พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7818/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดร่วมกับผู้รับจ้างในความเสียหายจากการควบคุมงานที่ไม่ปลอดภัย
ตามสัญญาจ้างระบุว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับจ้างจะต้องก่อสร้างตามรูปแบบและรายการที่จำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างกำหนดไว้ทุกประการ และจำเลยที่ 1ได้แต่งตั้งให้ ว.ช่างโยธาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมงาน เมื่อ ว.เห็นว่าจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการของจำเลยที่ 2 ใช้คนและเครื่องจักรขุดดินรางระบายน้ำเก่าโดยไม่ได้ใช้ไม้ค้ำยันและอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ดินพังลงมา แต่ ว.ก็มิได้สั่งห้ามมิให้ทำเป็นเหตุให้ดินพังลงมาทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย ถือว่าจำเลยที่ 1ในฐานะผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำด้วย จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วยตาม ป.พ.พ.มาตรา 428 เพราะ ว.ผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ควบคุมวิธีการก่อสร้างด้วย มิใช่มีหน้าที่เพียงควบคุมให้ผลของงานเป็นไปตามสัญญาเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7818/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดร่วมกับผู้รับจ้างเมื่อผู้ควบคุมงานละเลยไม่สั่งระงับการก่อสร้างที่เสี่ยงอันตราย
ตามสัญญาจ้างระบุว่าจำเลยที่2ผู้รับจ้างจะต้องก่อสร้างตามรูปแบบและรายการที่จำเลยที่1ผู้ว่าจ้างกำหนดไว้ทุกประการและจำเลยที่1ได้แต่งตั้งให้ว.ช่างโยธาของจำเลยที่1เป็นผู้ควบคุมงานเมื่อว.เห็นว่าจำเลยที่4ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการของจำเลยที่2ใช้คนและเครื่องจักรขุดดินรางระบายน้ำเก่าโดยไม่ได้ใช้ไม้ค้ำยันและอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ดินพังลงมาแต่ว.ก็มิได้สั่งห้ามมิให้ทำเป็นเหตุให้ดินพังลงมาทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายถือว่าจำเลยที่1ในฐานะผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำด้วยจำเลยที่1จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่2ผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา428เพราะว.ผู้ควบคุมงานของจำเลยที่1มีหน้าที่ควบคุมวิธีการก่อสร้างด้วยมิใช่มีหน้าที่เพียงควบคุมให้ผลของงานเป็นไปตามสัญญาเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการขุดดิน – ความรับผิดของผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง – การแก้ไขสภาพเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและจำเลยร่วมก่อสร้างเขื่อนเพื่อกั้นดินในเขตติดต่อที่ดินโจทก์จำเลยมิให้พังทลายลงโดยไม่ได้ฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายซึ่งเกิดจากการละเมิดโดยตรง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา448 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีอายุความเพียง 1 ปี และในกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงใช้อายุความตามหลักทั่วไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30ซึ่งมีอายุความ 10 ปี
การที่ที่ดินของโจทก์พังทลายลงเกิดจากการกระทำของคนงานของจำเลยร่วมที่ขุดดินใกล้เขตที่ดินของโจทก์มากเกินไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเท่าที่ควร ถือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งจำเลยร่วมจะต้องเป็นผู้รับผิด จำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้กำหนดให้จำเลยร่วมผู้รับจ้างว่าจะขุดบริเวณใดเห็นได้ว่าจำเลยร่วมได้ทำตามคำสั่งของจำเลย แม้จะเป็นการจ้างทำของ จำเลยก็จะต้องร่วมรับผิดด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 428
โจทก์ขอให้สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นดินยาว 180 เมตรก็เพื่อต้องการที่จะให้ที่ดินอยู่ในสภาพเดิมไม่พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยเท่านั้นดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการสร้างเขื่อนเกินความจำเป็น จึงได้ใช้วิธีถมดินแล้วบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันมิให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ ไม่เกินคำขอของโจทก์
