ผู้เช่าไม่ได้และจะเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายที่จำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนักแรกไม่น้อยกว่า 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติกรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2315/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่าเดิมมีผลต่อสิทธิการฟ้องขับไล่และการเรียกร้องค่าเช่าของผู้ซื้อที่ดินและตึก
เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าตึกพิพาทจากส. ต่อมาได้ตกลงเลิกสัญญาเช่าต่อกันและมีการทำสัญญาเช่ากันใหม่โดย จ. พี่ชายจำเลยเป็นผู้เช่าจาก ก.เจ้าของที่ดินและตึกพิพาทแต่จำเลยยังคงอยู่ในตึกพิพาทโดยอาศัยสัญญาเช่าระหว่าง จ. กับ ก. โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินและตึกพิพาทจาก ก. ภายหลังที่จำเลยกับ ส.เลิกสัญญาเช่าต่อกันแล้วจำเลยย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เช่าตึกพิพาทดังนี้ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่ฟ้อง จ. ผู้เช่าไม่ได้และจะเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายที่จำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
จำเลยอ้างเอกสารที่แสดงการยกเลิกเพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. เป็นพยานหลักฐาน แม้จำเลยจะมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานนัดแรกไม่น้อยกว่า 3 วันอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่เมื่อเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ทั้งการรับฟังก็ไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด เพราะจำเลยได้อ้างก่อนสืบพยานโจทก์ และส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานจำเลย โจทก์ยังมีโอกาสที่จะขออนุญาตต่อศาลสืบหักล้างได้อยู่ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจึงรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารเพิ่มเติมและการแปลเอกสารต่างประเทศในคดีแพ่ง
โจทก์ได้ระบุพยานเอกสารเพิ่มเติมก่อนเสร็จการสืบพยานของจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28แต่ในวันที่ 27 เดือนนั้น โจทก์ได้ส่งสำเนาเอกสารเหล่านั้นให้จำเลยในวันที่ 28 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงคัดค้านไม่ให้ศาลรับฟังเอกสารดังกล่าว โจทก์แถลงขอให้ศาลเลื่อนคดีไปเพื่อให้โอกาสจำเลยได้มีเวลาตรวจดูเอกสารหรือศึกษาข้อเท็จจริงจากเอกสารนั้นก่อน จำเลยคัดค้านว่าไม่ควรเลื่อนเพราะเหตุนี้ ศาลให้เลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 เดือนถัดมา ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) หาขัดต่อ มาตรา 90 ไม่
แม้เอกสารดังกล่าวจะเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย ก็เป็นเรื่องที่ศาลเห็นสมควรจะสั่งให้ทำคำแปลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 วรรคสามหรือไม่ เมื่อศาลไม่สั่ง โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องทำคำแปล และศาลรับฟัง เอกสารดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ยื่นตามกำหนด หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87(2)
จำเลยได้ระบุอ้างเอกสารไว้ในบัญชีพยานโดยชอบแล้ว แต่มิได้ยื่นเอกสารนั้นต่อศาล และส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน จำเลยเพิ่งส่งต้นฉบับต่อศาลในวันสืบพยานโจทก์ระหว่างตัวโจทก์เบิกความและส่งสำเนาให้แก่โจทก์ในวันนั้น เมื่อเอกสารฉบับนี้เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีและศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานเอกสารฉบับนี้โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของมาตรา 87(2) แล้ว ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานเอกสารฉบับนี้ได้โดยไม่จำต้องปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลตามมาตรา 90(3) เสียก่อน เพราะมาตรา 90(3) เป็นเพียงข้อยกเว้นของความในวรรคแรกแห่งมาตรา 90 มิใช่เป็นบทจำกัดอำนาจที่ศาลมีอยู่ตามมาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนคำร้องขอคืนของกลางในคดีอาญา ศาลต้องเปิดโอกาสโจทก์สืบพยานหักล้างได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในกรณีผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกศาลสั่งให้ริบยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้คืนทรัพย์ที่ริบเพราะมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด แม้โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วมิได้คัดค้านก็ตาม จะถือว่าโจทก์ยอมรับว่าทรัพย์ของกลางนั้นเป็นของผู้ร้องรวมตลอดทั้งเหตุผลที่อ้างในการขอคืนทรัพย์ในคำร้องนั้นด้วยยังไม่ได้ และการที่โจทก์มายื่นบัญชีอ้างพยานเมื่อฝ่ายผู้ร้องสืบพยานเสร็จ ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์สืบพยานได้ หากศาลเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
of 19