คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 192 วรรคห้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9081/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษผิดพลาดในความผิดฐานขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง
จำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตแต่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ.2522มาตรา62,43(2)ซึ่งไม่ถูกต้องที่ถูกต้องเป็นมาตรา42,43(6)และแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา43(2)ก็ตามเป็นเพียงแต่โจทก์อ้างบทมาตราผิดไปศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5665/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เปลี่ยนแปลงข้อหาจากลักทรัพย์เป็นฉ้อโกง: ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาคดีถึงจำเลยที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันฉ้อโกงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคสามและวรรคห้าและเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยซึ่งมิได้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา213ประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3634/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายถูกยกเลิกแล้ว โจทก์ขอลงโทษจำเลยตามประกาศคณะปฏิวัติที่หมดอายุ คดีไม่อาจลงโทษได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานขับรถยนต์บรรทุกน้ำหนักเกินอัตราขอให้ลงโทษตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 56,83แต่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวถูกยกเลิกโดย พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 3 ก่อนจำเลยกระทำความผิด จึงเท่ากับโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่ถูกยกเลิกแล้ว มิใช่เรื่องอ้างบทกฎหมายผิด ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวไม่ได้ คดีไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดข้อหานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถานและข่มขู่ด้วยอาวุธ: ศาลลงโทษจำเลยฐานบุกรุกแม้โจทก์ไม่ได้ขอโทษฐานนี้
การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปบ้านผู้เสียหายในเวลากลางคืนโดยจำเลยที่ 1 ถือพร้ายืนคุมเชิงอยู่ที่บันไดบ้าน และจำเลยที่ 2ใช้มีดกดคอและใช้ปืนจี้ศีรษะผู้เสียหายแล้วขู่ว่าจะยิงหากขัดขืนจะถือเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายยังไม่ได้ จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควร ตามมาตรา 364 แม้โจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตราดังกล่าวมาด้วย แต่ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสองเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร ดังนี้ ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 365 ประกอบมาตรา 364 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคห้าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 เป็น 391 เมื่อการกระทำไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมตาม ป.อ.มาตรา 295 ปรากฏในทางพิจารณาว่า การกระทำผิดของจำเลยกับพวกที่รุมทำร้ายโจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่เป็นอันตรายแก่กายยังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 295 ศาลย่อมปรับบทลงโทษตามมาตรา 391ซึ่งเป็นการกระทำความผิดส่วนหนึ่งของบทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษมาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2057/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น โดยการยุยงส่งเสริม และความรับผิดฐานผู้สนับสนุน
จำเลยตะโกนว่า พ่อมันมาแล้ว เอามันเลย แล้ว ส. ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้ตาย ดังนี้จำเลยต้องมีความผิดฐานยุยงส่งเสริมให้นาย ส. ฆ่าผู้ตาย ตาม ป.อ. มาตรา 84 ประกอบด้วยมาตรา 288 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำผิด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้แตกต่างจากฟ้อง จึงลงโทษในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้ แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4681/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงานตำรวจ การพิพากษาลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจพบว่าผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่จำเลยกลับข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินเพื่อละเว้นการจับกุม อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต คำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าว เข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยุติแล้วว่า การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการแกล้งจับโดยผู้เสียหายไม่มีความผิดแล้วเรียกรับเงิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 149 ดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสมแล้วและการที่จะถือว่าเป็นเรื่องอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดหรือไม่ เป็นเรื่องพิจารณาจากฟ้อง คดีนี้ ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์อ้างบทมาตราความผิดตามบทเฉพาะมาตรา 148 แต่เมื่อปรากฏว่าตามคำบรรยายฟ้องและข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามบทเฉพาะมาตรา 149 จึงถือว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า ซึ่งเมื่อเป็นความผิดตามบทเฉพาะแล้วก็ไม่ต้องปรับบทมาตรา 157 ที่เป็นบททั่วไปอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้กฎหมายเฉพาะ (กฎเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถาน) เหนือกฎหมายทั่วไป (ประมวลกฎหมายอาญา) ในคดีบุกรุกศาลเจ้า
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกเข้าไปอยู่อาศัยในศาลาโรงธรรมบ้านขมิ้นตั้งอยู่ในที่ดินของกระทรวงมหาดไทย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,364,365 ทางพิจารณาได้ความว่าศาลาโรงธรรมบ้านขมิ้นได้ขึ้นทะเบียนเป็นศาลเจ้าไว้แล้ว จึงต้องบังคับตามเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้า ข้อ 22 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นกฎหมายทั่วไปที่ใช้บังคับภายหลังและมิได้บัญญัติยกเลิกกฎเสนาบดีดังกล่าวหาได้ไม่ ทั้งการที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว เป็นการอ้างกฎหมายผิดเป็นคนละเรื่อง มิใช่เป็นการอ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 วรรคห้า ศาลจะลงโทษจำเลยตามกฎเสนาบดีว่าด้วยที่กุศลสถานชนิดศาลเจ้า ข้อ 22 มิได้ เพราะขัดต่อมาตรา 192 วรรคแรก จึงชอบที่จะพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์ ศาลจำกัดขอบเขตการลงโทษตามที่ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์โดยขู่เข็ญจะกระทำร้ายเพื่อให้เจ้าทรัพย์ส่งทรัพย์ให้. มิได้บรรยายว่าจำเลยฉกฉวยพาหนีไปต่อหน้าอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์. เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์ โดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญจะใช้กำลังประทุษร้าย. หากแต่ได้ลักทรัพย์โดยฉกฉวยทรัพย์วิ่งหนีไปต่อหน้า อันเข้าลักษณะเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ดังนี้. เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์. ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ซึ่งมีลักษณะพิเศษไปจากการลักทรัพย์ธรรมดา เมื่อโจทก์ไม่บรรยายฟ้องในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์. คดีจึงคงลงโทษจำเลยได้ในฐานลักทรัพย์เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสูงในการกำหนดโทษกระทงเบาหลังยกฟ้องกระทงหนัก และการยุติของความผิดที่ยังคงมีอยู่
กรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรตามมาตรา 357 และพกพาอาวุธไปในที่ชุมชนตามมาตรา 371แต่ให้ลงโทษกระทงหนักตามมาตรา 357 และจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์เฉพาะข้อหาฐานรับของโจร นั้น ความผิดของจำเลยฐานพกพาอาวุธไปในที่ชุมนุมชนตามมาตรา 371 ที่ยุติแล้ว ก็ยังคงมีอยู่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลสูง(ศาลอุทธรณ์) พิพากษายกฟ้องฐานรับของโจรอันเป็นกระทงหนัก ศาลสูง (ศาลอุทธรณ์) ก็มีอำนาจกำหนดโทษในความผิดกระทงเบาฐานพกพาอาวุธไปในที่ชุมชนที่ยังมีอยู่นั้นได้ ไม่เป็นการนอกเหนือกฎหมาย ตามนัยฎีกาที่ 1196/2502 และเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดโทษ ศาลฎีกาก็กำหนดโทษไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์กำหนดได้
of 7