คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 172 เดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้ตามหนังสือและการฟ้องผิดสัญญาประกันภัย การฟ้องต้องสอดคล้องกับหนังสือรับสภาพหนี้
หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 กล่าวอ้างถึงหนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งจำเลยเคยขอเสนอชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท และจำเลยยืนยันในหนังสือเอกสารหมาย จ.7 อีกครั้งว่าจะชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด แม้จำนวนเงินที่จำเลยเสนอจะต่ำกว่าที่โจทก์เรียกร้อง เป็นจำนวนเงิน174,203.40 บาท ก็ตาม แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งค่าสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน147,375.06 บาท กลับยืนยันว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามความหมายใน ป.พ.พ.มาตรา172 เดิม
ความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย การเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกัยภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้อง เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล แม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วยก็ตาม แต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อได้ความว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง มิได้รับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้องเช่นกัน เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการยกข้อเท็จจริงใหม่ในฎีกา: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากฟ้องในนามตนเองโดยมิได้รับมอบอำนาจ และศาลไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันในชั้นต้น
จำเลยเป็นหนี้เงินกู้มารดาโจทก์ โจทก์ทำหนังสือรับสภาพหนี้แทนมารดาโจทก์ให้จำเลยลงชื่อ โจทก์และจำเลยจึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีในนามของตนเองโดยมิได้รับมอบอำนาจจากมารดาโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์นำสืบและอ้างในคำแก้ฎีกาว่า มารดาโจทก์ยกหนี้รายนี้ให้โจทก์โดยโจทก์มิได้ฟ้องตั้งประเด็นเช่นนั้น แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดของอายุความตาม ป.พ.พ.
หนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำไว้กับโจทก์เป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฝ่ายเดียว โดยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงโจทก์หาได้ลงลายมือชื่อ โดยมีการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ลูกหนี้หรือสาระสำคัญแห่งหนี้อันจะถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 349 ไม่ จึงไม่ทำให้มูลหนี้-เดิมระงับสิ้นไปเกิดเป็นมูลหนี้ใหม่ คือมูลหนี้เงินที่ต้องผ่อนชำระทุนคืนเป็นงวด ๆตามหนังสือรับสภาพหนี้ ซึ่งมีอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (2)ที่แก้ไขใหม่
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำหนังสือรับสภาพหนี้กับโจทก์ย่อมทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) ที่แก้ไขใหม่ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความ และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดคือวันที่ 4 เมษายน 2523ซึ่งเป็นวันที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำหนังสือรับสภาพหนี้กับโจทก์ ซึ่งนับถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี หนี้ตามคำขอให้โจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและหนี้ตามสัญญารับมอบสินค้าเชื่อหรือทรัสต์รีซีทซึ่งจำเลยที่ 3 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้ จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีจากการผิดสัญญาจ้างและละเมิด การสะดุดหยุดของอายุความด้วยการรับสภาพหนี้
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 ให้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านโจทก์ตามสัญญาจ้างท้ายฟ้อง ตามสัญญาดังกล่าวจำเลยที่ 1 จะต้องปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งของโจทก์หรือบุคคลที่โจทก์มอบหมาย หากจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้วยประการใด ๆ จนเกิดความเสียหายขึ้นในภายหน้าแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จนครบ และต่อมาในระหว่างสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบัญชีได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้สินค้าของโจทก์ขาดบัญชีและลูกหนี้การค้าทั่วไปคลาดเคลื่อน โจทก์ได้รับความเสียหายเช่นนี้เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิดที่โจทก์อ้างในฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ผิดสัญญาจ้างแรงงานและทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ในกรณีเช่นนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ทั้งสองทาง สำหรับสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงต้องถืออายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164(เดิม) ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม2528 จึงต้องเริ่มนับอายุความ 10 ปีใหม่ตั้งแต่วันดังกล่าวตามมาตรา 181(เดิม) โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2529คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3180/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้แพ่งสะดุดหยุดลงจากการยอมรับหนี้โดยการสั่งจ่ายเช็คใหม่ และการร่วมรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ
จำเลยที่ 1 สั่งซื้อและรับสินค้าไปจากโจทก์หลายคราวแล้วสั่งจ่ายเช็คจำนวน 25 ฉบับ ลงวันที่สั่งจ่ายระหว่างเดือนมิถุนายน 2528 ถึงเดือนสิงหาคม 2529 ให้โจทก์เพื่อชำระค่าสินค้า เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 1 ก็ได้สั่งจ่ายเช็คฉบับใหม่แทนฉบับเดิมพร้อมดอกเบี้ยตลอดมาและเมื่อเช็คที่เปลี่ยนถึงกำหนด โจทก์เรียกเก็บธนาคารตามเช็คก็ปฏิเสธการจ่ายเงินอีก การกระทำดังกล่าวเป็นกรณีจำเลยที่ 1 กระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้วอายุความในการเรียกร้องค่าสินค้าของจำเลยที่ 1 ย่อมสะดุดหยุดลงและอายุความจะเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ลงในเช็คแต่ละฉบับอันเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คเป็นต้นไป เมื่อเช็คฉบับหลังสุดที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเงินจำนวน 531,134 บาท ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2529 โจทก์นำหนี้จำนวนดังกล่าวมาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2530 จึงยังไม่เกิน 2 ปี หนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจึงไม่ขาดอายุความ การที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าเป็นเช็คประกันหนี้ค่าสินค้าที่ซื้อนั้น เป็นเรื่องวินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าไม่มีหนี้สินต่อกันประกอบกับการฟ้องคดีเช็คทางอาญานั้น ไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา ดังนั้นในการพิจารณาคดีแพ่งศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – ขาดรายละเอียดการซื้อขายและชำระหนี้ ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์จำนวนเงิน 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้องแต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า "วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลาโดยไม่ถือหมิ่นประมาท" ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้าง จำนวนเท่าไร และจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไร เมื่อใดดังนี้จำเลยย่อมไม่อาจเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ซื้อของเชื่อ: การรับสภาพหนี้ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง และเริ่มนับใหม่ตามมูลหนี้เดิม
จำเลยซื้อของเชื่อไปจากโจทก์ ต่อมาได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยซื้อของเชื่อให้โจทก์ การรับสภาพหนี้ดังกล่าวมีผลทำให้อายุความสิทธิเรียกร้องในหนี้เดิมสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้เดิมที่ลูกหนี้รับสภาพหนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เดิม เมื่อมูลหนี้เดิมของโจทก์เป็นเรื่องการซื้อของเชื่อจึงเป็นกรณีที่บุคคลผู้เป็นพ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของซึ่งมีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) เดิมโจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันถัดจากวันที่ครบกำหนดตามหนังสือรับสภาพหนี้ ฟ้องโจทก์ย่อมขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ค่าสินค้าและการยอมรับหนี้โดยการชำระด้วยเช็ค การสะดุดหยุดอายุความ และผลกระทบต่อการฟ้องร้อง
การที่จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อไก่จากโจทก์หลายครั้งหลายรายการในระหว่างวันที่ 22 ถึง 31 มีนาคม 2527 จำเลยนำเช็คมาชำระหนี้ให้โจทก์ 4 ฉบับ ดังนี้ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่า จำเลยยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ อายุความจึงสะดุดหยุดลง จำเลยนำเช็คมาชำระหนี้ให้โจทก์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2527 ซึ่งยังอยู่ภายในอายุความ 2 ปี นับแต่วันทำการซื้อขายสินค้าอายุความสะดุดหยุดลงในวันนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172(เดิม) เช็คพิพาท 4 ฉบับที่จำเลยชำระให้แก่โจทก์ฉบับแรกลงวันที่ 30 ตุลาคม 2527 ฉบับที่สองลงวันที่ 30 พฤศจิกายน2527 ฉบับที่สามลงวันที่ 30 ธันวาคม 2527 และฉบับที่สี่ลงวันที่30 มกราคม 2528 เมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดสั่งจ่ายเงิน จึงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันนั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 1ธันวาคม 2529 จำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องเรียกตามเช็คฉบับแรกและฉบับที่สองจึงเกินกำหนด 2 ปี ย่อมขาดอายุความ ส่วนจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องเรียกตามเช็คฉบับที่สามและฉบับที่สี่ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการละเสียซึ่งอายุความทางแพ่ง กรณีหนี้ค่าอะไหล่จากการซ่อมรถ
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาจ้างทำของ ซื้อขายและผิดสัญญารับสภาพหนี้ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้จ้างให้โจทก์ทำการซ่อมตู้เย็นเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งในตู้ห้องเย็นตลอดจนเครื่องยนต์ที่ใช้สำหรับตู้เย็นด้วย รวมการซ่อมแซมทั้งสิ้น 155ครั้ง ซึ่งตู้เย็นดังกล่าวนั้นติดตั้งอยู่บนรถบรรทุกทั้งหมด 32 คันที่จำเลยซื้อมาจากบริษัทส.และบริษัทส. ได้ซื้อตู้ห้องเย็นมาจากโจทก์ โจทก์ได้ทำการซ่อมให้กับจำเลยตรงตามวัตถุประสงค์จนครบถ้วนตามใบสั่งซ่อมแล้วดังนี้โจทก์ได้บรรยายถึงมูลหนี้เรื่องจ้างทำของคือ จำเลยส่งรถบรรทุกห้องเย็นมาให้โจทก์ซ่อมเครื่องทำความเย็นจำนวน 155 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 817,905.87 บาทส่วนจะเป็นค่าอะไหล่อะไร เครื่องทำความเย็นของรถหมายเลขเท่าไรค่าซ่อมจำนวนเท่าใดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วแม้ภายหลังโจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องโดยตัดคำว่า ค่าแรงงานในคำฟ้องเดิมออก คงเรียกร้องแต่ค่าอะไหล่เพียงอย่างเดียวก็ไม่ทำให้คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยขอให้โจทก์ส่งใบสั่งซ่อมไปให้จำเลย เพราะว่าจำเลยต้องการเอกสารดังกล่าวไปประกอบการตรวจสอบหนี้ค่าซ่อมเครื่องทำความเย็นระหว่างโจทก์จำเลย ซึ่งมีความหมายว่า เมื่อตรวจสอบแล้วหากพบว่ามีหลักฐานการสั่งซ่อมถูกต้องแล้วจำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์การกระทำดังกล่าวแม้จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องเรียกค่าอะไหล่ที่โจทก์ได้เปลี่ยนซ่อมให้จำเลย ถือได้ว่าโจทก์เป็นช่างฝีมือเรียกเอาค่าทำของจากจำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1) จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่ากำลังตรวจสอบเอกสารต่าง ๆหากตรวจสอบเสร็จแล้วจะดำเนินการชำระหนี้ให้โจทก์ หนังสือดังกล่าวนอกจากจะถือว่าจำเลยรับสภาพหนี้แล้ว ยังเป็นการไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ในหนี้ส่วนที่ขาดอายุความ ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความในหนี้ส่วนนั้นแล้ว จำเลยจึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์อีก
of 2