การที่ที่ดินของโจทก์พังทลายลงเกิดจากการกระทำของคนงานของจำเลยร่วมที่ขุดดินใกล้เขตที่ดินของโจทก์มากเกินไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเท่าที่ควร ถือเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ซึ่งจำเลยร่วมจะต้องเป็นผู้รับผิด จำเลยผู้ว่าจ้างเป็นผู้กำหนดให้จำเลยร่วมผู้รับจ้างว่าจะขุดบริเวณใดเห็นได้ว่าจำเลยร่วมได้ทำตามคำสั่งของจำเลย แม้จะเป็นการจ้างทำของ จำเลยก็จะต้องร่วมรับผิดด้วย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 428
โจทก์ขอให้สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นดินยาว 180 เมตรก็เพื่อต้องการที่จะให้ที่ดินอยู่ในสภาพเดิมไม่พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยเท่านั้นดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการสร้างเขื่อนเกินความจำเป็น จึงได้ใช้วิธีถมดินแล้วบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันมิให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ ไม่เกินคำขอของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดและการพิสูจน์ความเสียหายจากดินพังทลาย
คนงานของ จำเลยร่วมซึ่งจำเลยได้ว่าจ้างให้ขุดดินในที่ดินของจำเลยด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์เพื่อนำออกไปยังที่อื่นขุดดินตามบริเวณที่จำเลยกำหนดใกล้เขตที่ดินของโจทก์มากเกินไปเป็นเหตุให้ดินในเขตที่ดินของโจทก์พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยเป็นการ ละเมิดซึ่งจำเลยร่วมต้องรับผิดและจำเลยต้องร่วมรับผิดด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา428โดย สิทธิเรียกร้อง ค่าเสียหายมีอายุความ1ปีตามมาตรา448ส่วนการฟ้องขอให้จำเลยและจำเลยร่วมก่อสร้างเขื่อนเพื่อกั้นดินในเขตติดต่อที่ดินโจทก์จำเลยมิให้พังทลายลงไม่มีกฎหมายบัญญัติ อายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ10ปีตามมาตรา193/30 โจทก์ขอให้สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นดินไม่ให้พังทลายลงเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการสร้างเขื่อนเกินความจำเป็นจึงใช้วิธีถมดินแล้วบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันมิให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยย่อมมีอำนาจทำได้ไม่เกินคำขอ โจทก์มิได้นำสืบว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินส่วนที่พังทลายลงไปอย่างไรจำนวนเท่าใดจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ขาดประโยชน์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากละเมิดและการขุดดินใกล้เขตที่ดิน การสร้างเขื่อนหรือถมดินเพื่อแก้ไขที่ดินพังทลาย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยก่อสร้างเขื่อนเพื่อกั้นดินในเขตติดต่อที่ดินโจทก์จำเลยมิให้พังทลายลงโดยไม่ได้ฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายซึ่งเกิดจากการละเมิดโดยตรงจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา448วรรคหนึ่งซึ่งมีอายุความเพียง1ปีและในกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงใช้อายุความตามหลักทั่วไปตามมาตรา193/30ซึ่งมีอายุความ10ปี โดยหลักทั่วไปแล้วผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นต่อบุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา428เมื่อจำเลยเป็นผู้กำหนดว่าจะขุดดินบริเวณใดและจำเลยร่วมได้ทำตามคำสั่งของจำเลยเป็นเหตุให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงจำเลยจึงต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ฟ้องขอให้สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นดินยาว180เมตรความประสงค์ของโจทก์ต้องการที่จะให้ที่ดินอยู่ในสภาพเดิมไม่พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยเท่านั้นซึ่งการสร้างเขื่อนก็เป็นวิธีการหนึ่งที่โจทก์เห็นว่าจะกั้นดินไม่ให้พังทลายลงแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการสร้างเขื่อนเกินความจำเป็นจึงได้ใช้วิธีถมดินแล้วบดอัดให้แน่นเพื่อป้องกันมิให้ที่ดินของโจทก์พังทลายลงไปในที่ดินของจำเลยนั้นศาลอุทธรณ์มีอำนาจทำได้ไม่เกินคำขอของโจทก์แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ถมดินระยะยาวเกินกว่า180เมตรเป็นการเกินคำขอของโจทก์จึงไม่อาจทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ควบคุมงานก่อสร้างต่อความเสียหายจากความประมาทเลินเล่อในการติดตั้งเครื่องหมายจราจร
