คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ม. 13 ทวิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 16 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4463/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจกยาเสพติดถือเป็นการ 'ขาย' ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แม้ไม่ได้มีเจตนาค้าขาย
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย เห็นได้ว่าการขายเมทแอมเฟตามีนตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้มีความหมายเฉพาะการขายกันโดยตรงเท่านั้นไม่ การจ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบแก่กันไม่ว่าจะกระทำในลักษณะอย่างไรและโดยจุดประสงค์ใดจะเป็นเพื่อการค้าหรือไม่ ก็อยู่ในความหมายของคำว่า"ขาย" ตามมาตรา 4 นี้ทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อแจกแก่ลูกน้อง การ "แจก" หรือ การ "ขาย" การมีไว้เพื่อ "แจก" ก็คือการมีไว้เพื่อ "ขาย" หรือเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง 3 เม็ด ไม่น่าจะมีปริมาณเกิน 0.500 กรัมตามที่รัฐมนตรีกำหนดนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้พิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา13 ทวิวรรคหนึ่ง,89 เพียงกรรมเดียวบทเดียว ไม่ได้พิพากษาลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินประมาณที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106ทวิ ด้วยแต่ประการใดจึงมิใช่เป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกระทำความผิดจำหน่ายยาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยาเสพติดเอง
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัทเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 1ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับ และร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการ เจรจาราคาจากเม็ดละ 20 บาท เป็นเม็ดละ 25 บาท เมื่อสายลับ ตกลงซื้อจำเลยที่ 1 ก็รับเงิน 1,000 บาท จากสายลับแล้วมอบ ให้แก่จำเลยที่ 2 แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้เป็นผู้ครอบครอง เมทแอมเฟตามีน ที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีน ดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เป็นเพียงแนะนำให้สายลับ ทราบว่ามีขายเท่านั้น จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำ ความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยที่ 1 จึงมี ความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดดังกล่าวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9134/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกระทำผิดค้ายาเสพติด แม้ไม่ได้ครอบครองยา
จำเลยทั้งสองทำงานที่บริษัท ส.ด้วยกัน ในวันเวลาเมื่อจำเลยที่ 1 ทราบว่าสายลับมาขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจำเลยที่ 1 ได้เรียกจำเลยที่ 2 มาขายให้แก่สายลับและร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการเจรจาเรียกราคาเมทแอมเฟตามีนเมื่อสายลับตกลงซื้อ จำเลยที่ 1 ก็รับเงินจากสายลับแล้วมอบให้แก่จำเลยที่ 2 ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแม้จำเลยที่ 1จะมิได้เป็นผู้ครอบครองเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ขายให้แก่สายลับก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้รู้เห็นและมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 ในการขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาตั้งแต่ต้น เมื่อจำเลยที่ 1 มีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 และได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดเข้าลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดฐานขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6863/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่แก้ไขเพิ่มเติม ศาลมีอำนาจลงโทษตามกฎหมายที่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อ้าง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือน จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษหรือลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรลงโทษจำเลยเพียงใดเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก บทบัญญัติในมาตรา 13 และ 89 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ยังมิได้ถูกยกเลิกเด็ดขาดไปเสียทีเดียว เพราะความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 และมาตรา 13 แห่ง พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 ให้ยกเลิกไปใช้บังคับเพิ่มเติมและบังคับแทนบทบัญญัติในมาตรา 13 และ 89 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ทั้งตามกฎหมายฉบับหลังที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มีเป็นการแก้ไขโทษปรับขึ้นสูงตามมาตรา 89 ให้ต่ำลงมาจาก 500,000 บาท เหลือ400,000 บาท อันเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งจะต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้มาปรับแก่คดีตามนัย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 อยู่แล้วดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้กล่าวอ้างกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5333/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเพโมลีนหลังประกาศเปลี่ยนประเภทวัตถุออกฤทธิ์ และการใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ที่เป็นคุณต่อจำเลย
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 58(พ.ศ. 2532)เรื่องเปลี่ยนแปลงประเภทวัตถุออกฤทธิ์ ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลบังคับเช่นกฎหมาย จำเลยครอบครองเพโมลีน โดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวนเดียวกับที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วจึงไม่ต้องปรับบทลงโทษในความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก การมีเพโมลีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย มิใช่เป็นความผิดในตัวเอง แต่เป็นความผิดเพราะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ซึ่งแต่เดิมจัดอยู่ในวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้ขายได้ตามสภาพและพฤติการณ์จำเลยอาจไม่รู้ว่าการมีเพโมลีนไว้ในครอบครองเพื่อขายเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย และหากจำเลยสามารถนำพยานหลักฐานมีพิสูจน์เช่นว่านั้นได้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 ให้ยกเลิกมาตรา 13 เดิมและใช้ความใหม่แทน และให้เพิ่มความเป็นมาตรา 13 ทวิ การกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 13 ทวิ และมีโทษตามมาตรา ซึ่งมาตรา 89 ที่แก้ไขใหม่มีโทษเบากว่าโทษตามมาตรา 89 เดิม จึงต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 89 ที่แก้ไขใหม่เพราะเป็นกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3237/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ศาลใช้กฎหมายใหม่ที่แก้ไขโทษปรับให้แก่จำเลย
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มี พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับโดยเพิ่มเติมมาตรา 13 ทวิ แยกจากเดิมซึ่งบัญญัติรวมไว้ในมาตรา 13และแก้ไขโทษปรับขั้นสูงตามมาตรา 89 ให้ต่ำลง ถือว่าเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้บทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้มาปรับแก่คดีตาม ป.อ. มาตรา 3.
of 2