คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 192 เดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6460/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดก: จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกเกิน 10 ปี ยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อเปลี่ยนแปลงหลักฐานทางทะเบียน อายุความย่อมตัดสิทธิทายาทอื่น
จำเลยทั้งสองทำกินในทรัพย์มรดกร่วมกับเจ้ามรดกและมารดาจำเลยทั้งสามก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรม10ปีเศษเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมก็ยังครอบครองทรัพย์มรดกนับแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรมเกิน10ปีแล้วโดยโจทก์และผู้ร้องสอดไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรกฉะนั้นสิทธิของโจทก์และผู้ร้องสอดให้จำเลยทั้งสองแบ่งมรดกซึ่งเป็นคดีจึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1754วรรคท้ายสิทธิในทรัพย์มรดกดังกล่าวย่อมตกแก่จำเลยทั้งสองโดยสมบูรณ์การที่จำเลยที่1ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกในเวลาต่อมาก็เพื่อจะดำเนินการให้มีอำนาจเปลี่ยนแปลงหลักฐานทางทะเบียนให้ได้สิทธิโดยสมบูรณ์ในทรัพย์มรดกเท่านั้นหาใช้เพื่อประโยชน์แก่ทายาทอื่นๆซึ่งสิ้นสิทธิในการฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์มรดกไปโดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1754แล้วไม่ กรณีดังกล่าวมิใช่กรณีจำเลยที่1สละประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา192เดิมหรือ193/24ใหม่ฉะนั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกแทนหรือเพื่อประโยชน์แก่ทายาทอื่นทั้งปวงของเจ้ามรดกโจทก์และผู้ร้องจะยกเอาประโยชน์แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1748มาอ้างสิทธิเพื่อเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองแบ่งทรัพย์มรดกเมื่อล่วงพ้นกำหนดอายุความตามมาตรา1754แล้วหาได้ไม่จำเลยจึงยกอายุความใช้ยันโจทก์และผู้ร้องสอดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5329/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละอายุความด้วยการผ่อนผันหนี้และแปลงหนี้เป็นหนี้เงินกู้ ทำให้เกิดผลผูกพันตามสัญญาใหม่
หลังจากสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินขาดอายุความแล้วจำเลยทำหนังสือขอผ่อนผันการชำระหนี้ถึงโจทก์แจ้งว่าตามที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยยินยอมชำระหนี้ให้โจทก์โดยการผ่อนชำระและจำเลยยอมสละประโยชน์แห่งอายุความของสิทธิเรียกร้องดังกล่าวข้างต้นย่อมถือได้ว่าจำเลยได้แสดงเจตนาที่จะสละประโยชน์แห่งอายุความแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/24 แม้หนังสือดังกล่าวจะมีข้อความว่าจำเลยขอแปลงหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหนี้เงินกู้โดยขอให้งดคิดดอกเบี้ยหนี้เงินกู้ใหม่ไว้1ปีด้วยก็ตามแต่ก็มิได้มีข้อกำหนดว่าหากโจทก์ไม่ตกลงตามข้อเสนอดังกล่าวแล้วจะมีผลอย่างไรการที่โจทก์ไม่ตกลงด้วยในการงดคิดดอกเบี้ยจึงไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของการแสดงเจตนาสละประโยชน์แห่งอายุความของจำเลย จำเลยทำหนังสือสัญญาแปลงหนี้จากหนี้เดิมตามตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหนี้เงินกู้แม้หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจะขาดอายุความแล้วแต่เมื่อโจทก์จำเลยยังมีหนี้เดิมต่อกันตามตั๋วสัญญาใช้เงินสัญญากู้ที่แปลงหนี้มาก็ย่อมมีมูลหนี้โจทก์จำเลยจึงต้องผูกพันกันตามหนังสือสัญญาแปลงหนี้ดังกล่าวจำเลยจึงไม่มีสิทธิยกอายุความตามตั๋วสัญญาใช้เงินขึ้นต่อสู้โจทก์ หนี้ตามสัญญากู้ที่จำเลยตกลงกับโจทก์แปลงมาจากหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินตามหนังสือแปลงหนี้มีข้อตกลงว่าจำเลยจะชำระหนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้นเมื่อโจทก์เรียกร้องจึงเป็นหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2709/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเสียซึ่งอายุความจากการตอบรับหนี้บางส่วน และผลกระทบต่อการยกอายุความขึ้นต่อสู้
โจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานสิทธิของโจทก์ในการเรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับในการนั้นคือค่าใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศระหว่างวันที่ 12 เมษายน 2528 ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2528 จากจำเลยมีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) เดิมโจทก์มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องภายใน 2 ปี นับแต่ขณะที่อาจจะบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความแต่การที่จำเลยมีหนังสือตอบหนังสือทวงถามของโจทก์เพื่อให้จำเลยชำระเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศภายหลังจากสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความแล้วโดยในตอนท้ายของหนังสือดังกล่าวมีข้อความทำนองว่าจำเลยยอมรับผิดชอบชำระค่าใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่โจทก์ทวงถามและยินดีผ่อนชำระให้โจทก์เดือนละ 500 บาท จนกว่าจะหมดนั้นถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 192 เดิม แล้ว การที่จำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความมิใช่เป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 เดิม อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความตามมูลหนี้เดิมขึ้นใหม่ดังนั้นแม้โจทก์จะนำคดีนี้มาฟ้องเมื่อเลยกำหนดเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่จำเลยมีหนังสือตอบหนังสือทวงถามของโจทก์จำเลยก็หาอาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ไม่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความปัญหาว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความหรือไม่จึงรวมอยู่ในประเด็นพิพาทว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ด้วยและศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยประเด็นพิพาทว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความโดยได้วินิจฉัยด้วยว่าการที่จำเลยมีหนังสือไปถึงโจทก์ไม่เป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความดังนั้นปัญหาว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความหรือไม่จึงเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2709/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเสียอายุความ: แม้สิทธิเรียกร้องขาดอายุความแล้ว การยอมรับชำระหนี้ภายหลัง ถือเป็นการละเสียอายุความได้
โจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงาน สิทธิของโจทก์ในการเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นคือค่าใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากจำเลย มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165 (7)เดิม โจทก์มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องนั้นภายใน 2 ปี นับแต่ขณะที่อาจจะบังคับสิทธิเรียกร้องนั้นได้ สิทธิเรียกร้องดังกล่าวของโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว แต่ที่จำเลยมีถึงโจทก์ตอบที่โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินค่าใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้แก่โจทก์ภายหลังจากสิทธิเรียกร้องดังกล่าวของโจทก์ได้ขาดอายุความแล้ว ปรากฏว่าแม้ข้อความในหนังสือที่จำเลยมีถึงโจทก์ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่จำเลยต่อว่าโจทก์ถึงข้อบกพร่องในการปฏิบัติงานของพนักงานของโจทก์และแจ้งให้โจทก์แก้ไขปรับปรุงการทำงานของพนักงานของโจทก์ แต่ตอนท้ายของหนังสือดังกล่าวก็มีข้อความในทำนองว่าจำเลยยอมรับผิดชอบชำระค่าใช้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่โจทก์ทวงถามและยินดีผ่อนชำระให้โจทก์เดือนละ 500 บาท จนกว่าจะหมด การที่จำเลยมีถึงโจทก์เช่นนั้น จึงถือได้ว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 192 เดิมแล้ว
การที่จำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความนั้นมิใช่เป็นการรับสภาพหนี้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 172 เดิม อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความตามมูลหนี้เดิมขึ้นใหม่ ดังนั้นแม้โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อเลยกำหนดเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แล้ว จำเลยก็หาอาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ไม่
จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ ปัญหาว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความหรือไม่รวมอยู่ในประเด็นพิพาทว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ด้วย และศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยประเด็นพิพาทว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ โดยได้วินิจฉัยด้วยว่าการที่จำเลยมีหนังสือเอกสารหมาย จ.13 ไปถึงโจทก์ไม่เป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ดังนั้นปัญหาว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความหรือไม่ จึงเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าการที่จำเลยทำหนังสือถึงโจทก์นั้น เป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความหรือไม่ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2783/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการละเสียซึ่งอายุความทางแพ่ง กรณีหนี้ค่าอะไหล่จากการซ่อมรถ
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาจ้างทำของ ซื้อขายและผิดสัญญารับสภาพหนี้ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้จ้างให้โจทก์ทำการซ่อมตู้เย็นเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งในตู้ห้องเย็นตลอดจนเครื่องยนต์ที่ใช้สำหรับตู้เย็นด้วย รวมการซ่อมแซมทั้งสิ้น 155ครั้ง ซึ่งตู้เย็นดังกล่าวนั้นติดตั้งอยู่บนรถบรรทุกทั้งหมด 32 คันที่จำเลยซื้อมาจากบริษัทส.และบริษัทส. ได้ซื้อตู้ห้องเย็นมาจากโจทก์ โจทก์ได้ทำการซ่อมให้กับจำเลยตรงตามวัตถุประสงค์จนครบถ้วนตามใบสั่งซ่อมแล้วดังนี้โจทก์ได้บรรยายถึงมูลหนี้เรื่องจ้างทำของคือ จำเลยส่งรถบรรทุกห้องเย็นมาให้โจทก์ซ่อมเครื่องทำความเย็นจำนวน 155 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 817,905.87 บาทส่วนจะเป็นค่าอะไหล่อะไร เครื่องทำความเย็นของรถหมายเลขเท่าไรค่าซ่อมจำนวนเท่าใดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วแม้ภายหลังโจทก์จะขอแก้ไขคำฟ้องโดยตัดคำว่า ค่าแรงงานในคำฟ้องเดิมออก คงเรียกร้องแต่ค่าอะไหล่เพียงอย่างเดียวก็ไม่ทำให้คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยขอให้โจทก์ส่งใบสั่งซ่อมไปให้จำเลย เพราะว่าจำเลยต้องการเอกสารดังกล่าวไปประกอบการตรวจสอบหนี้ค่าซ่อมเครื่องทำความเย็นระหว่างโจทก์จำเลย ซึ่งมีความหมายว่า เมื่อตรวจสอบแล้วหากพบว่ามีหลักฐานการสั่งซ่อมถูกต้องแล้วจำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์การกระทำดังกล่าวแม้จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 โจทก์ฟ้องเรียกค่าอะไหล่ที่โจทก์ได้เปลี่ยนซ่อมให้จำเลย ถือได้ว่าโจทก์เป็นช่างฝีมือเรียกเอาค่าทำของจากจำเลย สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1) จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่ากำลังตรวจสอบเอกสารต่าง ๆหากตรวจสอบเสร็จแล้วจะดำเนินการชำระหนี้ให้โจทก์ หนังสือดังกล่าวนอกจากจะถือว่าจำเลยรับสภาพหนี้แล้ว ยังเป็นการไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ในหนี้ส่วนที่ขาดอายุความ ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความในหนี้ส่วนนั้นแล้ว จำเลยจึงไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์อีก