จำเลยที่ 4 มีหน้าที่รับผิดชอบในการประมูลและควบคุมการก่อสร้างถนนที่เกิดเหตุ จึงมีหน้าที่ดูแลและจัดให้มีเครื่องหมาย ป้าย หรือสัญญาณจราจรในบริเวณที่เกิดเหตุ และต้องคอยควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 2 ติดตั้งเครื่อง-หมายต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ได้ติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรให้ถูกต้องเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 4จึงเป็นการละเว้นไม่ควบคุมจำเลยที่ 2 ให้จัดการป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่ผู้ใช้ถนนตามหน้าที่ จำเลยที่ 4 เป็นผู้ประมาทเลินเล่อต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ควบคุมงานก่อสร้างต่อความประมาทเลินเล่อของผู้รับเหมาในการติดตั้งเครื่องหมายจราจร
จำเลยที่ 4 มีหน้าที่รับผิดชอบในการประมูลและควบคุมการก่อสร้างถนนที่เกิดเหตุ จึงมีหน้าที่ดูแลและจัดให้มีเครื่องหมาย ป้ายหรือสัญญาณจราจรในบริเวณที่เกิดเหตุ และต้องคอยควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 2 ติดตั้งเครื่องหมายต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เมื่อจำเลยที่ 2ไม่ได้ติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรให้ถูกต้องเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการละเว้นไม่ควบคุมจำเลยที่ 2 ให้จัดการป้องกันอันตรายอันจะเกิดแก่ผู้ใช้ถนนตามหน้าที่ จำเลยที่ 4 เป็นผู้ประมาทเลินเล่อต้องรับผิดต่อโจทก์ในผลแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของโครงการไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายจากการก่อสร้าง หากไม่ได้ควบคุมดูแล
จำเลยเป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างอาคาร แต่จำเลยไม่ได้ควบคุมและสั่งการในการก่อสร้าง เพราะได้ว่าจ้างให้บุคคลอื่นเป็นผู้ก่อสร้างและควบคุมดูแลการก่อสร้าง เมื่อความเสียหายเกิดจากการก่อสร้าง โจทก์จะต้องไปเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้ก่อสร้าง ไม่ใช่จากจำเลย เพราะจำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของโครงการก่อสร้างไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย หากไม่ได้ควบคุมดูแลการก่อสร้างโดยตรง
จำเลยเป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างอาคาร แต่จำเลยไม่ได้ควบคุมและสั่งการในการก่อสร้าง เพราะได้ว่าจ้างให้บุคคลอื่นเป็นผู้ก่อสร้างและควบคุมดูแลการก่อสร้าง เมื่อความเสียหายเกิดจากการก่อสร้าง โจทก์จะต้องไปเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้ก่อสร้างไม่ใช่จากจำเลย เพราะจำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5538/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากการตอกเสาเข็ม แม้ไม่ได้จัดการเอง แต่มีคำสั่งให้ทำและรับรองความเสียหาย ถือเป็นการยอมรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 428
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดต่อกับที่ดินโจทก์ จำเลยที่ 3 เป็นบิดาจำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างอาคารตึก3 ชั้น ลงในที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เพื่อขายแก่บุคคลภายนอกโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร มีจำเลยที่ 4 ที่ 5เป็นผู้ตอกเสาเข็ม แม้ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือจัดการตอกเสาเข็ม อำนาจในการควบคุมการตอกเสาเข็มการวางแผน วิธีการในการตอกเสาเข็ม การออกคำสั่ง การควบคุมคนงานในการตอกเสาเข็ม การกระทำต่าง ๆ เหล่านี้ตกอยู่ภายใต้อำนาจและการควบคุมของจำเลยที่ 4 ที่ 5 ทั้งสิ้นก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 และที่ 3ก็อาจต้องรับผิดต่อโจทก์ตามคำสั่งที่ให้ไว้ตามข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 ได้ ซึ่งระหว่างการตอกเสาเข็มรายนี้ โจทก์ที่ 1 ได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตดุสิตขอให้ระงับการตอกเสาเข็มและหาวิธีการมิให้เกิดความเสียหายขึ้นอีกผู้อำนวยการเขตเรียกทั้งสองฝ่ายไปเจรจากัน จำเลยที่ 1 และที่ 3รับว่าจะควบคุมการตอกเสาเข็มมิให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วหรืออาจมีขึ้นอีกก็ยินดีชดใช้ให้อันเป็นการยอมรับผิดในผลที่เกิดจากคำสั่งที่จำเลยทั้งสองนี้ให้ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 จำเลยที่ 1 และที่ 3จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 4 และที่ 5 อย่างลูกหนี้ร่วมต่อโจทก์โดยรับผิดเต็มจำนวนความเสียหาย ส่วนความรับผิดระหว่างจำเลยด้วยกันเป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเอง