พบผลลัพธ์ทั้งหมด 159 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความกับการเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำนาไม่ทำให้ภารจำยอมเสื่อม
โจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความในการนำกระบือผ่านที่ดินนาของจำเลยชั่วระยะเวลาก่อนจำเลยทำนาเสร็จ. เมื่อการทำนาของจำเลยตามที่เป็นมาจนเกิดภารจำยอมเป็นการทำนาดำ. จำเลยจะเปลี่ยนเป็นทำนาหว่าน. ซึ่งลงมือก่อนทำนาดำ. เป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางนำกระบือผ่านไม่ได้. อันเป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมหาได้ไม่.
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ. ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์.
แม้จำเลยจะทำนาหว่านได้ผลดีกว่านาดำ. ก็ไม่เป็นเหตุที่อ้างให้เสื่อมประโยชน์แห่งภารจำยอมของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: สิทธิใช้ทาง แม้ไม่ติดที่ดิน, ผู้เช่าก็ละเมิดได้
เมื่อคดีฟังได้ว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมซึ่งโจทก์ได้มาโดยอายุความจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่ทางพิพาทตั้งอยู่ก็ไม่มีอำนาจจะปิดทางพิพาท ส่วนจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินมาจากผู้อื่น ก็ไม่มีสิทธิล้อมรั้วกินทางพิพาทนั้นเข้าไปได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อยู่ในตัว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์ เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์ เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 898/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภารจำยอมเกิดจากการใช้สิทธิเดิมโดยอายุความ แม้สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่ติดกันก็เป็นได้
เมื่อคดีฟังได้ว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมซึ่งโจทก์ได้มาโดยอายุความ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่ทางพิพาทตั้งอยู่ก็ไม่มีอำนาจจะปิดทางพิพาท ส่วนจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินมาจากผู้อื่น ก็ไม่มีสิทธิล้อมรั้วกินทางพิพาทนั้นเข้าไปได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อยู่ในตัว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องให้จำเลยเปิดทางได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
สามยทรัพย์และภารยทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน ถ้าการที่ต้องจำยอมนั้นมีลักษณะเป็นภาระแก่อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น จะเป็นแปลงหนึ่งหรือหลายแปลงก็ดี จะมีอสังหาริมทรัพย์อื่นคั่นอยู่ระหว่างหรือจะต้องข้ามทางสาธารณะไปก็ดี ก็อาจเป็นภารจำยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลล่าง แม้จำเลยอ้างประเด็นไม่ตรง
ศาลล่างพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางที่ตกอยู่ในการจำยอม จำเลยฎีกาว่า ที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อม ทางพิพาทจึงไม่เป็นทางจำเป็น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ตรงประเด็น ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1128/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: สิทธิการใช้ทางเดินแม้ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และการประเมินค่าเสียหายจากการรุกล้ำ
ศาลล่างพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางที่ตกอยู่ในภารจำยอม จำเลยฎีกาว่าที่ดินของโจทก์ไม่ตกอยู่ในที่ล้อม ทางพิพาทจึงไม่เป็นทางจำเป็น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ตรงประเด็นศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
โจทก์อ้างข้อตกลงอันเป็นมูลเดิมแล้วฟ้องว่าทางพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมที่โจทก์ได้มาโดยอายุความ คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของข้อตกลง
โจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีละเมิดปักเสารุกล้ำ กั้นรั้วปิดทางเดิน แล้วเรียกค่าเสียหาย แม้ไม่ได้กล่าวว่าเสียหายอะไรไปเท่าใด กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลวินิจฉัยให้ค่าเสียหายตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ดินจำเลยตรงทางเดินรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอม ซึ่งโจทก์ใช้เป็นทางเดินมากว่า 10 ปี ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าทางรายพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านหรือไม่ มิได้อยู่ที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้ใช้เฉพาะช่วงเวลาที่ทำนา การปิดกั้นทางเป็นเหตุละเมิด
โจทก์ได้ใช้ทางพิพาทของจำเลยเป็นทางเดินผ่านทุกปีเมื่อสิ้นฤดูทำนา เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ภาระจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์แล้ว แม้โจทก์จะมิได้ใช้ทางพิพาทในฤดูทำนาก็ตาม ก็หาทำให้การใช้ทางนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่ จำเลยจะปิดกั้นหรือขุดบ่อ ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางดังกล่าวหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในภารจำยอมโดยอายุความและการปิดกั้นทางระบายน้ำ
เดิมที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน แต่มาแบ่งแยกภายหลัง มีคูระบายน้ำและใช้ระบายน้ำโสโครกผ่านที่ดินในส่วนที่ตกมาเป็นของจำเลยตั้งแต่เจ้าของเดิม เมื่อที่ดินตกมาเป็นของโจทก์ โจทก์ก็ใช้คูระบายน้ำโสโครกต่อมาอีกกว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้ โจทก์ย่อมได้สิทธิในภาระจำยอมโดยอายุความเหนือที่ดินจำเลย จำเลยจะปิดคูระบายน้ำเสียไม่ได้
ข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิกระทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 แต่ไม่ขอสืบพยานนั้น ศาลไม่รับฟัง
ข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิกระทำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 แต่ไม่ขอสืบพยานนั้น ศาลไม่รับฟัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมสิ้นสุดลงเมื่อมีการหยุดใช้ทางเป็นระยะเวลานาน และขนาดทางไม่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์เดิม
ทางซึ่งเคยตกเป็นภาระจำยอมขนาดเกวียนเดินผ่านได้แต่เจ้าของที่ปลูกกั้นไม่ให้เกวียนเดินมาช้านานถึง 15-16 ปี ย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 คงเหลือแต่ภาระจำยอมเฉพาะคนเดินเท่านั้น เมื่อสภาพแห่งภาระจำยอมที่จะใช้เกวียนสิ้นไปแล้ว แม้จะกลับใช้เกวียนใหม่อีกเพียง 3 ปี ก็ไม่ทำให้ภาระจำยอมกลับมีขึ้นอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 หรือ 1401
และการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า ภาระจำยอมสิ้นไปแล้วโดยอายุความนี้เป็นอายุความได้สิทธิและเสียสิทธิ ไม่ใช่อายุความฟ้องคดี ศาลจึงยกขึ้นเป็นประเด็นวินิจฉัยเองได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 193
และการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า ภาระจำยอมสิ้นไปแล้วโดยอายุความนี้เป็นอายุความได้สิทธิและเสียสิทธิ ไม่ใช่อายุความฟ้องคดี ศาลจึงยกขึ้นเป็นประเด็นวินิจฉัยเองได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 193
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมสิ้นสุดลงเมื่อถูกปิดกั้นการใช้ประโยชน์นานเกินกว่า 15 ปี แม้จะกลับมาใช้ประโยชน์อีกก็ไม่ฟื้นคืนสภาพ
ทางซึ่งเคยตกเป็นภารจำยอมขนาดเกวียนเดินผ่านได้ แต่เจ้าของที่ปลูกกั้นไม่ให้เกวียนเดินมาช้านานถึง 15-16ปีย่อมสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399คงเหลือแต่ภารจำยอมเฉพาะคนเดินเท่านั้น เมื่อสภาพแห่งภารจำยอมที่จะใช้เกวียนสิ้นไปแล้ว แม้จะกลับใช้เกวียนใหม่อีกเพียง 3 ปี ก็ไม่ทำให้ภารจำยอมกลับมีขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 หรือ 1401และการวินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่า ภารจำยอมสิ้นไปแล้วโดยอายุความนี้ เป็นอายุความได้สิทธิและเสียสิทธิ ไม่ใช่อายุความฟ้องคดี ศาลจึงยกขึ้นเป็นประเด็นวินิจฉัยเองได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 193
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำถนนคอนกรีตบนทางภารจำยอมไม่ถือเป็นการเพิ่มภารจำยอม หรือสละสิทธิ หากยังคงสภาพเดิม และภารจำยอมยังไม่สิ้นสุด
การทำถนนคอนกรีตบนทางภารจำยอมไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2503)
จดทะเบียนภารจำยอมว่าเป็นทางเดินของผู้ที่อยู่ในโฉนดซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของ แต่แล้วใช้ทางนี้เป็นทางรถด้วยก็ดี หรือมีคนอื่นซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดของจำเลยได้ใช้เป็นทางเดินด้วยก็ดี ก็ยังไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม
เมื่อการจดทะเบียนภารจำยอมยังคงอยู่แม้ผู้ใช้ทางนั้นจะอ้างว่าเป็นทางสาธารณ ก็ไม่ถือว่าสละสิทธิภารจำยอม
จดทะเบียนภารจำยอมว่าเป็นทางเดินของผู้ที่อยู่ในโฉนดซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของ แต่แล้วใช้ทางนี้เป็นทางรถด้วยก็ดี หรือมีคนอื่นซึ่งอยู่ในที่ดินโฉนดของจำเลยได้ใช้เป็นทางเดินด้วยก็ดี ก็ยังไม่เป็นการเพิ่มภารจำยอม
เมื่อการจดทะเบียนภารจำยอมยังคงอยู่แม้ผู้ใช้ทางนั้นจะอ้างว่าเป็นทางสาธารณ ก็ไม่ถือว่าสละสิทธิภารจำยอม