พบผลลัพธ์ทั้งหมด 375 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างและผู้รับประกันภัยในเหตุละเมิดจากการขนส่งสินค้า
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งนำเข้าร่วมรับขนส่งกับห้างหุ้นส่วนผู้เอาประกันภัยค้ำจุนกับจำเลยร่วม จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ฐานเป็นนายจ้าง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 ห้างหุ้นส่วนผู้เอาประกันภัยไม่ได้เข้ามาในคดี แต่จำเลยร่วม ผู้รับประกันภัยถูกหมายเรียกเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีแล้ว มีผลเสมือนจำเลยร่วมถูกฟ้อง และโจทก์ฟ้องจำเลยร่วมได้โดยตรง ตาม มาตรา 887
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยรถยนต์: จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดหากไม่ใช่ประกันภัยค้ำจุน และโจทก์ไม่ได้แสดงหลักฐานการรับประกันในลักษณะดังกล่าว
ตามคำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างหรือแสดงว่าจำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์พิพาทไว้ในลักษณะประกันภัยค้ำจุน ซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ ฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญอันเป็นมูลที่จะให้จำเลยที่ 3 ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยรถยนต์: จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดหากไม่ใช่ประกันภัยค้ำจุน
ตามคำฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างหรือแสดงว่าจำเลยที่ 3รับประกันภัย รถยนต์พิพาทไว้ในลักษณะประกันภัยค้ำจุน ซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัย ตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัย อันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ ฟ้องโจทก์จึงขาดสารสำคัญอันเป็นมูลที่จะให้จำเลยที่ 3 ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันภัยค้ำจุนและการใช้สิทธิไล่เบี้ย: ศาลชอบที่จะพิพากษาให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายก่อนผู้เอาประกันภัย
บริษัทจำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยประเภทค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 1เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลหมายเรียก จำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) มีผลเสมือนจำเลยร่วมถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ จำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะให้เรียกค่าเสียหายเอาจากจำเลยร่วมได้โดยตรงก่อนตามจำนวนเงินในกรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับประกันภัยตามสัญญาสัญญาประกันภัย ไม่ใช่ละเมิด
จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ ความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัย การที่โจทก์ฟ้องหรือขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่ใช่ฟ้องในมูลหนี้ละเมิด แต่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาประกันภัย จึงมีอายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรก จะนำอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 448 วรรคแรก บังคับไม่ได้
เมื่อฟังว่า จำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดเนื่องจากฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียร้องจากจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัย ก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
เมื่อฟังว่า จำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดเนื่องจากฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียร้องจากจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัย ก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีประกันภัย: สัญญาประกันภัยมีอายุความ 2 ปีนับจากวันเกิดเหตุ ไม่ใช่ 1 ปีตามมูลละเมิด
จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุความรับผิดของจำเลยร่วมเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัย การที่โจทก์ฟ้องหรือขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเพื่อใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่ใช่ฟ้องในมูลหนี้ละเมิด แต่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยมูลหนี้ตามสัญญาประกันภัย จึงมีอายุความ2ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 882 วรรคแรก จะนำอายุความ 1 ปี ตามมาตรา448 วรรคแรกบังคับไม่ได้
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดเนื่องจากฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียกร้องจากจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดเนื่องจากฟ้องโจทก์ขาดอายุความเรียกร้องจากจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763-1764/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยต่อบุคคลภายนอก และการรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหายจากการขาดความสามารถประกอบการงาน
ข้อความตามกรมธรรม์ประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ว่า ผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายเมื่อความบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยนั้นมีความหมายว่า ในกรณีที่บุคคลภายนอกได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตายผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกฎหมายในค่าเสียหายอย่างไรแล้วผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกในนามของผู้เอาประกันภัยดังนั้นเมื่อบุคคลภายนอกซึ่งได้รับบาดเจ็บชอบที่จะเรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยใช้ค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ผู้รับประกันภัยก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ด้วย
โจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนและเรียกสำนวนการสอบสวนนั้นมาเป็นพยานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วแต่พนักงานอัยการส่งสำนวนการสอบสวนมาหลังจากโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้วหากจำเลยเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นไม่ถูกต้องทำให้จำเลยเสียเปรียบจำเลยก็ชอบที่จะอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้ห้ามรับฟังพยานเอกสารที่มิได้มีการนำสืบพยานบุคคลประกอบศาลย่อมมีอำนาจรับฟังและใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานเอกสารดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
โจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนและเรียกสำนวนการสอบสวนนั้นมาเป็นพยานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วแต่พนักงานอัยการส่งสำนวนการสอบสวนมาหลังจากโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้วหากจำเลยเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นไม่ถูกต้องทำให้จำเลยเสียเปรียบจำเลยก็ชอบที่จะอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้ห้ามรับฟังพยานเอกสารที่มิได้มีการนำสืบพยานบุคคลประกอบศาลย่อมมีอำนาจรับฟังและใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานเอกสารดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ตามกรมธรรม์ประกันภัย: ผู้ครอบครองรถยนต์ไม่ใช่ผู้เอาประกันภัย
จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์จากห้าง ผ. แล้วนำไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 โดยระบุว่านางสาว ก. เป็นผู้เอาประกันภัย แม้จะมีชื่อจำเลยที่ 1 ในวงเล็บต่อจากชื่อนางสาว ก. ในกรมธรรม์ประกันภัยและจำเลยที่ 1 จะเป็นผู้ส่งเบี้ยประกันภัยก็ตาม แต่ที่อยู่ที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยไม่ใช่ที่อยู่ของจำเลยที่ 1 หากเป็นที่อยู่ของนางสาว ก. การที่วงเล็บชื่อจำเลยที่ 1 ไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยก็เพื่อแสดงว่ารถยนต์คันที่เอาประกันอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 1มิใช่ผู้เอาประกันภัย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วยในผลแห่งการละเมิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยรถยนต์: ต้องมีนิติสัมพันธ์กับผู้ขับขี่
คดีฟังไม่ได้ว่าผู้เอาประกันภัยรถยนต์มีนิติสัมพันธ์กับผู้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของผู้ขับผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย
การที่โจทก์จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยโดยตรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสอง นั้นต้องเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบตาม มาตรา 887 วรรคแรกเสียก่อน
การที่โจทก์จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยโดยตรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสอง นั้นต้องเป็นกรณีที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบตาม มาตรา 887 วรรคแรกเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของผู้เช่าซื้อเมื่อรถเสียหายจากละเมิด ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อมาเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับคืนดีได้ แม้โจทก์จะชำระราคาค่าเช่าซื้อยังไม่ครบ โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหาย และต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำละเมิดโดยตรงต่อโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้เต็มราคารถจักรยานยนต์